ยังไม่เคยอ่านงานของคุณหนานเกียรติเลย เคยอ่านผ่านตาว่า คุณหนานเกียรติบอกกับใครบางคนว่าจะไปทำงานจิตอาสากับท่านวอญ่าทางใต้... เศร้าใจจริงๆ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น รับรู้ เข้าใจ และเห็นใจครอบครัวของคุณหนานเกียรติ เพราะตนเองก็เคยผ่านเหตุการณ์การจากไปโดยไม่ได้สั่งลา เช่นนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านความทุกข์ระทมนี้ไปได้ และขอให้ดวงวิญญาณของคุณหนานเกียรติจงไปสู่สุขคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ
ไม่ได้ทานข้าวเที่ยงมา 2 วันแล้ว วันนี้คงจะไม่ได้ทานอีกเพราะสอน 08.00-11.20 น. จากนั้นต้องไปติดตามเรื่องที่สพป.นครราชสีมา เขต...(ขอไม่ระบุ) ได้ส่งหนังสือแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการสาขา...(ขอไม่ระบุ) ในวันที่ 9 สิงหาคม 2554 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และแจ้งว่าได้ส่งผลงานทางวิชาการไปให้ตรวจ...ปฏิเสธการทำหน้าที่มาหลายครั้งแล้ว เพราะไม่มีเวลาและไม่สะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว แต่ก็ได้รับการร้องขอจากเลขาฯว่าให้ช่วยชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย แต่ยังส่งไปให้ตรวจอีก ผู้เขียนไม่สามารถไปทำหน้าที่ประธานกรรมการประเมินผลงานในวันที่ 9 ส.ค.ได้แน่นอน เพราะวันที่ 9, 10 ส.ค. 2554 จะต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมวิทยากรอบรมครูแนะแนวจากสพป.และสพม.อุบลฯ รุ่นที่ 9 และ 10 ...จากนั้นจะต้องไปประสานเรื่องการพบปะกับนักศึกษาฝึกประสบการณ์ที่เข้ามาสัมมนาในวันที่ 4-5 ส.ค. และไปถ่ายเอกสารเพิ่มเพื่อใช้ในการอบรม แล้วไปเป็นวิทยากรอบรม เวลา 13.00-17.30 น. ...ออกจากห้องอบรมเกือบ 18.00 น. ทุกวันที่เป็นวิทยากร...เฮ้อ...
เม่ื่อวาน ผู้เขียนให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มศึกษาเนื้อหาและสรุปพัฒนาการด้านบุคลิกภาพ เชาวน์ปัญญา และเหุตผลทางจริยธรรมของผู้เรียนในตารางสรุปพัฒนาการตามช่วงวัย (เป็นแบบฝึกหัดท้ายบทในคู่มือการเรียนรู้ที่ผู้เขียนจัดทำและแจกให้นักศึกษาแต่ละคน) โดยให้ทุกคนในกลุ่มช่วยกันคิดและเขียนคำตอบให้เหมือนกันในเล่มของตน อาจารย์จะสุ่ม กลุ่มละ 1 เล่มไปตรวจให้คะแนนกลุ่ม แล้วผู้เขียนออกจากห้องไปตามหาผลงานทางวิชาการที่สพป.นม.แจ้งว่าได้ส่งไปให้ตรวจ ครู่หนึ่ง นักศึกษากลุ่มที่รับผิดชอบจัดการชั้นเรียนประจำสัปดาห์ โทรฯ แจ้งว่ามีอาจารย์ไปไล่ให้นักศึกษาออกจากห้อง (ที่ผู้เขียนขอใช้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของการเปิดเรียน เพราะห้องเดิมที่คณะจัดให้คับแคบไม่สามารถจัดกิจกรรมภาคปฏิบัติได้ และได้ติดข้อความแจ้งตารางการใช้ห้องเรียนไว้หน้าห้องแล้ว) ผู้เขียนกลับไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น พบว่า ฝ่ายฝึกประสบการณ์ฯ ได้จัดให้ห้องที่ผู้เขียนใช้สอนเป็นห้องให้นักศึกษาฝึกประสบการณ์ฯ ที่กลับเข้ามาสัมมนาพบกับอาจารย์ประจำกลุ่ม...สรุปว่าผู้เขียนต้องไปหาห้องเรียนใหม่...
หลังจากแก้ปัญหาเรื่องห้องเรียนและจัดการเรียนรู้ตามตารางเสร็จแล้ว ผู้เขียนไปติดต่อสำนักงานคณะฯ เพื่อตามหาผลงานทางวิชาการที่สพป.นม.แจ้งว่าได้ส่งไปให้ตรวจ ผู้รับผิดชอบบอกว่า ไม่เห็นเอกสารดังกล่าว ผู้เขียนได้โทรฯ ไปสอบถามที่ธุรการฯ มหาวิทยาลัย ได้ความว่า คุณ...จากคณะครุศาสตร์ได้เซ็นรับพัสดุผลงานทางวิชาการไปแล้วในวันที่ 1 ส.ค. ผู้เขียนได้ไปตามหาคุณ...ดังกล่าวแต่ไม่พบ โทรฯ เข้ามือถือก็ติดต่อไม่ได้ เลยฝากให้อีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกันติดตามและโทรฯ แจ้งผลด้วย แล้วผู้เขียนก็ไปประสานงานเรื่องแจ้งให้นักศึกษาฝึกประสบการณ์ส่งเค้าโครงงานวิจัยถึงผู้เขียนโดยแนบ Files ไปกับ E-mail ภายใน 08.00 น. วันนี้ และเข้าพบอาจารย์ในเวลา 09.00 น. แล้วผู้เขียนก็ไปถ่ายเอกสารเสร็จแล้วเดินทางไปยังโรงแรมที่จัดอบรมครู ในช่วงที่ให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียนแผน ผู้เขียนได้ออกไปโทรฯ ไปที่สพป.นม. เพื่อแจ้งว่า ตนไม่สามารถไปทำหน้าที่ประธานกรรมการประเมินผลงานฯ ในวันที่ 9 ส.ค. ได้ ทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปต่างประเทศจะกลับถึงนม.สองทุ่มวันที่ 7...เฮ้อ...
ค่ำนี้ ได้อ่านอนุทินของน้องสุภัทรา เล่าถึงอาการหอบที่เนื่องมาจากหวัดของคุณแม่ของเธอ ทำให้ได้ความรู้ว่า อาการหอบสืบเนื่องมาจากการเป็นหวัด
ย้อนกลับมาดูตัวเอง ซึ่งได้รับเชื้อหวัดมาจากลูกสาวตอนที่ไปเกาหลี สองวันแรกไม่เป็นอะไร วันที่สามเริ่มมีอาการจามและน้ำมูกไหลไม่หยุดจนต้องขอยาลดน้ำมูกจากลูกมากิน (ปกติเวลาป่วยจะไม่กินยา/หาหมอ ปล่อยให้หายเอง) อาการแสดงออกมากในวันที่จะเดินทางกลับ ตอนกลับถึงกทม.วันที่ 29 พ.ค.มีอาการหายใจหอบ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ก็เคยเป็นไข้หวัด และยิ่งตอนที่เดินจากจุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิไปรอขึ้นเครื่องกลับอุบลฯ ในวันที่ 30 ซึ่งต้องเดินไกลมาก ก็ยิ่งหอบมาก กลับถึงอุบลฯ ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแค่เดินไม่กี่เมตรก็หอบเลยนอนอย่างเดียว ช่วงบ่ายแก่ๆ ตื่นขึ้นมาพบว่าอาการหอบหายแล้ว เลยไปตลาดซื้อกับข้าวมากิน หลังจากที่ไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงวันที่ 30
ช่วงนี้เดินทางบ่อยมาก ในรอบสองสัปดาห์ขึ้นเครื่อง 8 เที่ยว และใช้แรงเดินขึ้นเขาทั้งตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่และเที่ยวเกาหลี กลางคืนก็นอนน้อยร่างกายเลยอ่อนแอสู้กับโรคไม่ไหว ถ้าอยู่ที่ฟาร์มไอดินฯ หรือบ้านเรือนขวัญ ในแต่ละมื้ออาหารจะทานพืชผักสมุนไพร 80 % ทานโปรตีน 20 % ทำให้พร้อมสู้โรค แต่อยู่ที่เกาหลี 4 วันเต็มๆ อาหารเป็นเนื้อสัตว์ 85 % ผัก 15 % ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ได้
คืนนี้ก็คงจะต้องนอนน้อย เพราะมีงานค้างที่ไม่มีแรงทำส่งในวันที่ 30 ตามที่แจ้งคณะไว้ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ซึ่งเริ่มด้วยการประชุมของมหาวิทยาลัยในภาคเช้า และเริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่าย
ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความเสียหายและความตาย เมื่อเช้านี้มีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งวิ่งตามขึ้นรถสายในขณะที่รถไม่ได้จอดสนิทเพราะบนรถคันนั้นคนก็เต็มอยู่แล้ว แต่เด็กๆก็วิ่งตามขึ้นจนได้และมีเด็กคนหนึ่งตกจากรถในขณะที่รถพุ่งออกตัวไปเด็กคนนั้นก็ล้มกลิ้งไปหลายตลบ เห็นแล้วมานสลดใจจริงๆๆ