วันนี้เดินทางมาใช้ชีวิตในวิถีแห่งการงานที่จังหวัดมุกดาหารตามโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำนิสิตและบุคลากรด้านการพัฒนานิสิต
ณ โรงแรมอันนา วานา รีสอร์ท แอนด์สปา
ความจริงก็ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่เราจะมีโอกาสได้สัมมนากันในห้องหับอันเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ท เพราะเกือบทั้งหมด ผมมักไม่ค่อยจะพิสมัยกับบรรยายกาศเช่นนี้นัก จะโดยแนวคิดของงบประมาณ หรือความสะดวกสบายก็เถอะ หากเลือกได้ ผมก็มักที่จะพานิสิตไปอบรมสัมมนากันในวิถีธรรมชาติๆ ลูกทุ่งๆ ...เน้นความเรียบง่ายเป็นหลักสำคัญ
แต่สำหรับครั้งนี้ ทั้งผมและทีมงาน ตลอดจนผู้นำองค์กรนิสิต ได้ปลงใจใช้สถานที่เช่นนี้เป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็เป็นการคืนกำไรให้กับนิสิต หลังจากต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจมาอย่างสาหัส จึงอยากที่จะให้ทุกคนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข สะดวกสบาย เสมือนการเรียนรู้และพักผ่อนไปในตัว บนแนวคิดของการจัดการเรื่องงบประมาณให้ประหยัดและคุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
กล่องไปรษณีย์กระดาษของแต่ละคน
ก่อนเริ่มงานอย่างเป็นทางการ ผมเชิญเจ้าหน้าที่และผู้นำองค์กรนิสิตมานั่งพูดคุยถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องอีกรอบ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจให้แน่นหนักขึ้น พร้อมๆ กับการกระตุ้นให้ทุกคนรู้สึกรักที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับภารกิจนี้อย่างไม่ต้องเกี่ยงงอน
งานครั้งนี้ ผมโยนระเบิดลูกใหญ่ลงไปสู่ทุกคนในทำนองว่า “ขอให้ทุกคนแสดงศักยภาพตนเองอย่างเต็มที่ และเน้นความเป็นทีมให้เข้มแข็ง รวมถึงการมอบหมายให้แต่ละคนเป็นพระเอกในงานนั้นๆ โดยไม่ต้องติดยึดอยู่ที่ผม ส่วนผมนั้นขอเป็นคนนั่งดูนั่งชมและจะเสนอแนะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น” ...
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ทีมงานของผมและน้องๆ นิสิต จึงได้เทใจจับมือกันขับเคลื่อนกิจกรรมนี้อย่างมุ่งมั่น เป็นต้นว่า การประเมินความคาดหวังก่อนการเข้าร่วมโครงการ จดหมายปริศนา รวมถึงการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ในหัวข้อ “ฉันและเธอบังเอิญเรามาเจอกัน” ซึ่งหลักๆ นั้นได้มอบหมายให้คุณสมปอง มูลมณีและคุณรุ่งโรจน์ แฉล้มไธสง เจ้าหน้าที่หนุ่มรุ่นใหม่เป็นผู้นำกระบวนการ โดยมีคุณณัฐภูมินทร์ ภูครองผา
เป็นตัวเชื่อมแต่งให้คึกคักอีกแรง
ผมสุขใจเป็นที่สุด เพราะทีมงานไม่เพียงเน้นกระบวนการเฮฮาบันเทิงเริงใจเท่านั้น แต่ยังไม่ทิ้งแนวคิดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ "บันเทิงเริงปัญญา" ไปพร้อมๆ กัน โดยการนำพาเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ชุมชนของเมืองมุกดาหารมาเกริ่นกล่าวแบบทอล์กโชว์ให้น้องนิสิตได้มีองค์ความรู้ประดับตน ผูกโยงไปถึงประวัติศาสตร์การก่อตั้งจังหวัดมุกดาหาร โดยหวังว่ากระบวนการเช่นนั้น จะชักพาให้นิสิตได้กระหายรู้และใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองอีกครั้ง
อ่านจดหมายปริศนาของเพื่อนผู้ร่วมกิจกรรม : รอยยิ้มของความสุขใจในกระบวนการเรียนรู้กันและกัน
เกี่ยวกับกระบวนการเหล่านี้นั้น ผมเคยได้พูด หรือเขียนถึงบ่อยครั้งแล้วว่า ปีนี้ทั้งปีผมชูนโยบาย “สอนงานสร้างทีม” มาอย่างชัดแจ้ง พร้อมๆ กับการส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมทักษะการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เพื่อให้มีความรู้และทักษะที่จะกลับมาเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ของนิสิตด้วยตัวของเราเอง โดยอาจไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณเชิญวิทยากรมาจากที่ต่างๆ เสียทั้งหมด ซึ่งผมเชื่อเสมอมาว่า “เราทำกันได้..” และถึงเวลาแล้วที่ “เราจะต้องลุกขึ้นมาสร้างกระบวนการของตัวเอง” กันเสียที
ทีมงาน โดยคุณณัฐภูมินทร์-สมปอง-รุ่งโรจน์
จะว่าไปแล้ว งานอบรมสัมมนาในมหาวิทยาลัยไม่ว่าใครจัดขึ้นก็มักเชิญบุคลากรกองกิจการนิสิตไปเป็นทีมงานสร้างกระบวนการเรียนรู้และละลายพฤติกรรมอยู่อย่างไม่ขาดหาย ซึ่งผมก็ยังย้ำเสมอว่า ตอนนี้ขอเพียงทุกคนเปิดใจมาสู่ความเป็นทีมและเปิดใจเรียนรู้ร่วมกัน อะไรๆ ก็ง่ายและไหลลื่นได้อย่างที่คิด เพราะผมเชื่อและศรัทธาเสมอมาว่า แต่ละคนนั้นมีศักยภาพที่หลากล้นและหลากหลายกันอยู่แล้ว รอเวลาแห่งการหลอมรวมสู่ความเป็น “ทีม” เท่านั้นเอง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีใจให้กับการงานนั้นอย่างจริงจังและจริงใจแค่ไหนเท่านั้นเอง
ครับ งานนี้ผมไม่ใช่พระเอกของเรื่องทั้งหมด ผมขอเป็นเพียงตัวประกอบธรรมดาๆ เท่านั้นเอง โดยยกกระบวนการทั้งหมดให้กับหัวหน้างานและทีมงานให้ขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ไปอย่างเต็มกำลัง แต่ก็ไม่วายที่จะฝาก “ให้มีการประเมินสถานการณ์ หรือบรรยากาศการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อะไรที่สามารถปรับแต่งได้ก็อย่าลังเล..เสร็จแล้วค่อยประชุมประเมินผลเป็นรายวันอีกรอบ เพื่อให้ส่วนที่เหลือก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะพึงกระทำได้”
วาระนี้ ผมจึงขอเป็นเพียงคนเฝ้าสังเกตการณ์ เก็บข้อมูลและให้กำลังใจกับทีมงาน โดยหวังว่า เวทีนี้จะสร้างให้พวกเขาแกร่งเก่งและมีความเป็นทีมที่แน่นหนาขึ้น รวมถึงการย้ำให้พวกเขาเห็นคุณค่าในตัวตนของตนเอง ทั้งในมิติของตนเองและสังคม...
ผมเชื่อและศรัทธาอย่างแรงกล้าว่า “นี่คือวิธีง่ายๆ ของการสร้างตัวตายตัวแทนจากรุ่นสู่รุ่น และที่สำคัญ จะให้ดีสร้างให้เป็นค่านิยม หรือวัฒนธรรมองค์กรไปเลยยิ่งดีใหญ่” ...
....
ริมโขง-มุกดาหาร
8 กันยายน 2552
ตามมาดูกิจกรรมดี ๆ ของนักศึกษาครับ
อ.แผ่นดินสบายดีไหมครับ
พี่นงค์ ตามมาที่มุกดาหาร เพื่อมาให้กำลังใจ ทีม ผู้นำนิสิต และบุคลากรด้านการพัฒนานิสิต ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆต่อ สังคม มมส
เห็นน้องๆ ทำกิจกรรมแล้ว เกิดความอยาก อยากอย่างไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงอยาก
หลายๆ ครั้งกระแสสังคมจะกลืนผมให้ไปอยู่ในโลกของความเห็นแก่ตัวแก่ได้ ชิงเด่นและแข่งขัน
สิ่งหนึ่งที่ดึงผมกลับมาให้รู้จักตัวตนของตน คือความรู้สึกของการได้เป็นผู้ให้
ภาพของคนทำกิจกรรม ภาพของตัวเองที่กำลังทำกิจกรรม คือสิ่งกระตุ้นเตือนได้เป็นอย่างดี
บางครั้ง กิจกรรม ทำให้เราเสียน้ำตา
หลายครั้ง กิจกรรม ทำให้เราเหมือนคนบ้า
แต่ กิจกรรม ไม่เคยเลยที่ทำให้เราต้องเสียเวลา เพราะมันมีค่าทุกครั้งที่ได้ทำ กิจกรรม
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee
ตอนนี้ผมยังเดินทางอย่างไม่รู้จบครับ..
สุขทุกข์ ปนเปกันไปอย่างน่ารัก
และสำคัญคือกำลังเรียนรู้การรับมือการเติบโตของชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ น้องออต
เด็กสองคนนี้ ไม่เพียงสันทัดเรื่องฮาเฮ แต่มีผลึกความรู้ในเรื่องชุมชนไม่น้อยเลยทีเดียว ขาดเพียงเวทีแห่งทักษะเท่านั้น ตอนนี้เลยกำลังสร้างทีมให้กับพวกเขาทีละนิด
พี่ไม่ได้อยู่ช่วยงานด้วยเหตุผลหลายประการ..
แต่ก็ฝากทีมงานไว้ช่วยแบบทุ่มตัวและเทใจ
บางทีอยู่ด้วยตรงนั้น ลูกทีมของพี่ก็อาจเขินๆ..เกร็งๆ..ไปด้วยก็เป็นได้
....
เป็นกำลังใจให้ นะครับ
สวัสดีครับ..Sila Phu-Chaya
งานนี้ไม่มีอะไรนอกจาการย้ำถึงแนวคิดและนโยบายที่ผมฝากฝังไว้กับปีนี้นั่นก็คือการ "สอนงาน-สร้างทีม" ...
ผมเชื่อว่า ทั้งผมและลูกทีมกำลังเริ่มต้นได้ดี..และกำลังเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในกระบวนการทั้งปวง
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ..MSU-KM :panatung~natadee
อะไรๆ ก็ดูเร่งด่วนกันไปหมด..ดังที่รู้โครงการนี้เป็นภารกิจหลักขององค์กรนิสิต แต่ก็ไม่วายที่เราต้องก้าวเข้าไปดุแลอย่างใกล้ชิด จนบางทีก็รู้สึกเหมือนกันว่า "ดูแลมากจนเกินเหตุ" หรือเปล่า. แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เราได้เพิ่มมาก็คือเครือข่ายในระดับคณะ ซึ่งดูแล้วเริ่มเป็นรูปธรรมมากกว่าเดิมบ้างแล้ว
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ น้องต้อม..
ดีใจมากเลยที่ได้เจอะเจอกันในบล็อก..
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง..การงานและชีวิต เป็นเช่นใด
เมื่อไหร่จะได้นั่งคุยกันอีก ล่ะครับ..
สำหรับพี่แล้ว ต้อมก็เป็นตำนานกิจกรรมใน มมส ด้วยเช่นกัน และกำลังคิดที่จะเขียนเรื่องราวของดอกคูนบันทึกไว้เป็นจดหมายเหตุกิจกรรมด้วยเหมือนกัน
พี่เห็นด้วยกับบทสรุปของต้อมนี้มาก นะครับ..
บางครั้ง กิจกรรม ทำให้เราเสียน้ำตา
หลายครั้ง กิจกรรม ทำให้เราเหมือนคนบ้า
แต่ กิจกรรม ไม่เคยเลยที่ทำให้เราต้องเสียเวลา เพราะมันมีค่าทุกครั้งที่ได้ทำ กิจกรรม
สวัสดีครับ..ครูแป๋ม
มีหลายแห่งที่เป็นบทเรียนได้ดี...ทำงานแบบไม่สร้างทีมไว้รองรับ พอผ่านพ้น หรือต้องผลัดใบ กลับกลายเป็นว่า ไม่มีใครลุกมารับช่วงการเป็นผู้นำนั้นได้ และนั่นก็คือโศกนาฏกรรมในวิถีขององค์กรด้วยเหมือนกัน นะครับ
สวัสดีครับ ครูคิม
ผมตั้งใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงขั้นกำหนดเป็นค่านิยมขององคืกรสำหรับปีนี้เลยทีเดียว...
"สอนงาน สร้างทีม" ...จึงปรากกฏเป็นวาทกรรมของทีมงาน และปรากฏในเสื้อตัวต่างๆ ของเรา เวลาลงพื้นที่หรือต้องเป็นวิทยากร ก็จะใส่เสื้อที่สกรีนด้วยคำว่า "สอนงานสร้างทีม" เสมอ..
ขอบคุณครับ
แวะมาเยี่ยมและทักทายครับ
มีเรื่องราวกิจกรรมของนักศึกษาที่ ม.ช. มาแบ่งปันครับ
จิตอาสา » เพื่อนผู้พิการ ตอนที่ ๑ : ชมรมเพื่อนผู้พิการ จิตอาสา » เพื่อนผู้พิการ ตอนที่ ๒ : คนจิตอาสาผู้ขับเคลื่อนชมรมฯ
จิตอาสา » เพื่อนผู้พิการ ตอนที่ ๓ (จบ) : คนจิตอาสาผู้ขับเคลื่อนชมรมฯ
สวัสดีครับ พี่ครูอ้อย แซ่เฮ
ขอบคุณสำหรับแรงใจครับ..
อะไรๆ ก็กำลังเป็นรูปเป็นร่าง..
ความเป็นทีม..ก็กำลังเป็นรูปธรรม
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ หนานเกียรติ
ขอบคุณที่นำพาบันทึกดีๆ มาแนะนำให้ผมได้รับรู้นะครับ...
เรื่องจิตอาสา...
งดงามและไร้พรมแดน เสมอ...
เสมือนดอกไม้ที่เบ่งบานในทุกๆ ฤดูกาลของชีวิต
ขอบคุณครับ