ผมกลับถึงบ้านเมื่อวานนี้ (๑๐ ธ.ค.๔๙) หลังจากที่เดินทางไปตั้งแต่วันที่ ๖ ธ.ค.๔๙ เพื่อสัมมนาโครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม กรุงเทพ ฯ (บันทึกตอนที่ ๓)
สิ่งแรกที่รีบทำทันทีเมื่อวางสัมภาระเดินทาง คือ รีบเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่ออินเตอร์เนต และเข้าไปเยี่ยมกัลยณมิตร ใน GotoKnow โดยคิดตลอดการเดินทางว่า เพื่อนกัลยณมิตรคงมีอะไรมาเล่าสู่กันฟังให้เราได้สุขใจอีกแน่ ๆ และก็เป็นดั่งคาดคิดจริง ๆ เพื่อนกัลยาณมิตรได้พูดถึงซึ่งกันและกันรวมทั้งผมด้วย ผมคิดว่าเราคงพูดถึงกันไปนานแสนนาน และคงไม่มีวันเบื่อที่จะพูดถึงกัน
ถ้าใครซักคนที่เข้ามาอ่าน อาจจะงง ๆ และมองได้ว่าดูเหมือนไม่มีอะไรเลย ก็เพียงแต่พูดคุยกล่าวถึงกัน สาระไม่เห็น แต่แท้ที่จริงนั้นสาระมีมากจนคาดไม่ถึง หากมองดูและพิจารณาให้ลึกซึ้งครับ นี่คือช่วงหนึ่ง เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นที่สามารถเป็นกรณีศึกษาเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ตั้งคำถามซักนิดสังคมนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
(คุณนิดหน่อย คุณศิริ พี่เม่ย ท่าน อ.ปารมี)
(คุณทวี คุณเมตตา คุณสิงห์ป่าสัก คุณนันทา)
ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย อยู่ต่างพื้นที่ ต่างหน่วยงาน ต่างอาชีพ ต่างเพศและน่าศึกษาเรียนรู้ด้วยซ้ำไป ต่างวัย ต่างการศึกษา ต่างตำแหน่งหน้าที่ ต่างประสบการณ์ และมีอีกหลายอย่างที่แตกต่าง แต่เมื่อมาอยู่ในสังคมนี้ทำไมทุกคนเท่าเทียมกัน อยากเจอกัน ดีใจและมีความสุขเมื่อได้เจอกัน
(ครูนงเมืองคอน คุณเล็ก-ศุภลักษณ์)
ในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓ ต่างคนต่างวิ่งหากัน ต้องการอย่างยิ่งที่จะรู้จักตัวจริง เสียงจริง ของกันและกัน นี่มันเป็นสังคมอะไรกันแน่ ?
เมื่อเจอกันต่างยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เหมือนเคยรู้จัก เหมือนเคยเจอกัน แล้วมาเจอกันใหม่ ซึ่งก็เป็นเพียงบางท่านเท่านั้นที่เคยเจอกันแล้ว แต่ส่วนมากเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก
บรรยากาศทั่ว ๆ ไป ในงาน มีแต่กระแสจิตแห่งคุณงามความดีแผ่ไปทั่ว เหมือนกับอาจารย์ท่านหนึ่งได้เคยบอกไว้ตอนที่ผมไปอบรมที่โรงเรียนผู้นำ มูลนิธิ พลตรี จำลอง ศรีเมือง กาญจนบุรีว่า เวลาเราไปเข้าวัดทำบุญเรารู้สึกร่มรื่นสงบเย็น และปลอดภัย นั่นเพราะรอบ ๆ ตัวเรามีแต่กระแสจิตแห่งคุณงามความดีแผ่กระจายอยู่รอบตัวเรา และถ้าเราไปอยู่บริเวณที่เขาเล่นการพนัน เราจะรู้สึกมันวุ่นวายเร้าร้อน หวั่น ตระหนก น่ากลัว นั่นเพราะจิตแต่ละคน มีกิเลศ ตัณหา อยากได้อยากมี อยากชนะ ไม่อยากแพ้ ต่างไม่ไว้ใจกัน ทำให้เราที่ได้สัมผัสพลอยกระทบไปด้วย อย่างน้อยเราก็หวั่นว่าถ้าตำรวจมาเราก็พลอยถูกจับไปด้วย
คิดแล้วอย่างที่ท่านอาจารย์บอกไว้จริง ๆ ในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติที่ผ่านมา เมื่อเราไปถึงมีแต่เรื่องดี ๆ คนดี ๆ คำพูดคำทักทายที่ดี ๆ น่าฟัง คนเท่าเทียม อ่อนน้อมถ่อมตน อยากให้สังคมทั่ว ๆ ไปเป็นเช่นนี้ ประเทศเราจะได้มีความสุขกันทุกคน
เรียน คุณชาญวิทย์ นครศรีฯ
รู้สึกเช่นเดียวกันค่ะ หลายคนไม่เคยเจอกัน พอได้มาเจอกันในงานมหกรรม KM เป็นครั้งแรกก็รู้สึกดีมีความสุข ไม่มีกำแพงน้ำแข็งกั้นกลาง
และเมื่อกลับจากงานมหกรรม เหมือนกับว่าทุกคนสนิทกันมากขึ้น นี่เป็นผลสำเร็จของรูปแบบของงานมหกรรมครานี้
เห็นได้ชัดมากๆ เลยค่ะว่า บันทึกของบล็อกเกอร์แต่ละคนมี comment กันมากขึ้นเยอะค่ะ
ดีใจจังเลย Happy สุดๆ ค่ะ :)
เรียน ท่าน อ.จำนงครับ
พวกเราทุกคนเป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ นะครับ
เรียน อ.ขจิต
ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมกัน เจอกันได้คุยเล็กน้อย ไม่เป็นไรครับ Blog 2 Blog เรื่อย ๆ ครับ
เรียน ท่าน อ.พญ.ปารมี
ขอบคุณมากครับที่เยี่ยมให้กำลังใจ ท่านเป็นคุณเอื้อที่เอื้อจริง ๆ ครับ
เรียน คุณนิดหน่อย
เจอกันเห็นพูดนิดหน่อย แต่เวลาบันทึกไม่นิดหน่อยเลยครับ ขอบคุณมากที่มาเยี่ยม
เรียน คุณ โอ๋-อโณ
ขอบคุณมากนะครับ ที่แสดงความรู้สึก ท่านเป็นคนเก่งครับ
เรียน คุณเมตตา
เจอกันก็ได้คุยกันเล็กน้อย หวังว่าคราหน้าคงไม่ทักผิดแน่ ๆ แล้วครับ ยิ้ม ยิ้ม ขอบคุณครับ
เรียน อ.จันทวรรณ
ดังที่ อ.ว่าครับ เจอกันแป๊บเดียว จากกันก็เหมือนสนิทกันเลย มีความสุขครับ ขอบคุณครับ
เรียน คุณน้อง สิงห์ป่าสัก
ขอบคุณที่มาเยี่ยม วันที่ ๒๑ ธ.ค.๔๙ นี้มาที่จังหวัดแล้วครับ
เรียน พี่นันทา
ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมให้กำลังใจเสมอ