ล้มแล้วต้องลุก ปลุกแล้วต้องตื่น ถ้าท้อก็ต้องทนฝืน ยืนหยัดสู้ต่อไป…
สองสามวันนี้แม่เก็บเห็ดผึ้งได้น้อยลง จากเดิมได้วันละสิบกิโล สองกระด้ง สองกาละมังใหญ่ ๆ วันนี้ได้กาละมังเล็ก ๆ ประมาณหนึ่งกิโลเนื่องจากสามสี่วันก่อน “ฝนตก” และ สองวันก่อน “ฝนตกอย่างหนัก”…
การมาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ถ้าอยู่เกิน ๓ วันขึ้นไป ผู้ปฏิบัติจะเริ่มอยู่ตัว และอยู่เป็น ถ้าหากมีเวลา ไม่เสียหน้าที่การงาน ก็ควรจะมาอยู่ตั้งแต่ ๕ วันขึ้นไปแต่ทว่า… การปฏิบัติธรรม มิใช่การทิ้งหน้าที่การงานแล้วมาอยู่วัด แต่การปฏิบัติธรรมต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับการปฏิบัติงาน
ดังนั้น ระยะเวลาตั้งแต่ ๕-๙ วันเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาสร้างความเห็นถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง เพื่อการนำไปปฏิบัติที่ถูกต้อง
การมาวัดมาเพื่อสร้างความเข้าใจ ชาร์จแบต ชาร์จพลัง เพื่อกลับไปต่อสู่กับโจทย์แห่งการภาวนาที่แท้จริงคือการปฏิบัติหน้าที่การงาน การอยู่กับครอบครัว การอยู่ในสังคมคือโจทย์ของจริงแห่งชีวิต…
งานอดิเรกยามเช้าของแม่…***
ตอนเช้าประมาณเจ็ดโมงครึ่ง พอมาถึงแม่บอกว่าเช้านี้เก็บเห็ดได้ประมาณ ๒ กิโล ต้มเรียบร้อยแล้ว…
อีกสักพักแปดโมงครึ่ง แม่เรียกมาดูเห็ดอีกกลุ่มหนึ่งที่ขึ้นเป็นกระจุก ๆ
จากสามวันก่อนที่เป็นประจุกเล็ก ๆ วันนี้เติบโตขึ้นเป็นกระจุกใหญ่ ๆ
นี่เองคือของขวัญจากธรรมชาติ ที่เราพึ่งพาซึ่งกันและกัน…
เมื่อวานนี้ แม่เก็บเห็ดผึ้งได้ ๙ กิโล วันนี้แม่เก็บเห็ดได้อีก ๓ โลกว่า ๆ
ถ้าเก็บได้เยอะ ๆ เก็บได้ทุกวันทำอย่างไร..?
วิธีการง่าย ๆ…
แม่ก็จะนำมาทำความสะอาด ตั้งแต่ตัดตรงปลายก้านที่ติดดินออกไป
จากนั้นนำไปล้างทำความสะอาด
โดย ขั้นตอนที่สำคัญคือต้มให้สุก
จากนั้นพักไว้ให้เย็น แล้วแช่แข็งไว้ สามารถเก็บได้หลายเดือน
เมื่อต้องการทำอาหารวันไหน ก็นำมาพักไว้ให้น้ำแข็งละลาย และนำไปทำอาหารได้เลย…
หมายเหตุ : เห็ดผึ้ง ถ้านำไปต้มก่อน แล้วค่อยนำไปประกอบอาหารอย่างอื่น เช่น นำไปผัด หรือแกง จะได้สีเหลืองสวยงามเหมือนน้ำผึ้งแต่ถ้านำเห็ดสด ๆ ไปผัดเลย จะออกเป็นสีดำคล้ำ ๆ
เช้าวันนี้เก็บเห็ดผึ้งได้ ๒ กระด้ง
น้ำหนักประมาณ ๙ กิโลกรัม
เมื่อทำความและสะอาดเสร็จแล้ว เหลือประมาณ ๗ กิโลกรัม
ของขวัญจากผืนดิน
เช้าวันนี้แม่เก็บเห็ดได้ ๒ กาละมัง
เมื่อชั่งน้ำหนักเห็ด และหักน้ำหนักกาละมังออกแล้วได้ประมาณ ๑๐ กิโลกรัม
ภาพในอดีตเมื่อปีก่อน
คิดถึงเมื่อใด ก็มีความสุข…
การทำความดี การให้ การเสียสละ ….
ก่อนทำ คือ นับตั้งแต่วางแผนในการทำก็มีความสุข
ระหว่างที่ลงมือทำ ก็ทำด้วยหัวใจแห่งการให้ การเสียสละ ทุก ๆ ย่างก้าว ทุก ๆ เวลาในขณะนั้นก็มีความสุข
ครั้นเมื่อผ่านพ้นจากงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ ไปแล้ว คิดถึงเมื่อใด จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ทุก ๆ เสี้ยววินาทีก็ยังมีความสุข ปิติ อิ่มเอมใจ…
ชาวสวนสุนันทา งามแท้ กายใจพริ้งเพริศเลิศวิไล ล้ำค่าพยาบาลชั้นเลิศ ดีแท้ ทรงคุณความรู้พร้อมธรรมหนุน สง่างาม ยิ่งเอย…
ด้วยรักแท้ แม่ตั้งใจ ทำให้ลูก
ความรักปลูก เมล็ดพันธุ์ แห่งความหวัง
ว่าลูกแม่ จะมีแรง มีพลัง
แม่สุขสันต์ เพียงเห็นลูก อิ่มเอมกาย
โอ้ลูกเอ๋ย พึงเห็นค่า แห่งความรัก
ที่ปกปักษ์ พร้อมรักษา ลูกทั้งผอง
พึงตอบแทน คุณพ่อแม่ ตามครรลอง
เร่งสนอง ทดแทนคุณ พ่อแม่เอย…
ระหว่างนั่งรอแม่อยู่ในรถก็เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางต้นไม้ต้นอื่นที่ดูแห้งแล้ง…ธรรมชาติสร้างสรรค์ความลงตัว…จำได้ว่าช่วงเดือน กันยายน-ตุลาคมปีก่อน ไปหาซื้อไม้ดอกสวยๆที่ตลาดต้นหาแล้วหาไม่ได้เลย….แม่ค้าบอกว่าต้องรอหน้าแล้ง หน้าฝนไม่มีไม้ดอก เพราะสู้ฝนสู้น้ำไม่ไหว…ย้อนกลับไปอีกหน่อย ตอนไปซื้อดอกเทียนที่อยู่ในกระถางแขวน แม่ค้าบอกว่า เวลารดน้ำให้รดแต่โคนนะ อย่าให้โดนดอก ถ้าโดนดอกจะโรยเร็ว
ระหว่างทางจากวังน้ำเขียวมาถึงกำแพงเพชรในวันนี้ก็เห็นดอกทองอุไร ออกดอกเหลืองสะพรั่งตามทางไม่ขาดสาย
ย้อนกลับไปอีกเมื่อเราเคยปลูกต้นทองอุไรที่วัด ต้นที่เราปลูกมีแต่ใบ ไม่มีดอกเลย ตอนนั้นจำได้ว่าเคยเข้าไปหาคำตอบใน Pantip.com ก็พบว่าหลายคนปลูกแล้วไม่มีดอก สรุปคำตอบจากหลายๆคนและตนเองก็พบว่า “เรารดน้ำเขามากเกินไป”
นี่เองถ้าหากเปรียบกับการปฏิบัติธรรม… ครูบาอาจารย์ท่านเปรียบเทียบไว้อย่างหนึ่งใจว่า…ลองดูหมาตามหมู่บ้านในชนบทสิ เจ้าของให้กินแต่ข้าวเหนียว มีอะไรก็ให้กินอย่างนั้น ไม่มีก็ให้เดินออกไปหากินเอาเอง ตัวมันผอมๆ แต่คล่องแคล่ววิ่งเร็ว ขโมยมาก็ตื่นตัว เห่าไล่ขโมยได้ ซึ่งแตกต่างจากพวกหมาอ้วนๆ ที่อยู่ดีกินดี ขโมยเดินมาจะเหยียบหัวอยู่แล้วก็ยังไม่ตื่น…
พิมพ์ยาวไป ขอไปพิมพ์ต่อในบันทึกนะ…
ยามร้อนแดด หลบอยู่ร่ม พอทนไหว…ยามร้อนใจ อยู่ที่ใด หลบไม่พ้น…ยามร้อนจิต ฝึกสติ ให้อดทน..ยามร้อนตน พึงเชิดหน้า หาความจริง…
ระหว่างที่นั่งรออยู่ในรถ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
เย็นวันนี้ ระหว่างที่พาทีมงานไปเดินป่าหลังจากเสร็จงานที่ทุกคนเสียสละลางานประจำ และเดินทางมาทำความดีที่นี่
พอลงรถปุ๊บ ก็เห็นทีมงานรีบเดินไปทางหลังรถ ตอนแรกก็งงว่า ไปทำไมกัน
อ๋อ ไปเก็บขยะ
นี่เอง คือ ความละเอียดของจิต ถ้าเห็นสิ่งใดสกปรกไม่ดีไม่งามปุ๊บ ก็จะรีบไปทำให้สะอาดปั๊บ…
จากเศษอิฐทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่ วันนี้ "พ่อ" สอนให้เราเห็นในเชิงประจักษ์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีคุณค่าถ้าเราคิดที่จะเอาใจใส่และขวนขวายที่จะทำ
เมื่อเศษอิฐก้อนเล็ก ๆ มารวมกับผงปูนเมล็ดน้อย ๆ ก็กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ ที่ให้เราทั้งหลายได้พักอาศัยเพื่อสร้าง "บารมี"
การฝึกเด็กนักเรียน ที่ยังเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้ปัญญาว่า "ต้องฝึกกายก่อน ฝึกไหว้ให้สวย ฝึกกราบให้สวย ฝึกมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน"
ดังนั้นเมื่อมีนักเรียนมาเข้าคอร์สอบรมปฏิบัติธรรมในครั้งต่อ ๆ ไป สิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นมากคือเรื่องการกราบ การไหว้ กิริยามารยาท ใช้กายเพื่อมาฝึกใจ เพราะจะให้เด็กไปนั่งสมาธินิ่ง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก
การใช้ทรัพยากรอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด VS การจำกัดทรัพยากรของตนเองเพื่อเข้าถึงประโยชน์อันสูงสุด
วันนี้ได้ย้อนกลับไปอ่านทษฎีทางเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหรือการบริหารอันเป็นหัวใจหลักที่ว่า "การใช้ทรัพยากรอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด" ก็เกิด "ปิ๊งแว้บ" ขึ้นมาทันทีว่า สิ่งที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้ เหมือนกัน คล้ายกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร เพราะเรากำลัง "จำกัดทรัพยากรของตนเองเพื่อเข้าถึงประโยชน์อันสูงสุด"
ตอนนี้ไม่ใช่เราไม่มีกิน แต่เรากินน้อย ตอนนี้ไม่ใช่เราไม่มีเวลานอน แต่เรานอนน้อย เราเอาเวลาที่เหลือจากกินและการนอนมาก่อให้เกิด "ประโยชน์สูงสุด"
เบื้องต้นสิ่งที่ชวนให้ฉุกคิดของทฤษฎี "เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy)" รวมทั้ง "พุทธเศรษฐศาสตร์ (Buddhist Economics) คือการบริหารเวลาที่ทุก ๆ คนนั้นมีอยู่เท่ากันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/590127