สัมคมนี้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? (ตอนที่ ๔ งานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ ๓)


เมื่อเราไปถึงมีแต่เรื่องดี ๆ คนดี ๆ คำพูดคำทักทายที่ดี ๆ น่าฟัง คนเท่าเทียม อ่อนน้อมถ่อมตน อยากให้สังคมทั่ว ๆ ไปเป็นเช่นนี้ ประเทศเราจะได้มีความสุขกันทุกคน

           ผมกลับถึงบ้านเมื่อวานนี้ (๑๐ ธ.ค.๔๙)  หลังจากที่เดินทางไปตั้งแต่วันที่  ๖ ธ.ค.๔๙  เพื่อสัมมนาโครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม กรุงเทพ ฯ  (บันทึกตอนที่ ๓)

          สิ่งแรกที่รีบทำทันทีเมื่อวางสัมภาระเดินทาง  คือ รีบเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์  เชื่อมต่ออินเตอร์เนต  และเข้าไปเยี่ยมกัลยณมิตร  ใน GotoKnow  โดยคิดตลอดการเดินทางว่า เพื่อนกัลยณมิตรคงมีอะไรมาเล่าสู่กันฟังให้เราได้สุขใจอีกแน่ ๆ  และก็เป็นดั่งคาดคิดจริง ๆ  เพื่อนกัลยาณมิตรได้พูดถึงซึ่งกันและกันรวมทั้งผมด้วย   ผมคิดว่าเราคงพูดถึงกันไปนานแสนนาน   และคงไม่มีวันเบื่อที่จะพูดถึงกัน

          ถ้าใครซักคนที่เข้ามาอ่าน  อาจจะงง ๆ  และมองได้ว่าดูเหมือนไม่มีอะไรเลย  ก็เพียงแต่พูดคุยกล่าวถึงกัน  สาระไม่เห็น  แต่แท้ที่จริงนั้นสาระมีมากจนคาดไม่ถึง  หากมองดูและ
พิจารณาให้ลึกซึ้งครับ นี่คือช่วงหนึ่ง   เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นที่สามารถเป็นกรณีศึกษาเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี  ตั้งคำถามซักนิดสังคมนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร  

(คุณนิดหน่อย คุณศิริ พี่เม่ย    ท่าน อ.ปารมี)

(บรรยากาศห้องคุณอำนวย โดยท่าน อ.หมอ JJ และกัลยาณมิตรกำลัง ลปรร.)
(ห้องคุณอำนวย : คุณหมอฟัน(เด็ก) กำลัง ลปรร.)

(คุณทวี คุณเมตตา คุณสิงห์ป่าสัก คุณนันทา)


          ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย  อยู่ต่างพื้นที่ ต่างหน่วยงาน ต่างอาชีพ  ต่างเพศและน่าศึกษาเรียนรู้ด้วยซ้ำไป  ต่างวัย ต่างการศึกษา ต่างตำแหน่งหน้าที่ ต่างประสบการณ์  และมีอีกหลายอย่างที่แตกต่าง  แต่เมื่อมาอยู่ในสังคมนี้ทำไมทุกคนเท่าเทียมกัน  อยากเจอกัน  ดีใจและมีความสุขเมื่อได้เจอกัน


       

(ครูนงเมืองคอน  คุณเล็ก-ศุภลักษณ์)


          ในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓  ต่างคนต่างวิ่งหากัน  ต้องการอย่างยิ่งที่จะรู้จักตัวจริง  เสียงจริง ของกันและกัน  นี่มันเป็นสังคมอะไรกันแน่ ?
        
          เมื่อเจอกันต่าง
ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข  เหมือนเคยรู้จัก เหมือนเคยเจอกัน  แล้วมาเจอกันใหม่  ซึ่งก็เป็นเพียงบางท่านเท่านั้นที่เคยเจอกันแล้ว  แต่ส่วนมากเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก

          บรรยากาศทั่ว ๆ ไป ในงาน  มีแต่กระแสจิตแห่งคุณงามความดีแผ่ไปทั่ว  เหมือนกับอาจารย์ท่านหนึ่งได้เคยบอกไว้ตอนที่ผมไปอบรมที่โรงเรียนผู้นำ มูลนิธิ พลตรี จำลอง ศรีเมือง
กาญจนบุรีว่า  เวลาเราไปเข้าวัดทำบุญเรารู้สึกร่มรื่นสงบเย็น  และปลอดภัย  นั่นเพราะรอบ ๆ ตัวเรามีแต่กระแสจิตแห่งคุณงามความดีแผ่กระจายอยู่รอบตัวเรา  และถ้าเราไปอยู่บริเวณที่เขาเล่นการพนัน  เราจะรู้สึกมันวุ่นวายเร้าร้อน หวั่น ตระหนก น่ากลัว นั่นเพราะจิตแต่ละคน มีกิเลศ ตัณหา  อยากได้อยากมี อยากชนะ ไม่อยากแพ้ ต่างไม่ไว้ใจกัน  ทำให้เรา
ที่ได้สัมผัสพลอยกระทบไปด้วย  อย่างน้อยเราก็หวั่นว่าถ้าตำรวจมาเราก็พลอยถูกจับไปด้วย 
 
          คิดแล้วอย่างที่ท่านอาจารย์บอกไว้จริง ๆ ในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติที่ผ่านมา  เมื่อเราไปถึงมีแต่เรื่องดี ๆ คนดี ๆ คำพูดคำทักทายที่ดี ๆ  น่าฟัง คนเท่าเทียม อ่อนน้อม
ถ่อมตน  อยากให้สังคมทั่ว ๆ ไปเป็นเช่นนี้  ประเทศเราจะได้มีความสุขกันทุกคน

หมายเลขบันทึก: 66445เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2006 08:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

เรียน คุณชาญวิทย์ นครศรีฯ

  • อ่านแล้วได้ความรู้สึกว่าเหมือนยังอยู่ในเหตุการณ์อยู่เลย
  • ในความเห็นของผมที่คุณชาญวิทย์ตั้งคำถามว่าสังคมเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร(ดีๆอย่างนี้) ผมคิดว่าเพราะมีคน(ดีๆ)อย่างนี้นี่เอง...เข้าข้างตัวเอง หมู่พวกตัวเองหรือเปล่าไม่รู้
  • เห็นด้วยอย่างยิ่งกับอาจารย์ท่านนั้นที่บอกตอนที่คุณชาญวิทย์ไปอบรมที่มูลนิธิพลตรีจำลอง ศรีเมือง นั่นแหละครับที่ว่าสำคัญที่คนเราจะแวดล้อมไปด้วยหมู่คนพันธุ์ใดเป็นสำคัญ
  • ดีใจครับที่คุณชาญวิทย์กลับถึงบ้านแล้ว ผมคงจะไปคุยด้วยไวๆนี้ ที่ออฟฟิสใหม่ สนง.เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช
  • เย คุยกันตั้งนานเพิ่งพบตัวเป็นๆกัน แต่ได้คุยไม่นานเลย มัวแต่ทำงานอยู่ เสียดาย
  • ทุกท่านเป็นกัลยาณมิตรที่ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านครับ
เห็นด้วยกับครูนงค่ะ อ่านแล้วเหมือนยังอยู่ในงานอยู่เลย  อบอุ่นมากๆ
ตามมาดูแล้วค่ะ
ถึงแม้จะไม่ค่อยได้คุยกัน    แต่ยังระลึกถึงอยู่นะคะ
.
ครูนงกับคุณชาญวิทย์  เหมือนแฝดเลยค่ะ
คุณชาญวิทย์เขียนได้เหมือนนั่งอยู่ในใจพวกเราทุกคนเลยนะคะ รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน เราไม่ได้สนใจเลยว่าแต่ละท่านมีตำแหน่งหน้าที่อะไร เราตื่นเต้นดีใจ อบอุ่นที่จะได้พบกัน เราศรัทธากันที่ตัวตนแท้ๆของแต่ละคน เพราะเรารู้จักความคิด แนวคิดของกันและกันนั่นเอง ขอบคุณบันทึกดีๆเช่นนี้ค่ะ
เพราะเราต่างเป็นคนทำงาน กระมัง...ในบันทึกที่เขียนจึงเพิ่มพลังกันได้...แม้มิบ่นถึงอุปสรรคในงาน...ต่างบอกเล่าในมุมที่เสริมพลังกัน...แต่เรารู้ว่าในทุกอริยาบทของการทำงานมีทั้ง...สำเร็จ...เกือบอีสำเร็จ....ไม่สำเร็จ....อันนี้กระมังทำให้มิตรภาพ งอกงาม...ขอบคุณค่ะ

รู้สึกเช่นเดียวกันค่ะ หลายคนไม่เคยเจอกัน พอได้มาเจอกันในงานมหกรรม KM เป็นครั้งแรกก็รู้สึกดีมีความสุข ไม่มีกำแพงน้ำแข็งกั้นกลาง

และเมื่อกลับจากงานมหกรรม เหมือนกับว่าทุกคนสนิทกันมากขึ้น นี่เป็นผลสำเร็จของรูปแบบของงานมหกรรมครานี้

เห็นได้ชัดมากๆ เลยค่ะว่า บันทึกของบล็อกเกอร์แต่ละคนมี comment กันมากขึ้นเยอะค่ะ

ดีใจจังเลย Happy สุดๆ ค่ะ :) 

      เช่นเดียวกันกับที่พี่ชาญวิทย์บันทึกไว้ทุกประการครับ 
  • สวัสดีค่ะ คุณชาญวิทย์ 
  • ขอบคุณที่นำภาพมาฝาก

 

เรียน ท่าน อ.จำนงครับ

         พวกเราทุกคนเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ นะครับ

เรียน อ.ขจิต

         ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมกัน  เจอกันได้คุยเล็กน้อย ไม่เป็นไรครับ Blog 2 Blog เรื่อย ๆ ครับ

 

เรียน ท่าน อ.พญ.ปารมี

         ขอบคุณมากครับที่เยี่ยมให้กำลังใจ ท่านเป็นคุณเอื้อที่เอื้อจริง ๆ ครับ

 

เรียน คุณนิดหน่อย

         เจอกันเห็นพูดนิดหน่อย  แต่เวลาบันทึกไม่นิดหน่อยเลยครับ ขอบคุณมากที่มาเยี่ยม

 

เรียน คุณ โอ๋-อโณ

         ขอบคุณมากนะครับ ที่แสดงความรู้สึก ท่านเป็นคนเก่งครับ

 

 เรียน คุณเมตตา

          เจอกันก็ได้คุยกันเล็กน้อย  หวังว่าคราหน้าคงไม่ทักผิดแน่ ๆ แล้วครับ ยิ้ม ยิ้ม ขอบคุณครับ     

 

เรียน อ.จันทวรรณ

         ดังที่ อ.ว่าครับ เจอกันแป๊บเดียว จากกันก็เหมือนสนิทกันเลย  มีความสุขครับ  ขอบคุณครับ

 

 เรียน คุณน้อง สิงห์ป่าสัก

          ขอบคุณที่มาเยี่ยม  วันที่ ๒๑ ธ.ค.๔๙ นี้มาที่จังหวัดแล้วครับ

 

เรียน พี่นันทา

         ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมให้กำลังใจเสมอ

 

 

  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท