เป็นไปได้ไหมถ้าไม่มีความฟุ่มเฟือย


บันทึกของนักศึกษาปริญญาเอกภาษาอังกฤษเกี่ยวกับมหาชีวาลัยอีสาน

 ผู้เขียนกลับมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วครับ  วันนี้ได้แต่คิดว่า ที่ชาวบ้านเป็นหนี้นั้นเกิดจากอะไร ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า บางหมู่บ้านไฟฟ้ายังไม่เข้า แค่มีเสาไฟตั้ง ปรากฏว่าชาวบ้านบางบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว โดยมีคนมาขายอุปกรณ์ไฟฟ้าเงินผ่อน  ถามว่าทำไมรีบซื้อ ได้คำตอบว่า เห็นบ้านอื่นๆๆเขามีเลยอยากมีบ้าง เรียกว่าเป็นหนี้ตั้งแต่ยังไม่มีไฟฟ้า

 

    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify">เลยมาคิดตั้งโจทย์เอาเองว่า ถ้าชาวบ้านมีแหล่งน้ำสามารถปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ได้จะเป็นหนี้ไหม  มีพี่คนหนึ่งเป็นนายดาบตำรวจ ชื่ออุทัย บอกว่า ถ้าเราไม่หน้าใหญ่ ทำแบบเขารับรองว่า สามารถอยู่ได้  แต่พบว่า ข้าราชการตำรวจก็เป็นหนี้ค่อนข้างมาก แกสารภาพเองว่า เป็นหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify">เคยมีคนบอกว่า อยากให้บัณฑิตคืนถิ่น ถ้าบัณฑิตคืนถิ่นแล้วมีอะไรให้เขาทำบ้าง เป็นเพราะพ่อแม่ คาดหวังว่า ลูกที่ส่งไปเรียนต้องกลับมาเป็นข้าราชการ เมื่อตำแหน่งน้อยก็ไม่สามารถเป็นข้าราชการได้ ด้วยความที่เด็กอยู่ในกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ๆๆหลายปี ทำให้ยึดติดกับความสบาย กลับไปบ้านลำบาก อยู่ทำงานที่กรุงเทพฯดีกว่า </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify">ที่เขียนมานี้อยากบอกว่า ระบบการศึกษาบ้านเราส่งเสริมระบบค่านิยมที่ผิดหรือไม่ เป็นเพราะเราบ่มเพาะความฟุ่มเฟือย ความหรูหรา แต่เราไม่ได้ส่งเสริมให้บัณฑิตเรา มีการต่อสู้กับปัญหา เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา แต่บัณฑิตเราเรียนรู้จากตำราต่างประเทศ การท่องจำ มากกว่า ทำให้เรารู้ไม่เท่าทันกับปัญหาและวิธีการแก้ปัญหา </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify"></p><p align="justify">  เป็นไปได้ไหมที่ทีวีบ้านเรา ไม่โฆษณา ยั่วเย้าให้ซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย แต่ส่งเสริมให้เราประหยัด อดออม เป็นไปได้ไหมที่เราจะมีการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ของเราเอง ให้สอดคล้องกับท้องถิ่น โดยไม่ ปฏิเสธความรู้ใหม่ๆ  ใครมีความรู้ในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ การส่งเสริมให้ชุมชนไม่ฟุ่มเฟือย มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้หน่อยนะครับผม </p><p align="justify"></p><p align="justify">  อ่านบันทึกเพิ่มเติมที่</p>    <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">  ครูบาสุทธินันท์ </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">  อาจารย์วรภัทร์ </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">     คุณทวีสิน </h2><p align="justify">  </p>

หมายเลขบันทึก: 108496เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2007 11:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (47)

ใครมีความรู้ในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ การส่งเสริมให้ชุมชนไม่ฟุ่มเฟือย มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้หน่อยนะครับผม

  • ชอบประเด็นนี้จังเลยค่ะ
  • กำลังทำอยู่ค่ะ
  • แต่ไม่ใช่เพื่อไม่ให้เป็นหนี้นะคะ
  • เพื่อให้เรียนรู้ ที่จะเรียนรู้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างพึ่งตนเอง (ไม่รู้กว้างไปหรือเปล่า) แต่ตอนนี้กำลังทำ และกำลังเหนื่อยกับมันมากเลย

สิ่งที่ควรสอน คือ การจัดการและการบริหารความรู้สึก ความอยากได้ครับ

ชอบมากครับ ข้อเขียนนี้

  • ขอบคุณคุณกาเหว่าP
  • มากครับผม
  • ดีใจที่สนใจคล้ายๆๆกัน
  • กำลังจะเปลี่ยนเอกไปเป็น เอกภาษาอังกฤษ โท เศษฐกิจพอเพียงครับผม
  • ขอบคุณอาจารย์Pมากครับ
  • ดีใจที่มีคนชอบครับผม
  • อ่านเนื้อหาในหน้านี้แล้ว ไม่ต้องใช้พลังภายในมาก (เพราะไม่มีภาษาอังกฤษ ฮา....นั่นนะสิ ผมถึงไม่เก่งเอาซะที)
  • อ่านแล้วให้รู้สึกสลดครับและตรงใจมากทีเดียวครับ ทุกวันนี้ได้แต่กระตุ้นนักศึกษาในหลายๆเรื่องเช่น ไม่มีโทรศัพท์มือถือ จะตายไหม เป็นต้น

ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ

  • จากประเด็น "เห็นบ้านอื่นเขามีแล้วอยากจะมีบ้าง" ก็อย่างว่าแหละครับ ปกติของคน เมื่อต้องการก็ต้องแสวงหา บางครั้งเอามานั่งดูเฉยๆ ก็ยอม เพื่อให้สังคมรอบข้างเข้าใจว่าเรามี นั้นแสดงว่า คำตอบนี้ไม่สามารถตอบปัญหาพื้นฐานของชีวิตได้จริง การศึกษาโดยเฉพาะสื่อ น่าจะเป็นแนวทางที่ดี ละครโทรทัศน์เป็นสิ่งที่ชาวบ้านชอบดู ดังนั้น ต้องซ่อนบางสิ่งไว้ในละคร (ชาวบ้านมีทีวีแต่ดูทีวีไม่ได้เพราะไม่มีไฟ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกระบวนการกลุ่มในชุมชนจากผู้ประสบความสำเร็จนั่นแหละครับ)
  • จากประเด็น "บัณฑิตคืนถิ่น" จากประสบการณ์ของผมเองนะครับ ผมเรียนจบอยากไปทำงานบ้านเกิด ทำได้ปีเดียว ต้องตัดสินใจใหม่ที่จะทำงานเมืองหลวงหรือใกล้เมืองหลวง (ทุกวันนี้ยังหาโอกาสกลับบ้านนอก)
  • จากประเด็น "เป็นไปได้ไหมที่ทีวีบ้านเรา ไม่โฆษณายั่วเย้า ให้ซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย" ผมเห็นว่า ถ้าไม่กระตุ้น ระบบการซื้อขายก็ไม่หมุนเวียน ดังนั้นต้องทุ่มการโฆษณา คนให้ความสำคัญกับค่านิยมส่วนนี้ครับ น่าจะเป็นไปได้ถ้ารัฐเข้ามาจัดการ แต่รัฐก็ต้องสูญเสียอะไรหลายๆเรื่องไปนะครับ ผมเข้าใจว่า เอกชนรายได้มาก รัฐก็ได้รับภาษีมาก
  • ทั้งหมดที่กล่าวมา ชาวบ้านต้องเข้มแข็ง และหลักการเข้มแข็งที่ว่านี้ต้องได้มากจากการศึกษา (ไม่ใช่การศึกษาจากหนังสืออย่างเดียว) ผ่านการปฏิบัติจริงจนตกเป็นผลึกเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เราพูดถึงนี้มีประโยชน์มากน้อยเพียงต่อการดำรงชีวิต
  • ขอบคุณครับ :-)

เรียน ท่าน อาจารย์ ดร.ขจิต

 ยินดีครับ กลับเข้าบ้าน

 ความเห็น JJ เรียนเสนอ ให้ทำตนเป็นตัวอย่างครับ ครู อาจารยื เด็กเห็น ทำตามเองแหละครับ ไม่ต้องออกแบบให้เหนื่อยใจ

สวัสดีค่ะ

  • เหนื่อยไหมค่ะท่านอาจารย์...
  • ถ้ายึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง หรือกระบวนการเรียนรู้ตามโครงการศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง น่าจะดีนะค่ะ ร่วมด้วยช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เข้าหมู่บ้าน อะไรๆ ก็น่าจะดีนะค่ะ

 จัดกิจกรรมให้คิดเป็น  ให้คิดบ่อยๆ คิดแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผล เคยใช้กรณีศึกษาแล้วให้ช่วยกันวิเคราะห์ แก้ปัญหา ถ้าเป็นเราเราจะทำเช่นนั้นหรือไม่ เพราะอะไร...ร่วมกันคิด เด็กๆก็คิดเป็นและปฏิบัติได้นะคะ ไม่ซื้อเพราะเห็นเพื่อนซื้อ แต่ซื้อเพราะจำเป็น คงพอจะประหยัดได้บ้าง (น่าห่วงนะคะ...ตอนนี้เด็ก ป.1ก็มีโทรศัพท์มือถือแล้ว  รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย)

  • ขอบคุณท่านอาจารย์P
  • มากครับ
  • ได้ประเด็นที่ชัดเจนมาก
  • ถ้าไปที่มหาวิทยาลัย
  • จะได้พบอาจารย์ไหมครับ
  • ขอบคุณท่านอาจารย์หมอP
  • ที่แนะนำ
  • ไปอยู่กับคนไร้กรอบหลายวัน
  • ได้ความรู้มากๆๆเลยครับ
  • ขอบคุณคุณP
  • มากครับ
  • ไม่เหนื่อยครับ
  • แต่งานเริ่มยุ่งๆๆอีกแล้วครับผม
  • ขอบคุณอาจารย์P
  • มากครับ
  • ใช่ครับกระบวนความคิดสำคัญมากเลย
  • คงต้องช่วยกันครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับทุกท่านค่ะ

ชอบภาพ ปลาเล็กๆ ในถาดมากเลย...กินแบบทอด นี่จะอร่อยมาก...

      เวลาไปบ้านชาวบ้าน ที่เขาพึ่งตนเอง ดูแลตัวเอง จากการปลูกพืชผัก เลี้ยงปลา ทำนา เลี้ยงสัตว์

แล้วยิ่ง เป็นบ้าน กลุ่มที่ทำเกษตรอินทรีย์ด้วย นี่ก็ปลื้มชาวบ้านมากเลย

     พี่ว่า ต้อง เผยแพร่ กลุ่มชาวบ้าน ที่พึ่งตนเอง ให้เป็นตัวอย่างเยอะๆนะ

     จะได้เป็นค่านิยมที่ดี

    

สวัสดีค่ะ

สมัยก่อน ดิฉันยังเด็ก ยังได้มีโอกาสเจอการดำรงชีวิตตามเศรษฐกิจพอเพียง เพราะที่บ้านจะปลูกผักผลไม้ กินเอง

ไม่เคยได้ซื้อ ที่เหลือยังได้ไปขายตลาด เช่น กล้วย มะม่วง หน่อไม้ น้อยหน่า ฝรั่ง

ที่สวนมีบ่อปลา

ที่นามีข้าวให้เขาปลูกข้าว แล้วมาแบ่งกัน

ปัจจุบันเด็กสมัยใหม่ทำไม่เป็น และมีสิ่งยั่วยุมากมาย

คุณครูก็ช่วยกันสอนเด็กร่วมกับพ่อแม่ ก็คงพอได้ค่ะ

ผมคิดว่าต้องให้ผู้บริโภคเรียนรู้ระบบคิดเรื่อง ความต้องการจำเป็น คุณค่าแท้คุณค่าเทียมของสินค้า การเปรียบเทียบคุณลักษณะ (spec) ของสินค้า เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย การวิเคราะห์ราคาต่อหน่วย ฯลฯ ซึ่งอาจจะทำให้เห็นแง่มุมด้านต่างๆ ของการบริโภคที่ใช้เหตุใช้ผลมากขึ้นครับ

การคิดเป็นระบบสำคัญนะคะ  คิดเล่นๆค่ะ

  • มีความรู้
  • คิดเป็น
  • ปรับใช้กับชีวิตให้รอด ช่วยตัวเอง ช่วยผู้อื่นได้
  • สิ่งแวดล้อมดี
  • มีความสุขถ้วนหน้า
อ่านแล้วรู้สึกหดหู่ใจ  การไม่สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนทำให้ค่านิยมของคนกลายเป็นวัตถุนิยม ระบบการศึกษาจึงมุ่งเน้นเชิงพาณิชย์  เคยลองคำนวณเล่น ๆ ว่าค่าเรียนในระบบ ค่าเรียนเสริมนอกระะบบ ค่้าเรียนเสริมภาษาอังกฤษ ค่ากิจกรรมพิเศษ ค่าธรรมเนียมการเข้าเรียน กว่าจะจบลงทุนเกินล้าน จบแล้วกินเงินเดือนไม่เกิน 10000  หดหู่จริง ๆ

สวัสดีครับท่าน อ.ดร.ขจิต

การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ การส่งเสริมให้ชุมชนไม่ฟุ่มเฟือย...เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆครับ

ผมขอพูดแบบเรื่อยเปื่อยไปนะครับ ตามใจปรารถนาอาจผิดบ้างถูกบ้าง เผื่อจะมีอะไรที่เข้ากับประเด็นการออกแบบกระบวนการเรียนรู้บ้าง 

  • เป็นไปได้ไหมที่เราจะตั้งชื่อวิชาเรียนขึ้นมาใหม่ เพิ่มเติมจากคณิตศาสตร์ วิทยาศาตร์ ฯ เช่น วิชา(มองหา)โอกาส / วิชาภายนอกสู่ภายใน /วิชาตรรกศาตร์ตอนนี้มีแล้ว และขอสนับสนุนให้มีต่อไป แต่อยากให้มีวิชาคิดสร้างสรรค์ / คิดนอกกรอบ / คิดเชิงบวก
  • วิธีการเรียนการสอน ไม่จำเป็นต้องซ้ำรอยการเรียนการสอนแบบที่เราเรียนกันมาในอดีต แต่ขอให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่เราต้องการ
  • ให้คำจำกัดความของคำง่ายๆบางคำเสียใหม่ เช่นห้องเรียน ไม่ได้หมายความว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยม ที่มีโต๊ะ เก้าอี้ กระดาน(เขียว /ขาว) และมีคุณครูและมีลูกคุณหนูมาฟังแค่นั้น อย่างไรก็แล้วแต่ ต้องค่อยๆทำความเข้าใจทั้งระบบให้ช่วยกัน แม้แต่คำจำกัดความของคำว่าห้องเรียน ต้องผลักดันให้ทั่วประเทศ เมื่อความเข้าใจตรงกัน บริบทเปลี่ยนไป ไฉนอะไรจะไม่เปลี่ยน แต่บางครั้ง อะไรที่พวกเด็กเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใจให้เป็นเช่นนั้น แต่ด้วยสภาพแวดล้อม การปฏิบัติต่อเนื่องกันมาในอดีตก็ทำให้เด็กรุ่นใหม่หลงทางแม้มีแสงไฟได้ครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับบันทึกดีๆครับ

ขอต่ออีกหน่อยนะครับ เหมือนว่าจะยังไม่ได้ขมวดปม คือ ผมมองว่าถ้าเด็กคิดได้ คิดเป็น รู้จักคิดอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลแล้ว และมีความคิดสร้างสรรค์ น่าจะลดการฟุ่มเฟือยได้ไปเปราะหนึ่ง

ส่วนการมองโอกาส และมองจากภายนอกสู่ภายใน ก็หมายถึงเขาสามารถจะหาช่องทางทำเงินจากวิชาที่เขาเรียนมา จากทุนที่เขามี ทรัพยากรที่เขามองเห็นที่ไม่ไกล และประยุกต์ใช้เป็น 

ดังนั้นคนจะไม่มากองอยู่จุดใดๆจุดหนึ่ง เมื่อเห็นช่องทางทำเงิน ผสานกับความมีเหตุมีผล มองอะไรแบบบวกๆ น่าจะทำให้การสานต่อเรื่องอื่นๆง่ายขึ้นครับ ที่สำคัญต้องพัฒนาไปพร้อมกับสติ และคุณธรรมครับ

  • สวัสดีครับ
  • ผมคิดว่า ยังไช้โจทย์ เรื่องความพอเพียง ได้ครับ
  • แต่เราจะทำยังไง ใส่อะไรลงไป  ให้เขาตีโจทย์ของความพอเพียงให้ได้
  • ขอบคุณครับ

หวัดดีครับ น้องบ่าว

  • เห็นบ้านอื่นๆๆเขามีเลยอยากมีบ้าง
  • นี่คือโรคที่เป็นกันมาก คือโรค อยากอย่างไร้เหตุผล
  • ทำอย่างไรหรือ ? พี่ว่ามีวิธีมากมาย  แต่คงได้เพียงแค่ ข้อเสนอ
  • ตราบใดที่อำนาจที่ครอบงำพวกเรา ผ่านระบบการเมือง ราชการ การศึกษา ยังมีคนแบบ ปัญญาเพี้ยน แหละหลงอำนาจ+เงินตรา ที่ทำได้ และควรทำ ก็แบบบ้านท่านครูบา นั่นแหละครับ คือทางออก
  • ข้างบนจะบ้ากันอย่างไร .. ข้างล่าง ที่ติดดินอย่าได้ หลงบ้าตาม พร้อมกับขยายเครือข่าย การปฏิบัติ แบบไม่บ้า นี้ออกไปเรื่อยๆครับ
  • เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ก็เลยต้องการมี ต้องการเป็น บางอย่างก็ซื้อโดยไม่มีเหตผล อย่างกระแสจตุคาม เป็นต้น... คุณขจิตมีไว้บูชารึยังคะ^_^
  •  เรื่องฟุ่มเฟือย อยู่ที่ตัวเรากับปัจจัยค่ะ บางทีตั้งใจไปซื้อของ1ชิ้น กลับมาก็ได้ของอย่างอื่นมาด้วย (เฮาก็เป็น)
  • ข้าวเคยเป็นเด็กกรุงเทพค่ะ เรียนหนังสือและทำงานประมาณ 10 ปี ได้มีโอกาสกลับมาอยู่ขอนแก่นกับพ่อแม่ อยู่บ้านสบายที่สุดแล้วค่ะ มีความสุขด้วย กรุงเทพเอาไว้ไปช้อปปิ้งก็พอ เบื่อการเดินทางและมลพิษค่ะ
  • วันที่ 19-20 กรกฎาคม ข้าวจะไปจัดนิทรรศการตลาดนัดหลักสูตรที่ม.เทคโนโลยีสุรนารี มีโอกาสก็แวะไปเยี่ยมบูธม.ขอนแก่นด้วยนะคะ
  • พี่เคยเป็นอาจารย์นิเทศและศึกษาเรื่องความฟุ่มเฟือย พบว่าไม่ใช่เฉพาะชาวบ้านที่เป็นหนี้ ข้าราชการทั้งหลายก็มักเป็นหนี้ที่เกิดจากความฟุ่มเฟือยเช่นกัน
  • ขอบคุณคุณไม่มีรูป
  • มากครับที่มาทักทาย
  • ขอบคุณคุณพี่หน่อยPมากครับ
  • การเผยแพร่ความรู้
  • ต้องทำให้เห็นตัวอย่างครับ
  • ขอบคุณพี่P
  • มากครับ
  • สมัยก่อนของกินหาง่ายครับ
  • ปัจจุบันหายากมาก
  • ถ้าคุณครูพ่อแม่ช่วยเหลือคงแก้ปัญหาได้ครับผม
  • ขอบคุณคุณP
  • มากครับ
  • ถ้าการบิโภคของชาวบ้านใช้เหตผลก็จะเกิดผลดีต่อชาวบ้านเองครับ
  • ขอบคุณพี่บุญP
  • มากครับ
  • มีหลายปัจจัยที่ชาวบ้านตามไม่ทันครับ
  • ขอบคุณอาจารย์Pมากครับ
  • เป็นเรื่องที่หดหู่จริงๆๆครับ
  • ขอบคุณคุณP
  • มากครับ
  • กลับมาเมืองไทยแล้วใช่ไหม
  • เป้นอย่างไรบ้างครับผม
  • เรายังติดรูปแบบการเรียนรู้ในห้องเรียนอยู่ครับผม
  • ขอบคุณน้องเอกมPากครับ
  • เชื่อเรื่องของความพอเพียงครับผม
  • ขอบคุณครับ
  • ขอบคุณพี่บ่าว handy P
  • มากครับ
  • เชื่อครับว่าตราบใดที่อำนาจที่ครอบงำพวกเรา ผ่านระบบการเมือง ราชการ การศึกษา ยังมีคนแบบ ปัญญาเพี้ยน แหละหลงอำนาจ+เงินตรา ที่ทำได้ และควรทำ ก็แบบบ้านท่านครูบา นั่นแหละครับ คือทางออก
  • ขอบคุณคุณข้าวสวยP
  • มากครับ
  • ไม่เคยแขวนพระสักองค์ พระอยู่ในใจเสมอ
  • เพิ่งทราบว่าเป็นเด็กกรุงเทพฯ หน้าไม่ให้เลย (ล้อเล่น)
  • ดีใจที่จะพบกันที่ มทส ครับผม
  • แต่ผมจะไปขอนแก่นในวันที่ 8 กค ก่อน อยากทราบต้องถามอาจารย์พี่แป๊วแล้วว่างานอะไร
  • ขอบคุณพี่Pมากครับ
  • ข้าราชการเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบครับผม
  • อ.แป๋วค่ะ ไม่ใช่แป๊ว เมื่อวันจันทร์ก็พากันไปฟุ่มเฟือย ช้อปปิ้งน่ะค่ะ มีความสุขตามประสาผู้หญิงค่ะ
  • ขอโทษครับที่เขียนชืออาจารย์ผิด
  • ปกติใช้ภาษาอังกฤษว่า paew ครับ
  • คุณข้าวสวย
  • ขอบคุณมากครับ
  • เพิ่งคุยกับอาจารย์ท่านกรุณาจองโรงแรมให้ครับผม
ค่านิยมผิดๆ รู้สึกอายถ้าไม่มีเหมือนคนอื่นเขา แต่ไม่อายที่ต้องกู้เงินมาซื้อ หรือซื้อเงินผ่อน ต้องแก้ที่ความคิด

พูดเรื่องนี้ทีไรเซ็งและอารมณ์ขึ้นทุกที ให้ตายก็แก้ไม่หายหรอก อาจจะแก้ได้เป็นบางกลุ่มที่เขายอมเปลี่ยน เพราะเรื่องแบบนี้มันฝังอยู่ในรากเหง้าของความคิดจากรุ่นสู่รุ่น ชาวบ้านมักจะคิดว่าจนเพราะเราจนมาแต่แรก ไม่มีใครช่วย (แต่ไม่ลุกขึ้นมาหาวิธีช่วยตัวเองก่อน) จนเพราะการศึกษาน้อย เลยทำอะไรไม่ได้ (แต่ก็ไม่คิดหาวิธีศึกษาเพิ่ม)

จนแต่อยากมีเหมือนคนอื่น ก็หลอกตัวเองและคนอื่นว่ามีโดยไปผ่อนทีวี ตู้เย็น มือถือ มอเตอร์ไซต์ จนเครียดเลยกินเหล้า จนเลยต้องซื้อหวยเผื่อจะหายจน วันๆ นั่งรอบุญตกลงมาใส่หัวจากฟากฟ้าจะได้ลืมตาอ้าปาก อ่านหนังสือพิมพ์เรื่องคนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งแล้วก็เก็บกลับไปนอนฝันว่าสักวันคงถึงคิวเรา

อย่าไปโทษโฆษณาเลย โทษตัวเองไม่ดีกว่าหรือ? แต่อย่างว่าค่ะ โทษคนอื่นมันง่ายกว่าโทษตัวเอง ที่เขียนมายืดยาวไม่ใช่ไม่เห็นใจ เห็นใจมากถึงหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ เปอร์เซ็นต์ของคนที่จนแล้วยอมรับยาขมของการช่วยเหลือมีน้อย
ส่วนใหญ่จะคิดว่าการช่วยเหลือต้องมาในรูปแบบของหรือเงินบริจาค พอเอาการพัฒนาเข้าไป หรือสอนให้ทำงานเป็นระบบกลับรู้สึกว่าเหนื่อยเกินไป ทำไมไม่ช่วยมาเป็นเงินล่ะ ง่ายกว่าอีก อายุ 45 ก็แก่มากแล้วสำหรับหลายๆ คน ทำงานไม่ไหวแล้ว ปวดเมื่อย สารพัดจะหาข้ออ้าง เห็นมาเยอะ...เลยเซ็ง 

ขออภัยค่ะหากความคิดเห็นอาจไม่ถูกใจใครหลายคน

สวัสดีค่ะ

ถ้ายึดในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และทำเป็นนิสัยตลอดเวลา ก็จะไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ

  • ผมกลับมาทบทวนความคิดอีกครั้งหนึ่งครับ
  • ผมว่างจากรับผิดชอบนักศึกษาวันเสาร์ครับ ยินดีต้อนรับครับผม นอกจากนั้น ก็วันอังคาร วันพุธ (บ่าย) และวันศุกร์บ่ายครับ แต่ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกับวันเสาร์ ถ้าท่านอาจารย์มาแถวนี้ก็แวะมาได้นะครับ ยินดีต้อนรับครับผม
  • ขอบคุณคุณ Little เรียมP
  • มากครับผม
  • โหของขึ้น
  • ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆๆครับ
  • ขอบคุณพี่P
  • มากครับ
  • ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยคงเป็นทางรอดที่ดีนะครับ
  • ขอบคุณอาจารย์P
  • มากครับ
  • แหมดีจังเลย
  • ทราบว่าอาจารย์ว่างวันไหน
  • แล้วจะส่งข่าวนะครับผม

นั่นสิค่ะเมื่อท่านให้บัณฑิตของท่านกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนเพื่อไปพัฒนาบ้านของตนเองนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีนะ  เพราะเป็นสิ่งที่ยากสมควรที่บัณฑิตจะกลับคืนสู่บ้านตนเอง

การที่ซื้อสิ่งของก่อนที่จะมีไฟฟ้านั้นเพราะเห็นบ้านอื่นมีแล้วอยากมี

เป็นการฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ  และอีกอยากก็เป็นการผ่อนสิ่งของมาเป็นหนี้สำหรับตัวเองอีกด้วย

 อาจารย์ค่ะ  คิดถึงอาจารย์จัง  ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยใน gotoknow เลย  เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไรนัก  จะว่าเรียนนักก็ไม่เท่าไรนะคะ  แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาเวลาไปทำอะไรหมด  เพราะในแต่ละวันนั้นเวลามันเดินเร็วมากเลย

สวัสดีค่ะ

  •  คนเรา ถ้ารู้จักคำว่าพอแล้ว
  • ปัญหาทั้งหลายคงหมดไปเองค่ะ

ขอให้รัฐบาลได้มองเห็นปัญหานี้ และได้นำมาแก้ไข อย่างจริงจัง

อยากให้มีโรงเรียนแบบท่านครูบา ทุกๆ ที่ในประเทศไทย ...

 
  • กลับมาเมืองไทยแล้วใช่ไหม ...ครับผม
  • เป็นอย่างไรบ้างครับผม...มีเรื่องราวที่เกี่ยวและเก็บมาฝากทุกท่านครับ จะค่อยๆทยอยเขียนบันทึกให้อ่านครับ 
  •  ...เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย season change ฮ่าๆๆ เดินทางบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

    • แวะมาเยี่ยมเยียน เลยมีโอกาสเก็บเกี่ยวความรู้จากความคิดเห็นของหลายๆท่านในที่นี้  รวบรวมแล้วดูเหมือนจะได้แบบของกระบวนการเรียนรู้หลักที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับพัฒนาคนค่ะ
    • เลยเอามา AAR ให้น้องขจิตอ่านค่ะ 
    • ........... 
    • ...........
    • บริบทที่เป็นโอกาสพัฒนาไปสู่ที่คาดหวัง
    • ห้องเรียน ไม่ได้หมายความว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยม ที่มีโต๊ะ เก้าอี้ กระดาน(เขียว /ขาว) และมีคุณครูและมีลูกคุณหนูมาฟังแค่นั้น
    • ปกติของคน เมื่อต้องการก็ต้องแสวงหา บางครั้งเอามานั่งดูเฉยๆ ก็ยอม เพื่อให้สังคมรอบข้างเข้าใจว่าเรามี
    • ความคิด ค่านิยมผิดๆ รู้สึกอายถ้าไม่มีเหมือนคนอื่นเขา แต่ไม่อายที่ต้องกู้เงินมาซื้อ หรือซื้อเงินผ่อน
    • ...........
    • บริบทของความรู้ที่ควรเชื่อมโยงและใส่เป็นโจทย์
    • สิ่งที่ควรสอน คือ การจัดการและการบริหารความรู้สึก
    • หลักการเข้มแข็งที่ว่านี้ต้องได้มากจากการศึกษา (ไม่ใช่การศึกษาจากหนังสืออย่างเดียว) ผ่านการปฏิบัติจริงจนตกเป็นผลึกเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เราพูดถึงนี้มีประโยชน์มากน้อยเพียงต่อการดำรงชีวิต
    • จัดกิจกรรมให้คิดเป็น ใช้กรณีศึกษาแล้วให้ช่วยกันวิเคราะห์ แก้ปัญหา ถ้าเป็นเราเราจะทำเช่นนั้นหรือไม่ เพราะอะไร...ร่วมกันคิด เด็กๆก็คิดเป็นและปฏิบัติได้
    • ทำยังไง ใส่อะไรลงไป  ให้เขาตีโจทย์ของความพอเพียงให้ได้
    • เรียนรู้ระบบคิดเรื่อง ความต้องการจำเป็น คุณค่าแท้คุณค่าเทียมของสินค้า การเปรียบเทียบคุณลักษณะ (spec) ของสินค้า เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย การวิเคราะห์ราคาต่อหน่วย ฯลฯ ซึ่งอาจจะทำให้เห็นแง่มุมด้านต่างๆ ของการบริโภคที่ใช้เหตุใช้ผลมากขึ้น
    • ครู อาจารย์ ทำตนเป็นตัวอย่าง เด็กเห็น ทำตามเอง ไม่ต้องออกแบบให้เหนื่อยใจ
    • เผยแพร่ กลุ่มชาวบ้าน ที่พึ่งตนเอง ให้เป็นตัวอย่างเยอะๆ
    • ขยายเครือข่ายการปฎิบัติแบบที่ติดดิน
    • ครูก็ช่วยกันสอนเด็กร่วมกับพ่อแม่
    • ..............
    • บริบทของความคาดหวังจากกระบวนการเรียนรู้ที่จัดขึ้น
    • เด็กคิดได้ คิดเป็น รู้จักคิดอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลแล้ว มีความคิดสร้างสรรค์ ลดการฟุ่มเฟือยได้
    • ...............
    • ขอบคุณทุกท่านค่ะ ที่แบ่งปันเติมความรู้ให้
    • ขอบคุณน้องขจิตนะคะที่ตั้งประเด็นขึ้น
    • สวัสดีค่ะ ว่าที่ดร.ขจิต คนเก่ง
    • แบบอย่างที่ดี มีค่ายิ่งกว่าคำสอน เด็กๆมักจะเลียนแบบ
    • ครูบาอาจารย์ พ่อ แม่ ครู ผู้ปกครอง จึงต้องเป็นแบบอย่างให้กับเด็กๆ
    • แต่หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง เป็นของจำเป็นที่ฟุ่มเฟือย เสียแล้ว ด้วยข้อจำกัด และเงื่อนไขของเวลา
    • อย่างไรก็ตาม อยากจะให้ปลูกฝัง สร้างความตระหนักในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้มากๆ ค่ะ
    • คุณครูขจิตคะ
    • ลองไปดูไหม ... ประเทศในฝัน
    • อาจจะทำอย่างที่คุณครูขจิตต้องการค่ะ
    • (^__^)

    เห็นด้วยค่ะ อ. ขจิต

    ปัจจุบัน คนเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะไม่เข้าใจกับคำว่าอยู่อย่างพอเพียง ที่ในหลวงท่านได้สอนมาตลอด มีน้อยใช้น้อย ประหยัดใช้ ตามอัถภาพของตัวเอง

    ดังนั้นควรปลูกฝังตั้งแต่เด็ก และผู้ใหญ่ควรทำให้เป็นตัวอย่างแก่เด็ก เพราะเด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยเข้าใจต่อความยากลำบากเป็นอย่างไร ไม่รู้คุณค่าของเงิน ขอเท่าไหร่พ่อแม่ให้ หรือไม่มียืมกองทุนกู้ยืม เผลอๆ อาจนำไปใช้ในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์

    ปัญหานี้ เป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไข ไม่งั้นประเทศไทยจะแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่

    ตอนนี้อยากกิน ปลาทอด กับน้ำพริกเผ็ดๆ ข้าวสวยร้อนๆ เฮ้อ....

    เมื่อเด็กๆ เราจะถูกพ่อแม่สอนอย่าให้เป็นหนี้ ถ้าจะมีอะไรให้เก็บเงินเพื่อซื้อ ให้หยอดกระปุก

    แต่เดี๋ยวนี้ หลานน้อยรู้จักรถยนต์ยี่ห้อนั้นนี้ แถมรู้ว่าคันนั้นป้ายแดง มีอะไรน่าส่งสัยในระบบการศึกษาของเด็กๆที่ต้องตามเพื่อนหรือไม่ น่าคิดนะคะ

    Mookเด็กเข้าค่ายอ.ท่าตะเกียบ

    สวัสดีค่ะ จากเด็กไม่มีเวลา

    อาจารย์สบายดีไหมค่ะ

    จากมุกและน้องพี

    เห็นด้วยกับอาจารย์ขจิตจริงๆค่ะ อยากให้คนประหยัดและไม่ฟุ่มเฟือยแต่ยังคิดไม่ออกจริงๆ

    เชื่อไหมคะอ.ขจิต คนที่ซื้อสินค้าในห้าง(บิ๊กซี,โลตัสในนฐ) น้อยที่สุดคือใคร

    ลองไปรีวิวทีวีวงจรปิดดูได้ เดือนหนึ่งอาจไปแค่ครั้งเดียวและซื้อเพียงนมกล่องของลูกและพ่อแม่ ที่ต้องซื้อเพราะร้านค้าปลีกไม่ค่อยมีที่ไหนขายนมกล่องถั่วเหลืองชนิดจืด ค่ะ

    เวลาเข้าแถวจ่ายเงินจะคุยกันเสมอว่า..คนอื่น ๆ ซื้อจนเต็มรถเพราะอะไร

    โฆษณาได้ผล?,มีความจำเป็นต้องซื้อจริง ๆ? ,ราคาถูกกว่าร้านปลีก?(ลืมคิดว่าต้องซื้อแพ็คใหญ่) ....

    ส่วนตัวจะซื้อร้านข้างเคียงก่อน คนอื่น ๆ คิดอย่างไรบ้างคะ อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะคะ

    สวัสดีครับ

    เป็นนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมให้คนฟุ่มเฟือย

    ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นหนี้กันมาก

    ทุกวันนี้ข้าราชการ พนักงานมีเวลาในการทำหนี้มากกว่าเวลาทำงาน

    น้องขจิตครับ  พี่ขอเอาบันทึกนี้ไปวิเคราะห์ ได้ไหมครับ ขออนุญาตก่อนครับ ส่วนตัวพี่มีข้อคิดเห็น เพราะเป็นงานที่พี่ทำอยู่แล้ว แต่อยากรวบรวมความเห็นทุกท่านไปวิเคราะห์ด้วยครับ

    รอคำตอบครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท