วันนี้ (๑๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็น "วันเด็กแห่งชาติ" พลอยได้หวนคิดถึงความเยาว์วัยของชีวิตของตนเอง ซึ่งจะว่าไปแล้วในแต่ละวัน ก็โหยหาห้วงวัยความเป็นเด็กของตนเองอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการแสดงออกแบบเด็กๆ ในร่างของผู้ใหญ่ ที่มีทั้งน่ารักน่าชัง และน่าตบ น่าตี
การหวนรำลึกเช่นนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากการ "ถอดบทเรียนชีวิต" ดีๆ นั่นเอง
เช่นเดียวกับวันนี้ก็มีโอกาสได้เดินทอดเท้าเข้าร่วมงานวันเด็กที่จัดโดยองค์การนิสิตด้วยเช่นกัน
ผมเป็นคนประเภทจะทำอะไรซักอย่างจะให้ความสำคัญกับการทบทวนอดีตเสมอ
เสมือนการทบทวนชุดความรู้ หรือข้อเท็จจริงอันเป็นภาพลักษณ์ของงาน ความสำเร็จและความล้มเหลวของอดีตเสียก่อน โดยไม่เร่งรีบแดกดิบทะยานไปโดยไม่สนใจข้อมูลเดิม -
ครั้นได้เห็นภาพการจัดกิจกรรมวันเด็กของนิสิตในปีการศึกษา ๒๕๕๘ ก็เกิดคำถามในใจลึกๆ หลายเรื่อง หลายประเด็น กระนั้นก็มิได้ประเมิน พิพากษาโดยตรง เพราะยุคสมัยมีความต่าง อะไรเปลี่ยนผ่านอยู่เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าผู้คน จะหยิบจับต้นทุนในอดีตอะไรมาใช้บ้าง หรือมาประยุกต์ใช้บ้าง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่คน ซึ่งอาจจะหมายถึง คนหน้างานที่เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง และคนหน้างานที่มีสถานะของการเป็น "พี่เลี้ยง"
งานวันเด็กฯ ยังไม่แล้วเสร็จหรอกนะครับ แต่ผมถือโอกาสกลับมายังสำนักงานอีกครั้ง มานั่งทบทวนอดีตในวิถีความเป็นเด็กของตนเอง พร้อมๆ กับการทบทวนกระบวนทัศน์ว่าด้วยกิจกรรมวันเด็กที่ผมเคยได้มีส่วนในการขับเคลื่อน .... อาทิ
พระบรมราโชวาทฯ วันเด็ก (1) : การส่งต่อความดีอย่างเป็นระบบคือรากฐานของการพัฒนาประเทศชาติ
เปลือยความสุขภาคพิเศษ : วันเด็ก...ส่งลูกไปเรียนพิเศษที่บ้านนอก (อีกครั้ง)
วันเด็ก (เราทิ้งชุมชนแถวนี้ไม่ได้จริงๆ)
วันเด็ก ..ความสำคัญของเด็ก (หาใช่ค่านิยมของการพาเด็กไปรับของแจก)
วันเด็กที่ มมส : เด็กเดิน ผู้ปกครองเดิน... คนกันเองกันทั้งนั้น
สวัสดีปีใหม่ และวันเด็กย้อนหลังครับ คุณมะเดื่อ
ทุกๆ วัน ในตัวตนของเรา มีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในนั้นเสมอ...
ยิ่งเป็นเด็ก ยิ่งสดใส...
แต่ผม มีความเป็นเด็กน้อยมากครับ เลยชราก่อนวัย...55
เป็นกำลังใจให้เด็กๆและผู้ร่วมสนับสนุนทุกคนค่ะ....
ขอบพระคุณครับ พี่ใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ
วันเด็กทีไร ทำให้คิดถึงรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของโลกใบนี้ จริงๆ นะครับ