ระทึกขวัญ : MRI


สืบเนื่องจากผู้เขียนมีอาการปวดหลัง ปวดต้นคอ ปวดแขน ชาบริเวณซีกซ้าย  ลามไปจนถึงศีรษะ  อาการดังกล่าวเป็นมานานพอประมาณ  แต่ผู้เขียนยังไม่ได้สนใจพยายามจะอยู่กับอาการดังกล่าวให้ได้  แต่ความรู้สึกที่ทำให้ต้องฟังเสียง "กาย" ของเราบ้าง โดยอาการที่ทำให้เกิดความกังวลคือ ชาที่บริเวณศีรษะซีกซ้ายบ่อย และถี่ขึ้น  จึงได้ตัดสินใจไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คดูให้สบายใจ  เมื่อพบหมอแล้วหมอวินิจฉัยขั้นแรกว่าอาการนี้เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณด้านหลังและต้นคอทำงานมาก  ซึ่งเกิดจากการทำงาน นั่งนาน หรือทำท่าเดิม ซ้ำ ๆ กันเป็นเวลานาน  (เป็นโรคของคนทำงาน)  จึงได้จ่ายยา และให้กายภาพโดยการทำ hot pack อัลต้าซาวน์ ดึงคอ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ร่วมกับทานยาไปด้วย   และนัดมาหาตรวจอีกครั้งในเวลา 2 สัปดาห์ 

ในสัปดาห์แรกผู้เขียนได้ไปทำกายภาพ และกินยา ปฏิบ้ติตัวเป็นเด็กดีตลอด (หมายถึงกินยาและทำตามหมอสั่ง)  จนวันที่ 4 ของการกายภาพ  มีความรู้สึกว่าดึงคอแล้วไม่มีความสุข  และเหมือนกันว่าตาตัวเองพร่า  มองภาพ และอ่านหนังสือไม่ชัด  เป็นเงาซ้อนกัน  ทำให้การทำงานในช่วงนั้นหงุดหงิดหัวใจพอสมควร  จึงตัดสินใจบอกนักกายภาพว่าขอไม่ดึงคอ  แต่จะบริหารเอง และให้กายภาพแบบอื่น  

หลังจาการทำกายภาพไป 1 สัปดาห์ ความรู้สึกบอกว่าอาการก็ไม่ดีขึ้นไปจากเดิมเท่าไร  แต่บริเวณแขนข้างซ้ายที่ปวดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงดีขึ้น ปวดน้อยลง ไม่ต้องทรมาน หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ได้กลับไปพบหมอ  แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น  หมอบอกว่างั้นฉีดยาบริเวรณท้ายทอย ถ้าเป็นกล้ามเนื้อที่ต่อเนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะทำให้หายทันที  แต่ผู้เขียนก็ยังไม่กล้า ต่อรองหมอสารพัด ถามว่าเป็นยาอะไร ฉีดแล้วผลข้างเคียงเป็นอย่างไร (เพราะผู้เขียนเคยฉีดยาสเตียร์รอยแก้ปวดแขนซ้ายมาแล้ว 2 ครั้ง  และจะมีอาการปวดมากในเวลา 24 ชั่วโมง  แต่หลังจากนั้นก็หาย  แต่ตอนนั้นเป็นแขนเราก็สามารถทนได้  แต่เป็นศีรษะต้องถามมากหน่อย)  หมอบอกเป็นยาแก้อักเสบ  ไม่มีผลข้างเคียง เวลาฉีดก็เจ็บเล็กน้อยเหมือนกับเราไปถอนฟันแล้วหมอฉีดยาชา   ใจก็คิดสารพัด  ถ้าฉีดแล้วเดี้ยง คอเอียง (ไม่สวย) หรือ ฯลฯ  จะทำอย่างไร  หมอก็ชวนคุยสารพัดเรื่อง สุดท้ายมาจบที่บอกว่า "ฉีดนะ"  ได้เราเป็นโรคใจอ่อน (จริง ๆ อยากหายมากกว่า...อิอิ)  จึงบอกว่า "ฉีดก็ฉีด"  สู้ตาย  อุอุ หลังจากฉีดยา หมอก็ส่งให้ไปกายภาพอีก 1 สัปดาห์ และนัดตรวจใหม่ เมื่อวันที่  5  พฤศจิกายน 2550  

กลับมาอีกครั้งอาการก็ดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น  หมอฟันธง  ส่งไปทำ MRI  เพื่อจะได้รู้จริง ๆ ว่าเป็นตรงไหน  จะได้ทำการรักษาให้ตรงจุดต่อไป  จึงได้เขียนใบนัดให้ไปตรวจ  ผู้เขียนทำงานอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีพี่สาวอยู่ รพ.มหาราช จึงได้คิวของเจ้าหน้าที่เดือนมกราคม  ใช่ค่ะ เขียนไม่ผิด เดือนมกราคมจริง ๆ พระเจ้าช่วยกล้วยไข่ทอด (อร่อยนะจะบอกให้) เดือนมกราคม  เค้าบอกว่าคิวทำ MRI ยาวมาก  นี่ขนาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่นะ แล้วราษฎรเต็มขั้นแบบพ่อครูบาฯ จะทำอย่างไร ..(อิอิ)... รอก็รอ  แต่มีข้อเพิ่มเติมว่า  ถ้ามีคิวที่ไม่มาตรวจจะเรียกตัวทันทีได้ไหม   บอกไปว่าได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง (ฮา..)  ถ้าประชุมก็จะขอคณบดีมา....อิอิ.... 

และด้วยความที่คิดว่าคิวมกราคม  ไม่เป็นไรจึงไม่ทันได้ศึกษาว่า MRI คืออะไร ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ตรวจแล้วจะเป็นอย่างไร ฯลฯ   รู้แต่ว่าต้องลอดเข้าไปในอุโมงค์  ในที่สุดวันนี้พี่สาวโทรมาบอกว่ามีคนยกเลิกคิวตรวจ  ให้มาทำ MRI เดี๋ยวนี้ (โทรมาเวลา 13.45 น.)  ผู้เขียนจึงเดินทางไป รพ.เอง ด้วยความอาจหาญและเชื่อมั่น    เจ้าหน้าที่สอบถามว่าในร่างกายมีอะไรที่เป็นเหล็กไหม  ถ้ามีจะมีผลต่อการทำ MRI  ก็คิดว่าเอ....มีอะไรบ้างหนอ.......ติ๊กต๊อก ๆ ๆ  พระเจ้าช่วย  งานนี้น่าจะทำไม่ได้  เพราะมีเหล็กอยู่ในตัวเอง  จึงบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า  มีสิน้อง "หัวใจเสริมใยเหล็ก"  ทำได้ไหม  "ฮา......."    เกิดอาการหัวเราะตามมา  (คงคิดในใจว่าพี่คนนี้ถ้าจะบ๊องส์)

หลังจากนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งรอด้านนอก  หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งรอด้านนอกซึ่งมีสองฝั่ง  ฝั่งแรกเห็นมีประกาศติดอธิบายเยอะแยะ คิดว่าคงเป็นการประชาสัมพันธ์ทั่วไป  ฝั่งที่สองเป็นฝั่งที่มีนิตยสาร  จึงเดินไปฝั่งที่มีนิตยสาร (ด้วยความชอบเรื่องประโลมโลก) 

หลังจากนั้นสักครู่ก็เรียกให้เข้าไปห้องทำ MRI  เจ้าหน้าที่ถามว่าในร่ากายมีอะไรที่เป็นเหล็กไหม มีฟันปลอมไหม (ใจบอกว่ายังไม่แก่...ไม่มี) บอกว่ามีครอบฟันสองซี่ เจ้าหน้าที่ถามเอาออกได้ไหม  บอกว่าไม่ได้ ใส่ถาวร (ถอดได้ไงซี่ละ 6,000 บาท สองซี่ก็หมื่นสอง เบิกก็ไม่ได้ ..อิอิ..)  เจ้าหน้าที่บอกว่านอนแล้วห้ามขยับตัว กลืนน้ำลายได้เล็กน้อยหมายถึงไม่ให้กลืนแรง  ผู้เขียนบอก "ค่ะ" และก็ไม่ได้ถามอะไรเลยว่าจะต้องทำทั้งตัวไหม หรือเข้าไปกี่นาที หรือข้างในเป็นอย่างไร พระเจ้าช่วยกล้วยไข่ทอด (สองถุง เพราะอร่อย) พอเจ้าหน้าที่เคลื่อนตัวเข้าไป  ผู้เขียนหลับตา (หลับตาปี๋....ต้องบอกอย่างนั้นจริง ๆ ) เพราะเสียงดัง และกลัว  หัวใจตอนนั้นมันคงเต้นเกินล้านแปด  มีเสียงดังหลาย ๆ เสียงสลับกัน เข้าไปในนั้นเป็นเวลานานมาก ๆ ๆ (เคยถามคนอื่นว่าถ้าด้านบนเข้าไปแค่ครึ่งตัวกระมัง ไม่นานหรอกแป๊บเดียว)  งานนี้แป๊บเดียวแม้วจริง ๆ ใช้เวลา 30 สิบนาทีกว่า ๆ แอบลืมตาดูเล็กน้อยว่าจะเป็นอย่างไร (จริง ๆ ลืมตาได้ แต่เรากลัว)  โอ้โห...มันทำไมแคบแบบนี้ เหมือนอยู่ในโลงศพ (อย่างกะเคยเข้าไปอยู่...จินตนาการเอง)  น่ากลัวมาก คิดสารพัดสาระเพ  ใจเต้นโครมคราม น้ำลายที่ให้กลืนแบบเบา ๆ ก็เริ่มไหล จะเอาไงดี โอ้ย....พระเจ้า คนไฮเปอร์ต้องถูกอยู่ให้นิ่งสามสิบกว่านาที เป็นอะไรที่ทรมานมาก  ในที่สุดจึงต้องพยายามทำใจสงบสติ ความคิดฟุ้งซ่าน ทำใจ คิดสิ่งดี ๆ ทำใจให้สบาย ๆ ๆ ๆ ๆ ขณะที่คิดก็มีเสียงดังมาก ดังน้อยจากเครื่อง สลับไปมา  ทำใจให้สบาย  ในที่สุดไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปลึกแค่ไหน (ไม่แน่ใจว่ากรนหรือเปล่า.....ฮา.....)  และแล้วก็ทำ MRI เรียบร้อยในวันนี้  ออกจากอุโมงค์มาถามเจ้าหน้าที่ว่า พี่ใช้เวลาในการทำเท่าไร  เจ้าหน้าที่บอกสามสิบกว่านาทีค่ะพี่ (อิอิ....ไม่ได้ถามต่อว่ากรนหรือเปล่า...อุอุ) 

เจ้าหน้าที่ยื่นใบให้แล้วบอกให้ไปจ่ายเงิน (จ่ายทีหลังอีก..ปกติต้องจ่ายก่อน...เกือบไม่จ่ายแล้วไหมล่ะ....อิอิ)  งานนี้หลวงจ่ายอีก 8,050 บาท  ขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนข้าแผ่นดิน ปวารณาตัวเองว่าจะเป็นผู้ทำงานให้คุ้มกับเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายให้นะคะ 

หลังจากทำ MRI เรียบร้อยเดินออกนอกห้องมา  จึงเดินไปฝั่งแรกที่ไม่ได้ไปในครั้งแรก  พระเจ้าช่วย (ไม่ต้องกล้วยไข่ทอด  เพราะอิ่มแล้วสามถุง)  หน้าห้องฝั่งนี้มีคำอธิบายว่า MRI คืออะไร การเตรียมตัวก่อนทำ ฯลฯ  ฮือ ๆ ๆ ๆบอกกับตัวเองว่า ถ้าอ่านก่อนคงรู้สึกดีกว่านี้ และจะได้เตรียมตัว  งานนี้สอนให้เราได้เรียนรู้ว่าต้องมีความพร้อม  ศึกษาหาข้อมูล มีสติ มีความอดทน ฯลฯ  สุดบรรยาย  ดังนั้นในโอกาสนี้จึงได้หาข้อมูลเรื่อง MRI มาฝากเพื่อน ๆ เพื่อเป็นวิทยาทาน  ดังนี้ 

MRI  คืออะไร  MRI คือ เครื่องตรวจร่างกายโดยการสร้างภาพเหมือนจริง ของส่วนต่างๆของร่างกาย โดยใช้สนามแม่เหล็กความเข้มสูง และคลื่นความถี่ในย่านความถี่วิทยุ(Radio Frequency) ด้วยการส่งคลื่นความถี่เข้าสู่ร่างกาย และรับคลื่นสะท้อนกลับ นำมาประมวลผลและสร้างเป็นภาพ ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถให้รายละเอียดและความคมชัดเสมือนการตัดร่างกายออกเป็นแผ่นๆ ทำให้แพทย์สามารถมองจุดที่ผิดปกติในร่างกายคนเราได้อย่างละเอียด โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆต่อผู้รับการตรวจMRI มีชื่อเดิมคือ Nuclear Magnetic Resonance Imaging แต่ต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น Magnetic Resonance Imaging (MRI)เนื่องจากเกรงว่าคนทั่วไปจะเข้าใจผิดว่า ใช้รังสี (radioactive) ซึ่งในความเป็นจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ไม่ได้ใช้ x-rays เหมือนกับ CT-scan และไม่ได้ฉีดสาร nuclear element เครื่องตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (เอ็มอาร์ไอ) ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์อย่างแพร่หลายและรวดเร็วมากที่สุดเทคโนโลยีหนึ่ง

(จากเว็บ http://www.mrithailand.com/mri9/index.html#indication) 

เตรียมพร้อมก่อนตรวจ MRI

รศ.นพ.สุทธิศักดิ์ สุทธิพงษ์ชัย   รพ.ศิริราช         

เมื่อร่างกายมีความผิดปกติจากภายใน บางครั้งการตรวจวินิจฉัยแบบธรรมดาก็ไม่สามารถแสดงผลที่ต้องการได้ แต่ปัจจุบันวงการแพทย์ได้นำเครื่องตรวจวินิจฉัยด้วยสนามแม่เหล็กแรงสูง (MRI) ซึ่งเป็นเครื่องมือบันทึกภาพทางการแพทย์ โดยการส่งถ่ายพลังงานคลื่นวิทยุจากขดลวดส่งคลื่นความถี่วิทยุไปยังผู้ป่วยที่นอนอยู่ในสนามแม่เหล็กแรงสูง พลังงานเหล่านั้นจะสะท้อนกลับมายังตัวรับสัญญาณ โดยสัญญาณที่สะท้อนกลับมาจะถูกเปลี่ยนแปลงตามคุณสมบัติของเนื้อเยื่อและหลอดเลือด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ก็คือข้อมูลสำหรับการสร้างภาพโดยคอมพิวเตอร์ตามสรีระของผู้ป่วยจากส่วนร่างกายที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังงานนี้ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่จะตรวจและจะมีเสียงดังจากการทำงานของเครื่อง
เป็นระยะ ๆ 

ประโยชน์ของการตรวจ MRI

1. สามารถจำแนกคุณสมบัติของเนื้อเยื่อที่แตกต่างกันได้หลายแบบ และตรวจหาสิ่งผิดปกติในระยะแรกได้
2. ตรวจได้ทุกระนาบโดยไม่ต้องขยับผู้ป่วย

3. ไม่เกิดการแตกตัวเป็นไอออนภายในร่างกาย

4. สามารถตรวจเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ภายในกระดูกได้

5. ไม่มีรังสีเอกซ์ที่เป็นอันตรายแก่ร่างกาย

6. ผู้ป่วยโรคไตวาย (RENAL FAILURE) ก็สามารถตรวจด้วยวิธีนี้ได้
 

ปัจจุบัน เครื่อง MRI สามารถตรวจความผิดปกติได้ครอบคลุมเกือบทุกอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็น

1. ภายในกะโหลกศีรษะ เช่น สมอง ต่อมใต้สมอง ตา หูชั้นใน
2. ระบบกระดูกสันหลังและไขสันหลัง

3. เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ กระดูกส่วนต่าง ๆ รวมทั้งการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นบริเวณข้อกระดูก เช่น ข้อเข่า

4. อวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น มดลูก ต่อมลูกหมาก และกระเพาะปัสสาวะ

5. บริเวณทรวงอก หัวใจ ช่องท้อง เต้านมสตรี

6. หลอดโลหิตในสมอง และลำตัวโดยไม่ต้องฉีดสารทึบรังสี
 

การตรวจด้วยเครื่องมือชนิดนี้ ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ผู้ป่วยผู้ใหญ่

1. โดยทั่วไปไม่ต้องงดน้ำและอาหารทางปากก่อนการตรวจ

2. ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือ จำเป็นต้องให้ยาระงับความรู้สึก หรือดมยาสลบ ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารทางปาก 6 ชั่วโมงก่อนตรวจ

3. วันตรวจไม่ควรแต่หน้า โดยเฉพาะไม่ควรใช้อายชาโดว์ และมาสคาร่า เพราะอาจมีส่วนผสมของโลหะ ทำให้เกิดเป็นสิ่งแปลกปลอมในภาพได้

4. วันตรวจควรมีญาติมาด้วย 1 คน


ผู้ป่วยเด็ก


       หากจำเป็นต้องตรวจ MRI แพทย์จะต้องให้ยาระงับความรู้สึก หรือดมยาสลบขณะตรวจเนื่องจากเด็กมักจะไม่ให้ความร่วมมือในการนอนนิ่ง ๆ ดังนั้นการเตรียมจึงควรปฏิบัติดังนี้

1. เด็กโต งดอาหารและน้ำดื่ม 6 ชั่วโมงก่อนตรวจ ส่วนเด็กเล็กที่รับประทานนม ควรงดนมก่อนตรวจ 4 ชั่วโมง

2. บิดา-มารดาเด็ก ต้องเซ็นใบยินยอมรับการตรวจรักษาเพื่ออนุญาตดมยาสลบเด็ก และควรมาให้กำลังใจเด็ก
(ไม่ว่าผู้ป่วยเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องเซ็นต์ในยินยอมการตรวจรักษาทุกราย โดยในเด็ก จะให้ผู้ปกครองเป็นผู้เซ็นต์แทน)
 

การปฏิบัติตัวก่อนเข้าห้องตรวจ

1. ถอดสิ่งของที่เป็นโลหะ เช่น กิ๊บติดผม ฟันปลอม ต่างหู เครื่องประดับ และสวมชุดพร้อมเปลี่ยนรองเท้าที่ห้องตรวจเตรียมไว้
2. ถ้าผู้ป่วยเคยผ่าตัดใส่โลหะในร่างกายหรือวัตถุอื่น ๆ ต้องบอกเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าห้องตรวจเพราะอาจเป็นอันตรายได้

3. ผู้ป่วยควรปัสสาวะก่อนเข้าห้องตรวจ เนื่องจากการตรวจอาจจะใช้เวลานาน

4. ใช้เครื่องอุดหูที่เตรียมไว้ให้อุดก่อนเข้าห้องตรวจ เนื่องจากมีเสียงดังรบกวนในขณะตรวจ

5. ระหว่างทำการตรวจ ผู้ป่วยต้องไม่ขยับหรือเคลื่อนไหวส่วนที่ทำการตรวจเด็ดขาด เพื่อจะได้ภาพที่ชัดเจน
 

กลุ่มเฉพาะที่ห้ามตรวจด้วยเครื่อง MRI

1. ผู้ที่ผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้เป็นจังหวะ
2. ผู้ที่ผ่าตัดติดคลิปอุดหลอดเลือดในโรคเส้นเลือดโป่งพอง

3. ผู้ที่ผ่าตัดใส่อวัยวะเทียมภายในหู

4. ผู้มีโลหะต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น ข้อเทียมต่าง ๆ โลหะดามกระดูก

5. สตรีมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ถึงแม้ว่ายังไม่มีการยืนยันว่าการตรวจนี้จะทำอันตรายต่อเด็กหรือไม่

6. ผู้ที่คิดว่ามีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นโลหะติดอยู่ที่ตา

7. ผู้ที่ไม่สามารถนอนในอุโมงค์ตรวจได้


      ( ห้องตรวจ MRI มีสนามแม่เหล็กแรงสูงตลอดเวลา มีผลต่อการทำงานของเครื่องมือที่ไวต่อแม่เหล็ก เช่น เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้เป็นจังหวะ ดึงดูดวัตถุที่เป็นโลหะทุกชนิดที่เหนี่ยวนำแม่เหล็ก เช่น เหล็กโลหะอื่น ๆ ที่มีส่วนประกอบของเหล็ก ลบข้อมูลจากเทปแม่เหล็ก การ์ดที่ใช้แถบแม่เหล็ก เช่น ATM บัตรเครดิต )
  

http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/month/sidoctor2004/mar04_MRI.htm   

ขอให้มีความสุขกับการอ่านบันทึกยาว ๆ นี้นะคะ

 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 145310เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2007 18:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

MRI หรอคะเคยทำเมื่อหลายปีก่อนนู้น.......ทำที่กทม.ค่ะ  อิอิ  โชคดีที่โรงพยาบาลที่มหาสารคามไม่มี  พอดีมีเพื่อนเป็นหมอและพยาบาลเยอะ ( เภสัช ทันตะและกายภาพด้วย) เลยถือใบorder ไปทำที่ ศูนย์เอกซ์เรย์แห่งหนึ่งที่ กทม. อ่ะค่ะไม่ต้องรอคิวเลยด้วย...  เพราะยังไงส่วนเกินเราก็ต้องจ่ายอยู่แล้น...ไม่ว่าทำของหลวงหรือเอกชนอ่ะค่ะพี่สาวจ๋า...

ตอนทำก็ชอบอ่ะค่ะ   สนุกดีเหมือนเข้ากระสวยเสริมสวยอบไอน้ำในสปาหรือซาลอนแพงๆ  อิอิ

  • ขอให้เป็นแค่โรคติด G2K    ออกกำลังกายก็หายแล้ว  อิอิ

 

นี่แหละสไตล์ของคนแซ่เฮ

  • สามารถเขียนเรื่องสำคัญ หวาดเสียว หวาดหวั่น พรั่นพรึง ให้เป็นเรื่องใกล้ฮา
  • จะเข้าเครื่องอยู่แล้วยังนึกถึงพระเจ้าช่วย กล้วยทอด2ถุง (เพราะชอบ) อิอิ
  • น้าเขียนเรื่องหนักๆให้น่าอ่านเสมอ
  • แต่ก็ยากที่จะเขียน
  • ชอบเขียนไว้ในใจ
  • โธ่! ใครจะไปอ่านรู้เรื่อง
  • อ่านเรื่องนี้แล้ว รู้แจ้งแทงตลอดว่าสภาพตอนนี้ป่วยระดับไหน ด้วยสาเหตุใด
  • ลืมถามหมอ..ที่สะเกนต์มานั่น เจอต่อมฮาโตผิดปกติหรือเปล่า อิอิ
  • ชอบมาก เขียนอีก เขียนให้แป๊ดตาโตกว่านี้
  • ขอให้พี่เรา
  • หายเร็วๆๆ
  • ไปบ้านอาจารย์ panda มาครับ
  • นึกว่าใกล้ ไกลมาก
  • แค่พี่เล่ามา
  • ก็ดูน่ากลัวแล้ว
  • เสียว นอนกรน อิอิอิๆๆ
  • ไปทำงานต่อแว๊วววว
  • หายเร็วๆๆๆ อย่าซน อย่าดื้อ อิอิอิๆๆ
  • ครูอ้อยก็เคย  เข้าอุโมงค์  ถ้ำขุนตานค่ะ..อิอิ
  • ขอให้รักษาสุขภาพ  ขอให้หายดี  เป็นที่รักของทุกๆคนนะคะ

คิดถึง..เดี๋ยวจะไป ฮารักษาต่อม..น้อยฮา...

  • สวัสดีครับพี่อึ่งอ๊อบ
  • ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ
  • ขอให้หายป่วยในเร็วไวนะครับ
  • เป็นกำลังใจให้ครับ

ได้ความรู้มากค่ะ

ใครๆก็มือเย็นก่อนเข้าไปในอุโมงค์ทั้งนั้นค่ะ

ได้ผลตรวจหรือยังคะ เชื่อเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก

ยังคิดถึงคนน่ารักคนนี้ตลอดเลยค่ะ

แล้วผลเป็นไงบ้างละคะ

วันก่อนป้าแดง เจอหมอกระดูก ก็เล่า อาการของ อ.อึ่งให้หมอฟัง แต่หมอเค้าบอกไม่ได้ ถ้าอยากรู้ต้อง MRI แต่เดาว่า กระดูกคอน่าจะมีปัญหา (อันนี้หมอแค่เดานะ อาจจะไม่ใช่ )

เอาใจช่วยให้ไม่เป็นไรค่ะ

  • ขอบพระคุณสำหรับบันทึกยาวๆที่มีคุณค่ามากบันทึกนี้ค่ะพี่อึ่งอ๊อบ    พี่เล่าประสบการณ์ได้สนุกชะมัดเลยอะค่ะ   
  • ขอให้พี่สุขภาพดีดังเดิมโดยไวนะคะ   : ) 
  • คือว่าโพสต์คอมเม็นต์เสร็จแล้ว     แต่ยังหัวเราะไม่เสร็จเลยอะค่ะ   อิๆๆๆ

สวัสดีค่ะ....

  • ขอให้หายเร็วๆนะค่ะ.......
  • อ่านแล้วได้ความรู้(สึก)ขึ้นเยอะเลยค่ะ   เหมือนได้ทำ  MRI ไปพร้อมด้วย.......
  • อาการที่

น้องอึ่งอ๊อบจ๋า

  • สบายๆ...ชิวๆ..จ้ะ...แค่ทำMRI...เป็นเพียงวินิจฉัยโรค...จิ๊บจ๊อยจ้ะสำหรับน้องอึ่งคนเก่ง.....
  • นี่...ถ้าเจอ MRM( Modified Radical Mastectomy...ตัดเต้านมยกยวง)....แล้วจะหนาว...อิ..อิ...ไม่เจอน่ะดีแล้ว
  • หายเร็วๆนะน้องนะ...พี่เป็นห่วง

อ่านไป อิ่มไป เหมือนได้กินกล้วยทอดไปพร้อม ๆ พี่อึ่ง

ว่าแต่  ตกลงเสียงที่ได้ยินในเครื่อง กับ เสียงกรน อะไรจะดังกล่าวกันค่ะ

อิอิ

  • มือเร็วไปนิดค่ะ......
  • จะบอกว่าอาการที่น้าอึ่งอ๊อบเป็นเนี่ย....เคยเป็นค่ะ....แต่แบบน้องๆ นะค่ะ  ....ไม่มีอาการชาค่ะ....รักษาตามหมอทั้งคลีนิคแพทย์...(ระบบประสาท)..โรงพยาบาล...ประมาณ 2 เดือนค่ะจึงดีขึ้น......เดี๋ยวนี้ถ้าเราเผลอ....มันก็จะมาอีกค่ะ......
  • ส่งกำลังใจมาให้ค่ะ.......
  • ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้วก็ได้แต่ส่งกำลังใจทั้งหมดไปให้ ขอให้พี่หายนะค่ะ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยดลบันดาลให้พี่หายเร็ว ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างราณีและลูกหว้าไปรบกวนพี่ตั้งหลายวัน ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรหมดค่ะ  ได้แต่ส่งใจไปให้เกินร้อยเลยค่ะ อย่าก้มบ่อยนะค่ะ  ทานยาให้ตรงเวลาด้วยค่ะ พี่จ๋า รักนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะพี่อึ่งอ๊อบ

เล่นเอาเราอิ่มไปด้วยเลย กล้วยไข่ทอดตั้ง ๓ ถุง  ^ ^

ขอบคุณที่นำความรู้และประสบการณ์มาฝากนะคะ

สำหรับเรื่องการเจ็บปวดทางกาย ถ้าจะมองทางบวก ก็ให้คิดเสียว่าเรามีอะไรให้ดูให้เกิดสติอยู่ตลอดเวลา และมีความเจ็บปวด ความไม่แน่นอนของสังขารของเืตือนเราเสมอว่า สังขารนี้ไม่เที่ยง สังขารนี้เป็นทุกข์ และสังขารนี้ไม่ใช่ของเรา (บังคับไม่ได้)  

เอาใจช่วยนะคะ  แต่คงต้องเลิกทำงานดึกๆ หรือนั่งทำงานท่าเดียวกันยาวๆ นะคะพี่ เดินกำหนดสติสลับการทำงานบ้างก็ได้ค่ะ ถ้าจำเป็นต้องทำงานต่อเนื่องกันนานๆ จริงๆ  

ขอให้ร่างกายพี่อึ่งอ๊อบดีขึ้นเร็วๆ แต่สำหรับจิตใจ ไม่เป็นห่วงอยู่แล้ว ^ ^ ใจเต็มร้อยค่ะ

เป็นไงมั่งพี่ หมอว่าไงต่อบ้างหลังจากทำ MRI เป็นห่วงนะ เพราะเป็นอาการเดียวกันอยู่รู้ว่าทรมานมาก แต่นี่เป็นมา 9 เดือนเริ่มจะชินแล้ะ นอนก็ไม่ค่อยจะหลับเพราะปวดนี่ล่ะ เลยไม่อยากที่จะนอน พลิกไปพลิกมาเป็นชั่วโมงทุกคืน ^ ^

ถึงคราวหนูเตือนมั่ง ...ต้องพักบ้างนะพี่จะได้หายไวๆ บอกพี่น่ะบอกได้ ตัวเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เหอๆ เลยไม่หายสักทีไง เอางี้มะ ใครหายทีหลังเป็นเจ้ามือเลี้ยงสเต็กมื้อใหญ่ๆ สักมื้อไง แบบนี้จะได้มีกำลังใจเพราะมีของกินมาล่อ : ) บอกเสร็จก็จะไปนอนแล้ว เผื่อจะหายก่อนจะได้กินสเต็กฟรีง่ะ

เฮ้...ไอเดียร์น้องเล็กบรรเจิด...ใครหายทีหลังเป็นเจ้ามือเลี้ยงสเต็ค...(ต่อให้)...ใครหายก่อนเลี้ยงไอติม...บรรดาพวกเราจะรอกินดีกว่า...อิ....อิ....

หมออ่านผลให้หรือยังคะ ต้องผ่าตัดไหม??...เป็นห่วงนะคะ....

เป็นกำลังใจให้น้าอึ่งอ๊อบค่ะ

ได้ความรู้มากมายเลยครับ

และขอให้แข็งแรงไว ๆ ....

ผมเองก็ปวดต้นคอ... ซีกซ้ายแผ่นหลัง   ลงมาสู่เอว  ลามลงไปขาซ้าย  รวมถึงบริเวณศรีษะด้านขวาปวดเป็นจังหวะ ๆ  ยิ่งหน้าหนาว  กระดูกสันหลังจะมีอาการหนาวเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว...

นั่นคือ ผลพวงของอุบัติเหตุรถบัสชนรถบรรทุก   ผมดื้อมากไม่เข้าบำบัดเพราะเร่งมาทำงาน  สุดท้ายก็เจ็บอิด ๆ ออด ๆ  มาจนบัดนี้

แต่ตั้งใจว่า, หนาวนี้จะเข้าตรวจร่างกายเสียที ...

.....

ที่เล่ามายาวยืดนั้น  ไม่ใช่เอาโรคมาฝากนะครับ


.....

 

คิดถึง...  และทุก ๆ อย่างของความรู้สึกอันดีงามของชีวิต

มีความสุขมาก ๆ  นะครับ

กะว่าจะไม่เข้าบันทึกนี้แล้วเชียว คิด ๆ ก็ยังหวาดเสียวไม่หาย "เสียศูนย์" เลยอ่ะ

 

น้องหนิงจ๋า  ทำที่ รพ.รัฐบาลไม่เสียส่วนเกินค่ะ  อิอิ  แต่ถ้าทำเอกชน แต่เบิกของรัฐเสียส่วนเกินประมาณพันกว่าบาทหรือแล้วแต่ว่าตรวจส่วนไหนจ๊ะ

 

P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P  P 

อยากกราบ ขอบคุณ แทบอก

แนบซบ ซึมซับ ห่วงหา

เมตตา ปราณี ทุกเวลา

บอกฟ้า ผ่านลม (ไป)ห่มใจ

 ......

หนาวนี้ หนาวนาน ไม่ห่วง

รอบทรวง ข้างกาย ใจหวิว

ขอบคุ๊ณ ขอบคุณ จริงเชียว

กันเหนียว (ขอ)อีกกอด ยอด(ดวง)ใจ

......

สวัสดีครับน้าอึ่งอ๊อบ

  • ตกลงหมอบอกหรือยังว่าเป็นอะไร และจะรักษาอย่างไรครับ
  • ตอนนี้หมอใส่ปลอกคอให้หรือเปล่าครับ (เขาเรียกอย่างนี้หรือเปล่านะ) เคยเห็นคนคอเข็ดเขาใส่กัน
  • พักผ่อนมากๆ รักษาสุขภาพเยอะๆ
  • และอย่าลืมไปเอาใยเหล็กออกจากหัวใจด้วย เดี๋ยวหนุ่มๆ ยิงศรไม่เข้า..อิอิ

P  คุณนึก 

  • อ่านความเห็นคุณนึกทีไร ก๊ากส์ทุกที  "ตอนนี้หมอใส่หลอกคอหรือเปล่า"  ถามจริ๊ง  มีนัยแอบแฝงหรือเปล่า  เห็นภาพเหมือนใส่ให้ลูกเลย  อิอิอิ
  • ก็เพราะเอาใยเหล็ออกตอนไปตรวจ MRI นั่นสิ  ตอนนี้ "หัวใจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง" เพราะเอาการไม่ได้ไปดงหลวง
  • พรุ่งนี้จะไปหาหมอค่ะ (เบี้ยวมา 3 วันแล้ว) วันนี้รวดร้าวเป็นที่สุด ปวดหลังไปหมด  เดินเหมือนคนแก่ (จริง ๆ ก็เริ่มแก่)  ปลายเดือนนี้อยากไปเดินเล่นสวนรถไฟจัง

เดินทางปลอดภัยนะคะ "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ปู๊น ปู๊น "

ตามมาถามไถ่ผลอีกทีค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ เป็นห่วงมากๆๆๆๆๆ หายไปหลายๆๆๆๆๆวันจัง พี่โอ๋ตกข่าวตรงไหนไปหรือเปล่าคะ

มาอ่านคะ  พี่หน่อยก็เพิ่งโดน หลัง น้องอึ่งอ๊อบ  แบบนี้ๆแหละ

หลับตาปี๋ เลยแหละ แต่ ช่วงท้าย ทำใจกล้า ขอบันทึกว่า ลืมตาใน

อุโมงค์ แล้วจะรู้สึกยังไง ก็เลย ลืมตา  จำไม่ลืมเลยคะ

 

    ขอบคุณ น้องอึ่งอ๊อบ มากๆ ที่โทร.ถามข่าวพี่หน่อย ตลอด

และยังไปฝากพี่ไว้ กับหลายๆ ท่านอีก 

สรุปว่า ผลการตรวจออกมาเป็นอย่างไรบ้างอ่ะ ก็เคยทำการสแกนตรวจแบบนี้เหมือนกัน เมื่อกว่า สิบห้าปีที่แล้ว ด้วยอาการเกิดภาพซ้อน เท่าที่อ่าน อาการใกล้เคียงกัน อย่าเพิ่งหายไปจากบล๊อกนี้นะ บอกหน่อยว่าผลตรวจเป็นอย่างไร เอาใจช่วย

สรุปเป็นไรมั่งคะ จะไปทำ MRI พรุ่งนี้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท