เยือนฟาร์ม...ยามวสันตฤดู


สรรพสิ่ง...เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ที่มั่นคง ยืนนาน คือ ปฏิบัติการของ...มนุษย์

           หลังจากที่ผู้เขียนไม่ได้เข้าฟาร์มเป็นเวลา 3 อาทิตย์กว่าๆ เพราะงานยุ่ง ก็มีโอกาสเข้าฟาร์มในคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2554 และมีเวลาอยู่ที่ฟาร์มแค่ถึงเช้าวันที่ 17 กรกฎาคม 2554 เพราะ เวลา 09.30 น. มีนัดพูดคุยรอบสองกับทีมวิทยากรอบรมครูแนะแนว (อบรมครูแนะแนวจำนวนประมาณ 900 คน จากจังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยจัดเป็น 10 รุ่น รุ่นละ 3 วัน  รุ่นแรกเริ่ม 19 กรกฎาคม 2554)

            ในช่วงบ่ายวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 ก่อนเข้าฟาร์ม ผู้เขียนได้โทรศัพท์ถามพ่อใหญ่สอว่า ที่วัดมีพระจำวัดอยู่กี่รูป (พระจะอยู่จำวัดไม่แน่นอน โดยจะมี 1-5  รูปในแต่ละช่วงเวลา เพราะต้องไปพบท่านเจ้าอาวาสที่วัดใหญ่เป็นระยะๆ และไปช่วยงานที่วัดใหญ่และวัดสาขาอื่นๆ เวลามีงานบุญ) พ่อใหญ่สอซึ่งกำลังเดินทางเข้าเมืองไปขายแก้วมังกรตอบว่ไม่มี  ผู้เขียนแย้งว่า พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาสาฬหบูชาและมะรืนนี้ก็เป็นวันเข้าพรรษา จะไม่มีพระอยู่ที่วัดได้อย่างไร แกเลยโทรฯ ถามผู้ใหญ่บ้าน ได้คำตอบว่า มีพระ 2 รูป ก่อนเข้าฟาร์มผู้เขียนจึงได้แวะซื้อเครื่องไทยธรรมถวายพระ 2 ชุด ... เดิมทีนั้นบ้านหนองฝางซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีแค่ 50 หลังคาเรือน ไม่มีวัด พ่อใหญ่สอเห็นว่าเมื่อมีบ้านก็ต้องมีวัด จึงได้เสนอแนวคิดการสร้างวัดในที่ประชุมหมู่บ้าน และก็ได้รับการขานรับเป็นอย่างดี พ่อใหญ่สอจึงได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อที่ดินจำนวน 7 ไร่ และเจ้าของที่ร่วมบริจาคที่ดินสมทบอีก 7 ไร่ รวมเป็น 14 ไร่เพื่อสร้างวัด ที่สำหรับสร้างวัดอยู่ตรงกันข้ามกับสวนยางของพ่อใหญ่สอ ดังภาพล่างซ้าย ที่มองเห็นต้นไม้หนาแน่นฝั่งซ้ายของถนนคือที่สำหรับสร้างวัด ฝั่งขวาของถนนคือสวนยางของพ่อใหญ่สอ ภาพกลางเป็น "ป้ายวัด" ซึ่งหลวงปู่เณรคำเจ้าอาวาสวัดป่าขันติธรรม ได้อนุญาตให้สร้างเป็นวัดสาขาโดยให้ชื่อว่า "วัดป่าขันติบารมี สาขาที่ 6" ภาพขวาคือกุฏิหลวงปู่เณรคำ วัดและสวนยางห่างจากโรงเรียนประมาณ 200 เมตร และห่างจาก "ฟาร์มไอดิน-กลิ่น ไม้"ประมาณ 400 เมตร พิธีขึ้นเสาเอกศาลาวัดมีขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2552 และหลวงปู่เณรคำได้เดินทางไปปลูกต้นโพธิ์ที่วัดในวันที่ 30 พฤษภาคม 2552 จากนั้นชาวบ้านได้สร้างและพัฒนาวัดไปตามลำดับ  ขณะนี้ที่วัดมีศาลา 1 หลัง กุฏิพระ 5 หลัง ห้องสุขาพระ 3 ห้อง ห้องสุขาโยม 10 ห้อง และตอนนี้กำลังสร้างโรงครัวใหม่อีก 1 หลัง 

 

           ผู้เขียนและพ่อใหญ่สอขับรถเข้าฟาร์มคนละคัน โดยแวะทานข้าวเย็นก่อน ถึงฟาร์มประมาณ 21.30 น. เช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 2554 ผู้เขียนลุกจากที่นอนสายกว่าปกติคือประมาณ 05.00 น. สิ่งแรกที่ทำคือเปิดประตูออกไปสำรวจสวนแก้วมังกร พบว่า มีดอกสีขาวบานกระจายเต็มสวน  จึงรีบคว้ากล้องเข้าไปเลือกถ่ายรูปในมุมต่างๆ ถ้าอยากได้ภาพดอกแก้วมังกรที่บานเต็มที่อย่างภาพล่างกลางต้องถ่ายในเวลาไม่เกิน 05.45 น. (เพราะพอพระอาทิตย์ขึ้น ดอกแก้วมังกรก็จะเริ่มหุบ อย่างเช่นภาพซ้ายมือที่ถ่ายในเวลาประมาณ 06.30 น.) ภาพขวาลูกแก้วมังกรอย่างที่เห็น ต้องรออีก 2-3 วันถึงจะเก็บได้ ไม่เช่นนั้นจะหวานน้อยเพราะยังสุกไม่เต็มที่ ซึ่งถ้าสุกเต็มที่เปลือกจะเป็นสีแดงเข้ม ส่วนภาพถัดไปได้จากการปีนบันไดอลูมิเนียมขึ้นไปถ่ายให้ได้รูปมุมสูง (โชคดีที่วันนั้นมีดอกแก้วมังกรบานเป็นจำนวนมาก ส่วนวันที่ 16 และ 17 จะบานน้อยกว่ามาก) ถามพ่อใหญ่สอได้ข้อมูลว่า ดอกแก้วมังกรจะบานชุดใหญ่อาทิตย์ละครั้ง รุ่นนี้จะออกดอกออกผลไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยทั่วไปจะออกดอกออกผลประมาณ 5 เดือน แล้วพักต้นประมาณ 7 เดือน

          

            เสร็จจากถ่ายภาพสวนแก้วมังกร ได้เก็บแก้วมังกรจากต้น 2 ลูกเพื่อให้พ่อใหญ่สอนำไปจังหันพระที่วัดพร้อมด้วยห่อหมกปลา ดอกไม้หอมที่นำส่วนหนึ่งไปบูชาพระ ประกอบด้วย ดอกนางแย้ม ลีลาวดี (คัทลียา) บุหงาส่าหรี บุหงาแต่งงาน และดอกพุด 3 ชนิด ก่อนไปวัดได้ถามพ่อใหญ่สอว่า "เครื่องไทยธรรมเขากำหนดถวายวันนี้หรือพรุ่งนี้ และถวายเวลาไหน"  พ่อใหญ่สอบอก "ไม่รู้ ที่นี่เขาไม่มีรูปแบบ..." แต่หลังจากออกไปวัดครู่ใหญ่ พ่อใหญ่สอก็กลับไปที่ฟาร์มและตะโกนถามจากรถว่า เตรียมอะไรถวายพระอยู่ใช่ไหม เขากำลังจะถวายกันแล้ว เกือบไม่ได้ถวายนะนี่...พูดราวกับว่าเป็นความบกพร่องของเรา ผู้เขียนใช้เวลาประมาณ 3 นาทีในการแกะซองพลาสติกที่หุ้มกล่องเครื่องไทยธรรมอีกกล่องที่ยังไม่ได้แกะ และเขียนข้อความบนกล่อง ตามที่มีข้อความระบุไว้ว่า ใครถวาย และอุทิศให้ใคร ยังไม่เสร็จแกก็บีบแตรและตะโกนถามว่าเสร็จแล้วยัง    

    

            พอคล้อยหลังพ่อใหญ่สอ ผู้เขียนก็เตรียมต้มน้ำชงกาแฟ เคยบอกย้ำพ่อใหญ่สอทุกครั้งก่อนกลับเข้าเมืองให้ใส่่ใบเตยในกระติกน้ำร้อนด้วยเวลาต้มน้ำชงกาแฟ เพราะใบเตยมีอยู่มากมายและเป็นผลดีต่อสุขภาพ แกก็ไม่เคยทำตาม โดยบอกว่าไม่มีเวลา ก็ดูสิใบเตยอยู่ข้างครัวแค่นี้เอง ใช่ว่าจะต้องเดินไกลไปเก็บซะที่ไหน อีกอย่างบอกแกว่า ผักปลอดสารพิษ ซึ่งมีทั้งผักกินสดๆ เช่นผักหูปลาช่อนที่เกิดเองในกระถางต้นไม้รอบบ้าน ผักติ้ว (แต้ว) จิก ผักเสม็ดและก้างปลาเขาที่ปลูกไว้รอบขอบสระชั้นสอง และผักที่ใช้ลวก-นึ่งจิ้ม เช่น ผักยอดตอง บุษบาริมทาง ช่อดอกเอื้องหมายนา และผักตำลึงทอง (ผักสองชนิดหลังเกิดเองตามธรรมชาติ และสองชนิดแรกใช้แกงอ่อมหรือแกงคั่วก็ได้ อร่อยมาก) ก็รู้จักเก็บไปกินบ้าง อย่าซื้อแต่กะหล่ำปลีที่ห่อสารพิษเอาไว้มากมายไปกิน ปลีกล้วยถ้าไม่กิน เวลาเข้าเมืองก็ตัดแล้วเอาไปให้ด้วย และกล้วยก็ดูหน่อยถ้ามันสุกก็ตัดไปกินอย่าปล่อยให้สุกจนเน่า...ทุกอย่างที่พูดไปเหมือนเป็นเสียงนกเสียงกา แกไม่เคยใส่ใจ พอต่อว่า แกก็พูดอยู่อย่างเดียว ..."ไม่มีเวลา"...นี่แหละคือเขาละ...พ่อใหญ่สอแห่งฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ ผู้ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ผู้เขียนเลยได้ข้อสรุปว่า "สรรพสิ่ง...เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ที่มั่นคง ยืนนาน คือ ปฏิบัติการของพ่อใหญ่สอ" (ภาพผักในจานทั้งหมดเป็นผักที่ผู้เขียนเก็บไปรับประทานในวันที่ 16 ก.ค. 54)

              ผักยอดตอง                       ผักบุษบาริมทางและเอื้งหมายนา (ดอกขาว)            ผักตำลึงทอง

              หลังต้มน้ำชงกาแฟ ผู้เขียนได้ออกไปสำรวจถนนหน้าฟาร์มเพื่อดูว่ามีเศษขยะไหม และก็ไม่ผิดคาด เพราะมีกล่องนม ถุงขนม ขวด-กระป๋องเครื่องดื่มให้เก็บตามเคย ซึ่งเป็นฝีมือของทั้งเด็กนักเรียนและผู้ใหญ่ (บอกพ่อใหญ่สอให้พูดคุยขอความร่วมมือเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการสถานศึกษา และเป็นที่ปรึกษาหลายคณะกรรมการของหมู่บ้าน แต่แกบอกว่า พูดไม่ได้ ก็ไม่ทราบเพราะอะไรถึงไม่ได้ เพราะเรื่องการดำเนินชีวิตให้ถูกสุขลักษณะก็อยู่ในหลักสูตรอยู่แล้ว และอบต.ก็มีโครงการบ้านน่าอยู่ที่มีเรื่องความสะอาดเป็นระเบียบ ถูกสุขลักษณะเป็นองค์ประกอบเช่นกัน) เก็บเสร็จก็ไปถ่ายภาพนาข้าวของเพื่อนบ้านติดรั้วด้านทิศตะวันออก และสะเดาแนวรั้วด้านในของฟาร์ม  (ดังภาพข้างล่าง)  ที่ปลูกเพื่อเป็นด่านแรกในการป้องกันแมลงศัตรูพืช ลูกสะเดาพ่อใหญ่สอจะนำไปทำส่วนผสมของสารชีวภาพกำจัดแมลงศัตรูพืช ส่วนผู้เขียนเก็บดอกไปกินและเป็นของฝาก  

 

           ถ่ายภาพนอกฟาร์มเสร็จแล้วก็กลับเข้าฟาร์มและถ่ายภาพ "ภูมิทัศน์ทางเข้าฟาร์มด้านซ้าย" ซึ่งมีต้นหมากเตี้ย (ออกลูกปีนี้เป็นปีแรก ปลูกไว้หลายต้นแต่เหลือรอดสองต้น) ชมพูพันธุ์ทิพย์ (ต้นใหญ่สุด ที่มีดอกสีชมพูอ่อน) พู่จอมพล (ที่มีดอกสีชมพูเข้ม)  และหูกระจง ตามลำดับ สังเกตว่า "หน้าฝนฟาร์มจะออกโทนสีเขียว ไม่มีสีสันหลากหลายของดอกไม้เหมือนหน้าหนาว"           

           

            ประมาณ 08.00 น. พ่อใหญ่สอกลับจากวัดไปทานกาแฟเช้า ผู้เขียนถามต่อว่า "กิจกรรมทางศาสนาเย็นวันนี้และพรุ่งนี้มีอะไรบ้าง พ่อใหญ่สอตอบว่า "ไม่รู้" ผู้เขียนพูดว่า "ไม่รู้ทำไมไม่ถามคนที่รู้" แกก็ตอบ "ไม่รู้จะถามใคร" ผู้เขียนก็บอกว่า พ่อใหญ่ทองที่เป็นมรรคทายกไม่อยู่หรือ ผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่หรือ แกก็บอกว่าอยู่ ถ้าถามเดี๋ยวเขาจะหาว่า ทำไมไม่รู้อะไรเลย พฤติกรรมของแกทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำพูดที่ว่า "ถ้ากลัวถูกหาว่าโง่ ก็จะโง่ตลอดไป ถ้าไม่กลัวใครว่าโง่ ความโง่ก็จะหมดไป" และคิดถึงนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ที่ควรเป็นพวกช่างสงสัย ชอบซักถาม กล้าคิดกล้าแสดงเหตุผล แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้ามเมื่อเทียบกับนักศึกษาสาขาวิชาอื่น พอถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นักศึกษาก็บอกว่า อาจารย์วิทยาศาสตร์สอนว่า ถ้าไม่รู้จริงก็ไม่ต้องตอบ ผู้เขียนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์จึงสอนเช่นนั้น และได้ยกตัวอย่างนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในอดีต ที่ตั้งสมมุติฐานผิดแล้วผิดอีก บางคนต้องใช้เวลานับสิบยี่สิบปีกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง  (ผู้เขียนเคยเรียนวิชาโทวิทยาศาสตร์ และวิชาจิตวิทยาที่สอนอยู่ก็เป็นวิชาที่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสร์ในการศึกษา อีกทั้งยังชอบอ่านประวัตินักวิทยาศาสตร์เพื่อประกอบการสอนเรื่องการคิดสร้างสรรค์ และการคิดแก้ปัญหา ส่วนพ่อใหญ่สอเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ในคณะวิทยาศาสตร์มานาน และย้ายไปอยู่คณะครุศาสตร์ ในภายหลัง โดยรับผิดชอบสอนวิชา "พฤติกรรมการสอนวิทยาศาสตร์" เป็นหลัก)      

            หลังจากทานกาแฟและซักผ้าเสร็จ ผู้เขียนได้ไปนั่งเข้า Web. GotoKnow.org ที่ระเบียงหน้าบ้าน ต้องหมุน Notebook รอบ 4 ทิศให้เจอคลื่น เมื่อเจอแล้วก็พบว่ามีปัญหาเหมือนทุกครั้งที่ใช้ Internet ที่ฟาร์ม คือ ใช้ได้ไม่นานก็เจอปัญหา "No Service" จึงต้องใช้งานอื่น คืองานเตรียมการอบรมครู ในวันที่ 15 ก.ค. 54 นั้น พอสายๆ ฝนเริ่มตก และตกเป็นระยะประเภทเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุดทั้งวัน เลยออกไปทำงานภาคสนามไม่ได้ ผ้าก็ต้องตากในร่ม และในวันที่ 16 ก.ค. 54 ซึ่งเป็นวันงานประเพณีแห่เทียนของอุบลฯ ก็ได้ดูงานแห่เทียนที่ฟาร์มจากการถ่ายทอดทาง TV เหมือนทุกปี (พ่อใหญ่สอเอาใจโดยยก TV เครื่องที่อยู่ในห้องครัวไปบริการ)

   

          เช้าวันที่ 16 ก.ค. 54 ได้ไปแอบถ่ายภาพ 2 หนุ่มตัดหญ้า (ภาพซ้าย) อีกคนเก็บกวาดเศษหญ้าที่ถูกตัดใส่รถเข็นไปเทที่คอกทำปุ๋ยหมัก (เวลาทำงานของคนงานคือ 06.30-10.30 น.)  เสร็จแล้วก็ไปถ่ายภาพผลงานการตัดหญ้าดังภาพล่างกลางซึ่งมองเห็นกอตะไคร้หอมกันยุงตามแนวคอกวัวและเล้าไก่แจ้ ตอนนี้ยังไม่ได้เลี้ยงวัว ใช้คอกวัวเป็นที่เก็บปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตเอง เมื่อเสร็จงาน 3 หนุ่มก็ไปรอรับค่าแรงจากพ่อใหญ่สอที่เรือนไทย ในแต่ละวันที่มาทำงาน นอกจากจะได้ค่าแรงคนละร้อยบาทต่อการทำงาน 1 ครั้งแล้ว แต่ละคนยังจะได้มะนาวบ้าง แก้วมังกรบ้าง มะม่วงบ้าง ลำไยบ้าง ไปฝากลูกฝากเมีย ฝากแม่และกินเอง (แล้วแต่ว่าช่วงไหนที่ฟาร์มจะมีผลผลิตอะไร ช่วงนี้ก็มีแก้วมังกร ลำไย และมะนาว) เช้าวันที่ 17 พ่อใหญ่สอได้เก็บมะนาวให้ผู้เขียนนำไปจำหน่าย 2 เข่งใหญ่ (มะนาวพันธุ์แป้นรำไพ เปลือกบางมาก น้ำเยอะ ตั้งแต่ใช้มะนาวมาผู้เขียนถูกใจมะนาวเจ้านี้ที่สุด...ไม่ได้ลำเอียงเพราะเป็นของตนเอง) ผู้เขียนเลยประเดิมด้วยการเอาไปฝากลูกศิษย์ที่เป็นทีมวิทยากร และเธอยังขอไปทำบุญที่วัดด้วย ซึ่งผู้เขียนบอกให้เอาไปได้โดยไม่จำกัดจำนวน พร้อมทั้งให้ใบเตยกอใหญ่ที่แตกกอย่อยนับสิบกอไปปลูกด้วย สำหรับมะเดื่อหน้าอาคารอเนกประสงค์ผู้เขียนกินเองและเอาไปฝากคนที่กินเป็น รวมทั้งร้านขายเมี่ยงไทย ซึ่งเขาก็ตอบแทนด้วยการลดราคาเมี่ยงให้

         

           ผู้เขียนได้รวบรวมพันธุ์กล้วยด้วย จากการซื้อตำรา "กล้วย" ของม.เกษตรศาสตร์บางเขนไปศึกษา พบว่ากล้วยมีอยู่นับพันชนิด ภาพล่างซ้าย ผู้เขียนได้ซื้อหน่อกล้วยเทพพนมและงาช้างหน่อละ 350 บาท หน่อกล้วยพระตะบะและน้ำว้าดำหน่อละ 150 จากตลาดนัดต้นไม้สวนจตุจักรในวันที่ 30 มี.ค. 54 แล้วขนขึ้นรถไฟ ภาพกลางพ่อใหญ่สอนำหน่อกล้วยทั้ง 4 ที่ชำไว้ไปปลูกในวันที่ 31 พ.ค. 54 และภาพขวาที่ถ่าย 16 ก.ค. 54 กล้วยต้นแรกคือ กล้วยเทพพนม ถัดไปเป็นกล้วยงาช้าง ทั้งสองต้นงอกงามดีแต่วัชพืชหนาแน่น ผู้เขียนมีเวลาถอนวัชพืชออกนิดหน่อยเฉพาะรอบโคนต้น ส่วนกล้วยพระตะบะและกล้วยน้ำว้าดำ เน่าตายไปแล้ว (สำหรับกล้วยนากลูกสีน้ำตาลดังภาพซ้ายที่ฟาร์มมีปลูกอยู่แล้ว)

            ผู้เขียนไม่เคยแนะนำสัตว์เลี้ยงฟาร์มไอดินฯ คราวนี้ขอแนะนำก่อนที่จะไม่เหลือให้เห็น เพราะพ่อใหญ่สอได้ให้ผู้ใหญ่บ้านจับไก่แจ้ทั้งหมดจากเล้าไปเลี้ยง (ฟรีๆ เพราะไม่พอใจที่มันคุ้ยเขี่ยปุ๋ยที่แกใส่โคนต้นไม้ที่ปลูก) เท่าที่ผู้เขียนเห็นตอนกลับไปฟาร์ม  ผู้ใหญ่บ้านได้จับไก่แจ้ไปแล้ว 3 ครั้ง ยังมีหลงเหลือที่หนีภัยมาอาศัยอยู่แถวบ้าน คือ ไก่แจ้สองคู่ชู้ชื่น ห่านเพื่อนคู่หู และไก่แจ้หนุ่มผู้โดดเดี่ยว ดังภาพ (และมีเหลือที่เล้าอีกนิดหน่อย)

           ที่ผู้เขียนรักมาก คือ "ข้าวเหนียว" ซึ่งเคยเป็นลูกสุนัขที่พ่อใหญ่สอบอกไม่ให้เลี้ยงไว้เพราะเป็นตัวที่เล็กที่สุดในจำนวน 7 ตัวที่ออกมาในครอกเดียวกัน  แต่ผู้เขียนเลี้ยงไว้เองที่บ้านเรือนขวัญและชอบเธอที่สุดจึงตั้งชื่อให้ว่า "ข้าวเหนียว" เพราะผู้เขียนชอบทานข้าวเหนียว ส่วนตัวอื่นๆ ที่พ่อใหญ่สอชอบและนำไปเลี้ยงที่ฟาร์มเป็นตัวผู้ทั้งหมด มีข้าวต้ม ข้าวตัง ข้าวคั่ว ตอนหลังข้าวเหล่านั้นเกเรไปไล่ไก่ชาวบ้านจึงถูกอัปเปหิออกไปหมด ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องยกข้าวเหนียวให้พ่อใหญ่ไปเลี้ยงแทน ซึ่งข้าวเหนียวก็จงรักภักดีต่อพ่อใหญ่สอมาก จะคอยติดตามและนอนเฝ้าเวลาพ่อใหญ่สอทำงาน ภาพนอนรอที่จักรยานถ่ายวันที่พ่อใหญ่สอปลูกกล้วย (31 พ.ค.) ส่วนภาพที่เฝ้ารถยนต์ ถ่าย 16 ก.ค.

           และที่ผ่านมายังไม่เคยแนะนำสวนยางโดยตรง ก็ขอถือโอกาสแนะนำในบันทึกนี้ ภาพซ้าย (ภาพ 2 เดือนที่ผ่านมา) พ่อใหญ่สอรดน้ำต้นไม้ที่ป้ายวัด โดยมีข้าวเหนียวนั่งให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ (ต้นไม้ที่ป้ายวัดอยู่ไกลคน เลยไม่ค่อยมีใครรดน้ำ ไม่เหมือนต้นไม้รอบศาลา) อีกฟากถนนตรงกันข้ามวัดเป็นสวนยางจำนวนเกือบ 30 ไร่ (ภาพกลาง) และภาพขวาเป็นป้ายสวนยางที่มุมฟาร์ม (เป็นแนวคิดและการสั่งทำของผู้เขียนเอง เพราะเวลาคนไปทำบุญที่วัดซึ่งมาจากทั่วสารทิศเพราะบารมีหลวงปู่เณรคำ ก็จะถามว่า สวนยางเป็นของใคร จึงติดป้ายบอกชื่อเจ้าของและเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถาม พ่อใหญ่สอให้ใส่ชื่อผู้เขียนลงไปด้วย แต่ผู้เขียนไม่ใส่ แค่มีชื่อเป็นเจ้าของคนเดียวในโฉนดที่ดินทุกใบก็พอ...จริงๆ แล้วผู้เขียนไม่ได้เรียกร้องต้องการอะไร แต่เมื่อพ่อใหญ่สออยากให้เป็นเช่นนั้นก็เลยปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของแก) ภาพกลางและขวาถ่ายเมื่อ 16 ก.ค. 54 เวลา 18.30 น. ตอนที่นำแคร่ไม้ไผ่ไปตั้งวางที่เถียงนา (ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นพ่อใหญ่สอนั่งอยู่ที่แคร่เถียงนาใต้ "ต้นชีขาดเพล" ต้นไม้ที่ผู้เขียนยื่นคำขาดให้อนุรักษ์ไว้ เพราะพ่อใหญ่สอจะตัดทิ้งท่าเดียวโดยอ้างเหตุผลว่าบดบังต้นยางของแก) 

  

          ภาพล่างซ้ายและภาพกลาง ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 54 วันที่ร่ำลาฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ หลังจากไปพักอยู่ที่ฟาร์มยาวในช่วงปิดภาคเรียน เพราะวันที่ 1 มิ.ย. เป็นวันเปิดภาคเรียน ก่อนจากจึงถ่ายภาพสวนหย่อมที่นำรั้วสีขาวไปตกแต่งให้ (20  พ.ค. 54) กลับไปคราวนี้หญ้าท่วมจนมองไม่เห็นรั้วแต่ไม่มีเวลาถอน เจ้าวอกที่เห็นห้อยโหนอยู่ชายคาศาลาไทยเป็นสัญลักษณ์ของพ่อใหญ่สอที่เกิดปีลิง ส่วนโมบายช้างซื้อจากเกาะช้าง (16 พ.ค. 54) และภาพขวา ดอกเอื้องหมายนาที่เกิดเองตามธรรมชาติ นอกจากช่อดอกจะกินได้ ยังใช้เป็นดอกไม้ปักแจกันได้ด้วย จึงเก็บปักแจกันในเช้าวันที่ 17 ก.ค. 54 ก่อนที่จะเดินทางเข้าเมืองในตอนสายๆ

           

            เข้ามาแวะเยี่ยม "ฟาร์มไอดิน-กลิิ่นไม้" แล้วไม่มีดอกไม้ให้ชม ดูจะผิดปกติไปหน่อย เลยมี 3 ชนิดมาให้ดูเป็นภาพปิดท้ายบันทึก...ดอกไม้ใน "ฟาร์มยามวสันตฤดู" นอกจาก ชวนชม โป๊ยเซียน ชะบา บานเช้า บานเย็น บานบุรีสีเหลือง (ทุกชนิดที่กล่าวมา ออกดอกตลอดปี) กล้วยไม้ป่าบางชนิด และไม้หอม (ที่นำมาให้ดูบางชนิดตอนที่กล่าวถึงดอกไม้บูชาพระ) แล้ว ก็มี (ภาพซ้าย) ดอกบานบุรีสีนวลเหลือบน้ำตาลที่ออกดอกตลอดปีซึ่งปลูกที่ป้ายสวนสมุนไพรแต่มองไม่เห็นป้ายแล้วเพราะบานบุรีบดบังหมด (ภาพกลาง) ดอกมะเขือต้นที่ออกดอกตลอดปี ดอกจะเริ่มด้วยสีม่วงเข้มเมื่อบานใหม่ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อน และสุดท้ายเป็นสีขาวก่อนที่จะร่วงโรยไป แบบเดียวกันกับดอกพุดสามสี ต้นนี้ปลูกใกล้บานบุรีสีนวล (เป็นไม้ต้นประดับดอกที่ผู้เขียนเห็นครั้งแรกที่ Resort ในจังหวัดเชียงรายในปี 2539 สูงประมาณ 12 เมตรแล้วชอบใจอยากหาไปปลูกบ้าง)  และ (ภาพขวา) ดอกยี่เข่งสีชมพูข้างทางเดินเข้าฟาร์ม ปลูกต่อจากต้นหูกระจง ต้นนี้ก็ออกดอกตลอดปีเช่นกัน

 

           หนึ่งเดือนต่อจากนี้ ผู้เขียนคิดว่า ตนเองคงไม่มีเวลาเขียนบันทึก เพราะภาระการอบรมครู การสอน และงานนิเทศทั้งนักศึกษาภาคปกติ (หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต 5 ปี) และนักศึกษาป.บัณฑิตวิชาชีพครู ที่ซ้อนกันอยู่ จึงขอฝากบันทึกนี้ไว้ "ด้วยความรัก-คิดถึงฟาร์มและความผูกพันกับกัลยาณมิตรชาว GotoKnow" แต่ก็จะพยายามติดตามตอบทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจและแสดงความเห็น

           ขอส่งความรักและความปรารถนาดีมายัง "กัลยาณมิตรชาว GotoKnow" ทุกท่านค่ะ

  

 

หมายเลขบันทึก: 449753เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2011 19:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2013 23:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (45)

มาเยี่ยมคุณโยม ด้วยความระลึกถึง ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

ดิฉันขอกราบขอบพระคุณ "ท่านพระมหาวินัยIco48" เป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่กรุณามาเยี่ยมและให้พรแก่ดิฉัน นับเป็นความเมตตาของท่านโดยแท้

แวบมาครับอาจารย์แม่ โอโหที่ไร่ต้นไม้เต็มเลย ชอบเจ้าข้าวเหนียว พันธุ์ thousand way ใช่ไหม ฮ่าๆๆ ที่บ้านมีเอื้องนาแบบในภาพ แต่ไม่ได้กินดอก ผมเก็บต้นอ่อนๆมาจิ้มน้ำพริกครับ อาจารย์แม่ทำงานหนักมาก พักผ่อนบ้างนะครับ...

  • ดีใจทีสุดเลยที่เห็นหน้า "ลูกขจิตIco48" ก่อนออกไปลุยงานใหญ่
  • อาจารย์แม่จะกลับมาตอบคืนนี้นะคะ รวมทั้งตอบที่ ดช.ขจิตไปก่อกวนชั้นเรียนภาษาอังกฤษ เพราะตอนนี้ได้เวลาออกไปดูงานอบรม (วันแรก)
  • อาจารย์แม่แจ้งเรื่องหนังสือที่ลูกขจิตส่งไปให้ นานแล้ว เห็นแล้วยังคะ

บ้านใครหนอ น่าอยู่จังเลย

อยากมีอยากเป็นบ้างครับ 

  • "ลูกขจิตIco48" นี่ ราวกับมนุษย์ล่องหนโดยแท้ เดี๋ยวก็หายตัวไปโผล่ทางใต้ เดี๋ยวก็กลับมาอยู่แถวจังหวัดภาคกลาง คราวนี้มาอีสาน ใกล้อุบลฯ เข้ามาแล้วนะคะ ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตยังงี้ยังมีเวลาแวะมาให้กำลังใจอาจารย์แม่ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ 
  • ที่ฟาร์มไม่ใช่มีมากเฉพาะต้นไม้นะคะ วัชพืชก็เยอะ เพิ่งตัดแถวสวนมะนาวอาจารย์แม่กลับไปคราวนี้วัชพืชขึ้นเต็มอีกแล้ว
  • ข้าวเหนียวน่ะ อาจารย์แม่รักมาก ก่อนนี้เธอจะติดอาจารย์แม่ แต่เดี๋ยวนี้ตามพ่อใหญ่สอแจ เธอเคยหายไป 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งหายไป 6 วัน แถวใกล้บ้านเรือนขวัญมีตำหนักเจ้าแม่กวนอิม เขามีพิธีกรรมและมีการจุดพลุเป็นชุด ข้าวเหนียวคงตกใจหนีเตลิดไป อาจารย์แม่ไปควานหาและสอบถามตามตรอกซอกซอยต่างๆ เป็นเวลาหลายวันก็ไม่เจอ ทุกเช้าจะเปิดประตูออกไปดูด้วยความหวังว่าเธอจะกลับมา จนวันที่ 6 ก็คิดว่าหมดหวังแล้ว แต่พอวันที่ 7 อาจารย์แม่เปิดประตูออกไปเจอเธอที่ประตู อาจารย์แม่ตื่นเต้นและมีความสุขมาก อีกครั้งพ่อใหญ่สอไปที่บ้านเรือนขวัญ อาจารย์แม่ไม่เห็นข้าวเหนียวนึกว่าแก่ไม่พามาด้วยแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะมีงานยุ่ง ใกล้ค่ำถึงได้ถามว่าไม่ได้พาข้าวเหนียวมาด้วยใช่ไหม แกบอกพามาสิ ...แล้วอยู่ไหนล่ะ แกก็บอกว่าพอจอดรถก็ไม่เห็นแล้ว คงกระโดดลงแล้วไปอยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่อาจารย์แม่หายังไงก็ไม่เจอ ก็เลยบอกว่าแกต้องรับผิดชอบไปตามหาให้เจอ แกก็บอกจะไปตามที่ไหนล่ะ แล้วก็ทำท่าจะไม่ไปตาม อาจารย์แม่เคืองมาก ถามว่าเห็นเธอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แกก็บอกว่าตอนไปปะยางรถจักรยาน ข้าวเหนียวลงไปรออยู่ด้วย แต่ตอนออกจากร้านก็เห็นกระโดดขึ้นรถแล้ว อาจารย์แม่ก็ให้แกขับรถพาไปถามที่ร้าน เขาบอกว่าตอนเย็นๆ ยังเห็นวิ่งกลับไปกลับมาแถวหน้าร้าน แต่ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว พ่อใหญ่สอก็ไปคุยอยู่ที่ร้านนั่นแหละ อาจารย์แม่ก็เลยเข้าไปในซอยใกล้ๆ แล้วเรียกชื่อข้าวเหนียว สักครู่ข้าวเหนียวก็วิ่งมาพันแข้งพันขา อาจารย์แม่ดีใจสุดๆ อีกแล้ว และได้กำชับให้พ่อใหญ่สอดูแลข้าวเหนียวเท่าชีวิต ใช่แล้วค่ะ ข้าวเหนียว เป็นสุนัขพันธุ์ Thousand Ways แม่เขาเป็นสุนัขของคนหลังบ้านอาจารย์แม่ พอเราให้ข้าวให้น้ำเขาเลยมาอยู่ด้วยและเจ้าของก็อนุญาต ส่วนพ่อก็เป็นสุนัขของคนข้างบ้าน ในครอกเดียวกันเธอดูมีเชื้อมีแถวที่สุด แต่ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ของเธอตายไปหมดแล้ว เป็นเด็กกำพร้า น่าเวทนา  
  • ต่อไปอาจารย์แม่จะลองเก็บต้นอ่อนเอื้องหมายนามากินบ้าง เพราะช่อดอกแข็งกินยาก อาจารย์แม่เพิ่งอ่านเจอว่ากินได้ แต่ก็ต้องปล่อยให้ต้นโตและมีดอกไว้ชื่นชมด้วย 
  • บอกว่าอาจารย์แม่ทำงานหนักมาก แล้วลูกขจิตล่ะ หนักมากกว่าใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นก็ต้องพักผ่อนมากกว่า
  • เพลง-เกมภาษาอังกฤษทั้งหลาย อาจารย์แม่จะ Download ไปให้นักศึกษาฝึกประบการณ์ศึกษาและนำไปใช้ ขอบคุณมากนะคะที่แบ่งปันให้อาจารย์แม่มาโดยตลอด
  • ขอบคุณมากนะคะ "คุณโสภณ เปียสนิทIco48" ที่มาแวะเยี่ยมและให้กำลังใจ
  • ไม่ใช่บ้านใครที่ไหนหรอกนะคะ ก็บ้านคนแถวนี้เองแหละค่ะ บ้านที่ดิฉันเองชอบอยู่และก็อยู่อย่างมีความสุขมากกว่าบ้านในเมือง เพราะแวดล้อมด้วยธรรมชาติและมีบริเวณกว้างขวางมากกว่าบ้านในเมืองมาก (บ้านในเมืองแม้จะแวดล้อมด้วยต้นไม้ทั้งด้านหน้าด้านหลังและบนระเบียงชั้นสอง แต่ก็มีเนื้อที่เพียง 119 ตารางวา ทำให้รู้สึกว่าถูกจำกัดขอบเขต แต่อยูที่ฟาร์มในเนื้อที่ประมาณ 4,000 ตารางวาทำให้รู้สึกเป็นอิสระมากค่ะ) เป็นบ้านที่มีป้ายบอกว่า "บ้านนี้ดี อยู่เย็นเป็นสุข" ลูกชายซื้อป้ายนี้จากเชียงใหม่ไปฝาก เขาถามว่าอยากได้ของฝากอะไร ก็ขอของฝากเป็นป้ายข้อความนี้ และก็บอกลูกว่า ห้ามซื้อป้ายที่มีข้อความว่า "บ้านนี้ดี อยู่แล้วรวย" เพราะตนเองค่อนข้างจะต่อต้านคำอวยพรหรือการขอพรว่า "ขอให้รวย" เพราะดูว่าผู้ขอและผู้ให้มีค่านิยมด้านวัตถุมากไปค่ะ
  • คุณโสภณเคยบอกว่าหลังเกษียณก็จะใช้ชีวิตในแนวทางนี้ใช่ไหมคะ แต่ยังเวลาอีกนานมากตั้งสิบกว่าปีเชียวนะคะ
  • ดิฉันเองก็ "อยากมีอยากเป็นอย่างที่คุณโสภณมีและเป็น" แต่ดิฉันเองไม่มีและไม่เป็น นั่นก็คือ "มีความสามารถในการประพันธ์บทร้อยกรองได้ไพเราะ-มีความหมายกินใจ และเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน" ค่ะ

 

ขอบคุณ "หนูอาร์มIco64" ที่แวะเยี่ยมและให้กำลังใจค่ะ

  

 

 

  1. สวัสดีครับ
  2. แวะมาเยี่ยมเยียน "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้  ครับ
  3. เห็นต้นไม้แล้วชื่นใจ
  4. เห็นเขาโต  ออกดอก ออกผลแล้วมีความสุขนะครับ
  5. ขอบคุณมากครับที่แวะไปทักทาย และยินดีที่ได้ ลปรร.ผ่านบล็อกครับ
  • ขอบคุณ "คุณสิงห์ ป่าสักIco48" จากเมือง "กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ" มากค่ะที่แวะมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้"
  • ที่ฟาร์ม ปลูกต้นไม้-ดอกไม้ประจำจังหวัดทั่วประเทศด้วยนะคะ แต่เพิ่งปลูกได้ 43 จังหวัด ต้นไม้ประจำจังหวัดกำแพงเพชร (สีเสียดแก่น) ปลูกตั้งแต่ปี 2548 และดอกไม้ประจำจังหวัด (ดอกพิกุล : ร่วมกับจังหวัดลพบุรีและยะลา) ปลูกปี 2549 ต้นโตแล้วแต่ยังไม่ออกดอกค่ะ โอกาสต่อๆ ไป จะเขียนบันทึกว่าด้วย "ต้นไม้-ดอกไม้ประจำจังหวัด" ค่ะ
  • เกือบ 30 ปีมาแล้ว (ไม่ทราบว่าคุณสิงห์ ป่าสัก เกิดทันรึเปล่า) คือปี 2525 คณะครุศาสตร์ วิทยาลัยครูสุรินทร์ ได้แวะศึกษาดูงานที่วิทยาลัยครูกำแพงเพชร และกราบคารวะท่านอธิการซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองอธิการที่วิทยาลัยครูสุรินทร์มาก่อน (ท่านเคยเป็นอาจารย์ของดิฉันที่วิทยาลัยครูอุบลฯ ในช่วงปี 2510-2513 และเป็นอาจารย์สังกัดภาควิชาจิตวิทยาและการแนะแนว วิทยาลัยครูสุรินทร์ ที่ดิฉันเป็นหัวหน้าภาคในช่วงปี 2520-2523 ช่วงนั้นมีรองอธิการถึง 3 ท่านเป็นอาจารย์สังกัดภาคจิตวิทยาฯ โดยที่ 2 ท่านเคยเป็นอาจารย์ของดิฉัน และทั้ง 3 ท่านเป็นผู้อาวุโส ทุกท่านเรียกดิฉันซึ่งเป็นหัวหน้าภาคว่า "หนู" ค่ะ
  • ขอบคุณ "บ้านเรียนสมดุลชีวิต รังสิตคลอง 7 Ico48" มากค่ะที่มาแวะเยี่ยมและให้กำลังใจ
  • ดิฉันเองก็ได้ไปแวะเยี่ยมบ้านเรียนสมดุลชีวิต รังสิตคลอง 7 Ico48" มาแล้ว ด้วยความประทับใจ และได้ให้มุมมองบางประการเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อมและประสบการณ์เพื่อส่่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กค่ะ
  • จะกลับไปเยี่ยมบ้านเรียนอีกค่ะในโอกาสต่อๆ ไป
  • ขอบคุณ "อ. นุ Ico48" จากมศว. วิทยาเขตองครักษ์ จ.นครนายก มากนะคะที่ได้กรุณามาแวะเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ดิฉัน "เป็นครั้งที่ 2 ในบันทึกที่ 11"  หลังจากที่ท่านได้แวะเยี่ยมและให้กำลังใจดิฉัน "เป็นครั้งแรก ในบันทึกที่ 1"  ซึ่งดิฉันได้เขียนขึ้นในวันแรกที่สมัครเป็นสมาชิก Web.Blog "GotoKnow.org" คือ วันที่ 2 เมษายน 2554
  • การสมัครสมาชิกและการเขียนบันทึกดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของดิฉันที่ได้เรียนรู้เรื่อง "Blog" ด้วยประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งก็เป็นการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแบบลองผิดลองถูกด้วยตนเองตามลำพัง ซึ่งก็เป็นการพิสูจน์ว่า คำกล่าวของขงจื๊อ (Confucius) ดังข้อความข้างล่างเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำกล่าวที่ว่า "I do and I understand : เมื่อฉันได้ลงมือทำ ฉันก็มีความเข้าใจ"

                                   

  • หวังว่าจะได้รับความกรุณาเข้ามาแวะเยี่ยมในบันทึกต่อๆ ไปอีกนะคะ และจะเป็นเกียรติแก่ดิฉัน หากท่านจะกรุณาให้ความเห็นด้วย



 

  • เพิ่งมามหาวิทยาลัยเมื่อวาน
  • เห็นที่อาจารย์แม่บอกแล้วว่าได้รับหนังสือแล้ว
  • ดีใจจังเลย
  • เย้ๆๆ
  • เอาเด็กน้อยเก่งภาษามาฝาก
  • แค่ประถมเองนะเนี่ย
  • http://www.gotoknow.org/blog/yahoo/450239

ลืมบอกว่า ต้นอ่อนเอื้องกินอร่อยมาก ต้นมะเดื่อหน้าลานเอนกประสงค์ ลูกมันเอามาใส่ยำปลากระป๋องได้ครับ

  • "ลูกขจิตIco48" คะ อาจารย์แม่เพิ่งกลับจากไปเยี่ยมบันทึกมรภ.บุรีรัมย์' 3 ใน Khajit's Blog มาค่ะ เช้านี้อาจารย์แม่ตื่นตีสองมาตรวจงานครูที่เข้ารับการอบรมเมื่อวานเป็นรุ่นที่ 3 จาก 10 รุ่น เหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขเพราะครูชอบและเห็นประโยชน์ของกิจกรรมที่เราจัดให้ แต่เวลาจำกัดมาก เจอคนที่เคยเลยเป็นลูกศิษย์ด้วย เธอเข้ามากอดและน้ำตาซึมด้วยความดีใจที่เห็นอาจารย์แม่ (เคยเรียนด้วยตั้งแต่ปี 2530-2531)
  • ลูกขจิตพูดเรื่องมะเดื่อ อาจารย์แม่เพิ่งนึกได้ว่าลืมเก็บมะเดื่อ พ่อใหญ่สอไปเยี่ยมลูกหลานที่ลำพูน อาจารย์แม่เป็นห่วงฟาร์มเลยชวนข้าวเหนียวออกไปค้างที่ฟาร์มคืนวันที่ 23 ไปเก็บผักเสม็ด บุษบาริมทาง ตำลึงทอง พลูตอง ลำใย มะละกอ ตัดปีกล้วย ถ่ายรูปดอกแก้วมุกดาที่ออกดอกเป็นครั้งแรก และกล้วยไม้ป่าต้นที่ออกดอกใหม่ รวมทั้งพรวนดินใส่ปุ๋ยรักแรกพบที่ซื้อไปปลูกใหม่ ผลงานพ่อใหญ่สอปลูกให้ไม่ผ่านเกณฑ์เพราะปลูกหญ้าลงไปด้วยเยอะแยะ อาจารย์แม่ต้องขุดคุ้ยขึ้นมาใหม่เพื่อเอาหญ้าออก ต้นรักแรกพบลูกตั้มเป็นคนซื้อและนำไปให้อาจารย์แม่ที่รถไฟ บอกให้ซื้อสีแดงและเหลืองที่ยังไม่มี ลูกตั้มบอกว่าคนขายบอกเป็นสีแดงทั้งสองต้น ออกดอกให้เห็นแล้วต้นหนึ่งแต่เป็นสีชมพูเหมือนที่มีอยูแล้ว อีกต้นยังไม่ออกดอกถ้าเป็นสีแดงได้ก็ดี แต่ดูความเข้มของใบแล้วไม่น่าจะใช่
  • ลูกขจิตมีเมนูแปลกๆ นะคะ ไปได้มาจากไหนน้อ มะเดื่อใส่ยำปลากระป๋อง เดี๋ยวอาจารย์แม่จะลองดู ส่วนเอื้องหมายนายังไม่ได้ดูว่ามีหน่ออ่อนบ้างหรือเปล่า น่าจะรสชาติไปทางกระทือนะคะ เคยทานไหมคะ

  

  • ที่ไร่ผมมีต้นกระทือครับ
  • http://www.gotoknow.org/blog/yahoo/206927?page=2
  • รสชาดต้นอ่อนของเอื้องอร่อยกว่ากระทือครับ
  • มะเดื่อใส่ยำปลากระป๋องต้องลูกอ่อนๆนะครับ
  • ปกติอาจารย์แม่เอาลูกมะเดื่อไปทำอะไรครับ
  • ตามมาตอบอาจารย์แม่ครับ
  • ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มีคณะศึกษาศาสตร์
  • แต่ผมได้ทุนมาจากคณะศิลปศาสตร์และวิทยศาสตร์ เลยต้องกลับมาอยู่คณะต้นสังกัดที่ให้ทุนครับ
  • นิสิตที่เป็นครูก็มาเรียนกับผมครับ
  • ได้ฝึกกิจกรรมนอกห้องเรียนแบบนี้
  • http://www.gotoknow.org/blog/armyactivities/449059
  • http://www.gotoknow.org/profiles/users/glueykai
  • เพราะเขาต้องออกไปเป็นครู เลยให้ฝึกตั้งแต่เป็นนิสิต
  • ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นครับ
  • ในเครือข่ายครูภาษาอังกฤษสุพรรณบุรีมีหลายคนเลยครับ
  • อยู่ที่ภาษาอังกฤษสุพรรรบุรี
  • เอาเด็กน้อยสุพรรณบุรีมาฝากก่อน
  • เสียดายเสียงไม่ชัดค่อยครับ
  • http://www.gotoknow.org/blog/yahoo/450835
  • ขอบคุณ "ลูกขจิต Ico48" มากนะคะที่ให้ข้อมูลอาจารย์แม่ และยังแบ่งปันกิจกรรมพัฒนาภาษาอังกฤษอีก อาทิตย์หน้านักศึกษาฝึกประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษชั้นม.1-3 ที่อาจารย์แม่นิเทศจะกลับเข้ามาสัมมนาที่มหาวิทยาลัย อาจารย์แม่จะให้พวกเขา Download กิจกรรมไปศึกษาและนำไปใช้กับนักเรียนค่ะ
  • อาจารย์แม่เข้าไปดูดอกกระทือที่บันทึกลูกขจิตแล้ว ที่บ้านเรือนขวัญของอาจารย์แม่มีกระทืออยู่หลายกอเป็นสีน้ำตาล (เพิ่งรู้ว่ามีสีขาวด้วย) แต่อาจารย์แม่ไม่เคยทานดอกมันนะคะ ไม่รู้ว่าทานได้ ทานส่วนไหนของมันน้า อาจารย์แม่มีแต่เก็บดอกไปปักแจกัน ดอกโตประมาณ 2 เท่าของที่ลูกขจิตถ่ายมา แต่อาจารย์แม่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ตอนนี้ไปดูยังไม่ออกดอกจำได้ว่าออกหน้าฝน เราทานกลับกันนะคะ กระทืออาจารย์แม่ทานหน่ออ่อนลูกขจิตทานดอก เอื้องนาอาจารย์แม่ทานดอกลูกขจิตทานหน่ออ่อน ฟักข้าวลูกแรกสุกแล้ว อาจารย์แม่เก็บไว้หลายวันจนเหี่ยวแห้งเพิ่งผ่าดูเช้านี้ ยังไม่ได้ศึกษาว่าจะเอาไปทำอะไร ส่วนกระท้อนต้นหลังบ้านลูกโตมาก (ดังตัวอย่าง 1 ลูกในกระจาดผัก) อาจารย์แม่ยุ่งจนต้องปล่อยให้ร่วงทิ้ง มะเดื่อดังภาพซ้ายพ่อใหญ่สอเก็บมาให้บ่ายวานนี้ และอาจารย์แม่ได้เอาไปให้ร้านขายตำเมี่ยง (อีสาน) ส่วนใหญ่อาจารย์แม่ก็ทานกับเมี่ยงและจิ้มน้ำพริกค่ะ เย็นนี้จะลองใส่ยำปลากระป๋องอย่างที่ลูกขจิตแนะนำ ซื้อปลากระป๋องมาเตรียมไว้แล้วค่ะ
  • เมื่อวานครูที่เข้ารับการอบรมรุ่นที่ 5 คนหนึ่งเข้าไปคุยกับอาจารย์แม่ บอกว่าเป็นครูของปราณสลิลตอนเรียนป.5 ปราณสลิลเป็นเด็กดีเด็กเก่ง และถามว่า ตอนนี้ปราณสลิลอยู่ที่ไหนทำอะไร ลูกเอ๋เคยเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่วิทยาลัยครูอุบลฯ กับเพื่อนผู้ชาย 2 คน ตอนเรียนป.6 แล้วได้รับรางวัลชนะเลิศ และยังได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันตอบปัญหาในรายการอื่นๆ อีกหลายรายการ แต่อาจารย์แม่ไม่มีภาพเหล่านั้นเลย วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอบรมรุ่นที่ 5 อาจารย์แม่บอกว่าจะนำภาพปัจจุบันของลูกเอ๋ไปให้คุณครูดู ดังภาพที่เธอไปร่วมสร้างบ้านและทำฝายกั้นน้ำที่นครศรีธรรมราชในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่ผ่านมาค่ะ   

      

สงสัยน้องเอ๋ ต้องเป็นรุ่นน้องผมแน่ๆ เพราะผมอายุมากแล้ว เห้นไหมว่าชื่อคล้ายกันเลยน้องเอ๋กับพี่แอ๊ด 555 ที่บ้านผม อ๊อด แอ๊ด อี๊ด โอ้ ครับ...

สวัสดีครับ อาจารย์

มาแจ้งข่าว และชวนอาจารย์ไป งานเกษตรที่ม.สุรนารี วันที่ 2 ส.ค.54 นี้ครับ

พบกันได้ที่งาน Go green Go organic

รวมพลคนหัวใจอินทรีย์ >>> รักษ์เรา...รักษ์โลก

http://technopolis.sut.ac.th/2​009/index.php?option=com_conte​nt&view=article&id=988&limitst​art=1

  • ขอบคุณ "คุณต้นกล้าIco48" จริงๆ ค่ะ ที่กรุณาแจ้งข่าวงาน "Go green Go organic : รวมพลคนหัวใจอินทรีย์ >>> รักษ์เรา...รักษ์โลก" ไม่เช่นนั้นก็จะตกข่าวงานที่น่าสนใจเช่นนี้แน่ๆ เพราะมัวแต่ยุ่งงานอบรมครูค่ะ  
  • พอทราบว่าคุณต้นกล้าชวนไปร่วมงานในวันที่ 2 ส.ค. รู้ทันทีว่าไปไม่ได้ค่ะ เพราะวันที่ 2, 3, 4 ส.ค. จะเดินทางไปไหนไม่ได้เลย เนื่องด้วยต้องรับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมวิทยากรอบรมครูแนะแนวจากอุบลราชธานีรุ่นที่ 6, 7, และ 8 ตามลำดับ ในหัวเรื่อง "การจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551" ค่ะ 
  • ได้เข้าไปดูรายละเอียดของงานแล้วค่ะ  และได้ข้อมูลว่า งานนี้จัดที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.- 6 ส.ค. 54 "ต้นมะม่วงงามเมืองย่า" ของ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้"(ภาพซ้าย) ที่มีผลผลิตน้ำหนักลูก ๆ ละ 7 ขีดถึงกิโลครึ่ง (อย่างที่เห็นในภาพขวา) ก็ซื้อมาจากสวนเมืองย่า ของคุณกิจติกร กีรติเลขา ซึ่งจะเป็นวิทยากรในบ่ายวันที่ 1 ส.ค. 54 แต่ก็ไปร่วมไม่ได้ค่ะ   

         

  • กิจกรรมวันที่ 2 ที่คุณต้นกล้าชวนไปร่วม ซึ่งจะมีการสนทนาเรื่องการทำนาดำ เสียดายจริงๆ ค่ะที่ไปร่วมไม่ได้ มีการเผยแพร่ทางสื่อสารมวลชนไหมคะ จะได้ติดตามศึกษาค่ะ
  • จะไปร่วมงานได้ในวันที่ 5-6 ค่ะ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการจัดงานค่ะ โทรฯ ชวนพ่อใหญ่สอแต่ติดต่อยังไม่ได้ค่ะ ที่ฟาร์มจะมีปัญหาไม่ค่อยมีคลื่น เช่นนี้เสมอแหละค่ะ พ่อใหญ่สอเคยบอกว่าขับรถไกลๆ ไม่ไหว อุบลฯ-โคราช 333 กม. (ตรวจสอบระยะทางระหว่างจังหวัดจาก http://www.moohin.com) ขับเองได้ค่ะ  
  • ขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับการแจ้งข่าวงาน โอกาสหน้าคงได้พบกันนะคะ     
  • จากข้อความ สงสัยน้องเอ๋ต้องเป็นรุ่นน้องผมแน่ๆ เพราะผมอายุมากแล้ว เห็นไหมว่าชื่อคล้ายกันเลย "น้องเอ๋กับพี่แอ๊ด 555 " ...แสดงว่า "ลูกขจิตIco48" เห็นลูกสาวของอาจารย์แม่เป็นน้องใช่ไหมคะ ถ้าใช่อาจารย์แม่ก็จะเบาใจและดีใจมาก เพราะเธอจะมีพี่ชายที่เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาการใช้ภาษาอังกฤษกับเธอแทนอาจารย์แม่ได้ 
  • ตอนลูกเอ๋เรียนป.6 ลูกตั้มเรียนป.5 อาจารย์แม่และลูกอยู่ที่บ้านเรือนขวัญแล้ว อาจารย์แม่อุตส่าห์ซื้อ "Whiteboard" เพื่อจะสอนภาษาอังกฤษให้ลูกทั้งสอง (จริงๆ แล้วลูกทั้งสองได้ผลการเรียน 4 ทุกวิชา ตลอดหลักสูตร ป. 1-6 และ ม. 1-6 โรงเรียนประจำจังหวัดก็เกือบทุกวิชา [สำหรับลูกเอ๋ ซึ่งมีผลการเรียนเป็นอันดับ 2 ของโรงเรียน ส่วนลูกตั้มเรียนในระบบแค่ม.1-ม.5 แล้วสอบเทียบกศน.แล้ว Ent' เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ลาดกระบัง]) แต่อาจารย์แม่สอนได้แค่ครั้งเดียว (ตั้งโต็ะเล็กที่ลูกเคยใช้ตอนเรียนอนุบาล ระหว่างโรงรถกับรั้ว) เพราะลูกทั้งสองไม่สนใจเรียนเลย บอกว่าทุกอย่างที่แม่สอน เขาและเธอรู้หมดแล้ว อาจารย์แม่ก็อารมณ์เสียและไม่คิดจะสอนอีกเลย 

  

  •   ตอนเรียนม.6 โปรแกรมวิทย์-คณิต ลูกเอ๋แจ้งว่า คุณครูจะให้เธอเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันภาษาอังกฤษ อาจารย์แม่รู้สึกตกใจมาก ถามว่าทำไมคุณครูถึงเลือกลูก ทำไมไม่เลือกนักเรียนโปรแกรมศิลป์ภาษา เธอบอกว่า คุณครูเห็นว่าเธอมีทักษะภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนโปรแกรมดังกล่าว อาจารย์แม่ชี้แจงให้เธอเข้าใจว่า การแข่งขันจะต้องใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนรู้ ฝึกฝนและสั่งสมมานาน ไม่ใช่จะตัดสินความสามารถจากการทำข้อสอบเท่านั้น และบอกให้ลูกรีบไปปฏิเสธคุณครู เพราะแม่จะไม่ยอมให้ลูกเป็นตัวแทนแน่นอน เนื่องจากคาดว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ และจะทำให้โรงเรียนเสียหน้า (เป็นโรงเรียนอันดับ 1 ของจังหวัด) ลูกเองก็จะเสียความมั่นใจและความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง สุดท้ายเธอก็ไปปฏิเสธครูตามที่แม่แนะนำ
  • ตอนที่เลิกเรียนแพทย์ (ขณะเรียนปีที่ 5 และได้วุฒิ วทบ.วิทยาศาสตรการแพทย์แทนแเพทยศาสตร์) แล้วออกมาเรียนหลักสูตรนานาชาติ "Spa and Beauty Therapy" 1 ปี สถาบันก็เห็นว่าเธอมีผลสัมฤทธิ์ในการเรียนสูงและใช้ภาษาอังกฤษได้ดี จะส่งเธอไปทำงานที่อังกฤษ แต่เธอกลับไม่กล้าไป
  • ปัจจุบัน เธอมีบริษัทที่ทำร่วมกับเพื่อน โดยเธอรับผิดชอบงานด้าน "Modelling" ให้บริการนางแบบโฆษณาสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหลายๆ ครั้งจะต้องสื่อสารกับลูกค้าด้วยภาษาอังกฤษทั้งการเขียนและการพูด และเธอก็จะโทรศัพท์หรือส่ง e-mail ถามอาจารย์แม่บ่อยๆ เวลาติดขัดหรือไม่มั่นใจว่าใช้ภาษาได้ถูกต้อง อาจารย์แม่น่ะไม่ถนัด "Business English" พอได้ก็เฉพาะ "Academic English" ก็เลยไม่แน่ใจว่าที่ให้คำปรึกษาลูกไปน่ะ ใช้ได้หรือเปล่า
  •  แล้ว "พี่แอ๊ด" จะกรุณาให้คำปรึกษา เวลา "น้องเอ๋" มีปัญหาภาษาอังกฤษได้ไหมคะ
  • ถามมาด้วยความเกรงใจมากๆ นะคะ ลูกขจิตสามารถปฏิเสธได้โดยที่อาจารย์แม่จะไม่เสียความรู้สึกเลย เพราะแค่ที่ผ่านมา ลูกขจิตก็ได้ให้อะไรๆ แก่อาจารย์แม่มากเกินอยู่แล้ว และอาจารย์แม่ก็รู้ดีว่าลูกขจิตมีภาระล้นมืออยู่แล้ว  

         ขอบคุณ "คุณ น้าโอ๋ ดังใจIco48   " คุณปณิธิ ภูศรีเทศ Ico48" และ "คุณชำนาญ เขื่อนแก้ว   Ico24"  มากค่ะ    ที่มาแวะเยี่ยมฟาร์มและให้กำลังใจ 

มาสารภาพกับอาจารย์แม่ว่า ได้แต่ "Academic English"เหมือนกัน กลัวทำ"Business English" ผิดครับ

• วันนี้อาจารย์แม่มาอยูที่ฟาร์มค่ะ เลยมีปัญหาการใช้ Internet เข้ามาตอบลูกขจิตแล้วครั้งหนึ่งประมาณห้าโมงเย็น แต่ตอนบันทึก เน็ตหลุดค่ะ หลังจากนั้นก็พยายามหลายช่วงเวลาแต่ก็ไม่สำเร็จค่ะ

• อาจารย์แม่รับรู้คำสารภาพเรื่อง "Business English" ของลูกขจิตแล้ว...เข้าใจและยอมรับค่ะ แต่ยังไงอาจารย์แม่ก็เชื่อมั่นว่าลูกขจิตต้องรู้ดีกว่าอาจารย์แม่หลายสิบขุมแน่นอน ซึ่งเป็นผลจากทั้งการศึกษาในสถานศึกษา ประสบการณ์ในการสอน การจัดค่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เป็นเวลานานพอสมควร

• อาจารย์แม่เข้าฟาร์มเพื่อปลูกต้นไม้ที่ซื้อจากม.เทคโนโลยีสุรนารีเสาร์ที่แล้วค่ะ จะปลูกพรุ่งนี้เช้าแล้วบ่ายก็จะเข้าไปเคลียร์บ้านในเมืองค่ะ เพราะวันนี้ไม่มีผู้ช่วย พ่อใหญ่สอไปปลูกต้นไม้ที่วัดกับลูกน้อง อาจารย์แม่ยังไม่หายป่วยเลยไปไม่ได้ ได้แค่เตรียมอาหารให้พ่อใหญ่ไปจังหัน และอยู่ทำงานบ้าน

• อาจารย์แม่เปลี่ยนรูปเพราะใกล้วันแม่แต่ไม่มีแม่อยู่ด้วย...คิดถึงลูกๆ เลยเอารูปที่พวกเขากลับไปเยี่ยมแม่ที่อุบลฯ (ช่วงเดียวกับที่ลูกขจิตเขียนบันทึกที่ฝากให้อาจารย์แม่เที่ยวนี้) มาเป็นรูปประจำตัว หนูดีที่อาจารย์แม่และลูกเอ๋ผลัดกันอุ้มเป็นลูกของน้องตั้มค่ะ

• ปลา Suckers อาจารย์แม่เคยเลี้ยงไว้ 2 ตัวเพื่อให้ช่วยดูดตะไคร่น้ำที่เกาะตู้ปลา แต่ไม่ใช่สองตัวที่ลูกขจิตพบในบ่อ เพราะเขาตายเอง อาจารย์แม่ไม่ได้นำไปปล่อยในแหล่งน้ำ

• วันแม่ได้กลับไปเยี่ยมคุณแม่ที่ไร่พนมทวนหรือเปล่าคะ

• ขอบคุณนะคะที่มาให้อาจารย์แม่เห็นหน้าพอได้ชื่นใจในวันแม่

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

พร้อมกับมาชมภาพประกอบนะคะ

เป็นบันทึกที่น่าสนใจมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ

ขอบคุณค่ะ^^

  • ขอบคุณ "หนูต้นเฟิร์นIco48 " (ชื่อน่ารัก) มากนะคะที่เข้าไปอ่านบันทึกเรื่อง "ลูกของแม่" และ "แม่ของลูก" ในแบบที่ฉันเป็น (http://www.gotoknow.org/blog/ideal-idea/453994) แล้วยังตามมาอ่านเรื่องเกี่ยวกับฟาร์มอีก
  • หนูเป็นนักอ่านเหมือนกันนะคะ เพราะบันทึกป้าเขียนยาวๆ ทั้งนั้น ปกติคนวัยหนูจะไม่ชอบอ่าน แต่นี่หนูยังติดตามอ่าน อ่านเองหรือว่าคุณครูกำหนดให้อ่านคะ เป็นลูกศิษย์คุณครูกิติยาหรือเปล่าเอ่ย

 

Large_img0660a

สวัสดีค่ะ

คิดถึงนะคะ

สวัสดีค่ะ

Ico64

แวะมา 'เยือนฟาร์ม...ยามวสันตฤดู' เป็นบันทึกที่สวยงามมากค่ะ มีครบถ้วนประเพณี ธรรมชาติสวยงาม  สูดไอดิน...กลิ่นหญ้า...กลิ่นฟาง...ได้บรรยายกาศมากนะ มีความสุขนะคะท่านผศ.ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ

ชอบบรรยากาศฟาร์ม มีความสุขกับธรรมชาติ จริงๆ

  • ขอบคุณ "หนูปิยดาIco48แพรดำ" คุณครูบรรณารักษ์ จากโรงเรียนวัดกิ่งแก้ว (เทวะพัฒนาการ) บางพลี สมุทรปราการ มากนะคะ ที่แวะมาอ่านบันทึก
  • เห็นนามสกุลของหนูแล้ว โทรฯ ถาม ผศ.สรศักดิ์ แพรดำ" ว่า รู้จักกันไหม (ท่านจะจำชื่อต่างๆ ไม่ค่อยจะได้) ถ้าหนูรู้จักท่านก็ช่วยบอกด้วยนะคะ ว่าหนูเป็นลูกหลานใคร จะได้แจ้งให้ท่านทราบ
  • ผักของ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" ส่วนใหญ่จะเป็นผักจากป่าจากทุ่งจากนา ของทางอีสาน ไม่รู้ว่าหนูรู้จักผักเหล่านั้น และเคยรับประทานบ้างไหมคะ
  • ได้เข้าไปอ่านบันทึกล่าสุดที่แนะนำหนังสือของหนู สนใจและจะไปหาซื้อมาอ่านค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจในการเขียนบันทึกนะคะ
  • ดีใจมากค่ะ ที่เห็นหน้า "น้องอินIco48" น้องสาวที่รักของพี่ 
  • และขอโทษด้วยนะคะ ที่ตอบช้า ไม่รู้พลาดไปได้ยังไง ปกติพี่จะติดตามดูและตอบความเห็นของสมาชิกแบบวันต่อวันค่ะ
  • ภาพทุ่งนาน่ะถ่ายจากไหนเหรอคะ เป็นภาพปัจจุบันหรือเปล่า ขอบคุณนะคะที่นำมาฝาก เห็นทุ่งนาแล้วคิดถึงชีวิตในวัยเด็ก ซึ่งเป็นช่วงชีวิตที่มีอิสระและมีความสุขมากค่ะ
  • หวังว่าน้องอินคงทำงานด้วยความสุขนะคะ (ภาพประจำตัวใหม่ ถ่ายเมื่อไหร่เอ่ย)
  • ชอบภาพประจำตัวใหม่ของ "ดร.นัยนาIco48" ค่ะ ดูอบอุ่นและมีความสุขมากกว่าภาพก่อนนะคะ
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาอ่านบันทึกนี้ เป็นบันทึกรวมเรื่องสัพเพเหระ (Variety) ทั้งเรื่องในฟาร์ม และนอกฟาร์มที่เกี่ยวเนื่องกับคนในฟาร์มค่ะ
  • และต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เข้ามาตอบช้า ไม่ทราบพลาดไปได้ยังไงค่ะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์

มาชมฟาร์มยามหน้าฝน สดชื่น ธรรมชาติอุดมฯ มากๆค่ะ

ข้าวเหนียว หน้าตาดีนะคะเนี่ย สุขสันต์กับบ้านสวนค่ะ

 

  • ขอบคุณ "KrukorkaiIco64" ครูชำนาญการพิเศษ จากจังหวัดใหม่ (บึงกาฬ) มากนะคะ ที่แวะไปเยี่ยมชมฟาร์ม
  • ถ้าชอบบรรยากาศฟาร์ม มีโอกาสไปอุบลฯ เมื่อไหร่ก็บอกล่วงหน้านะคะ จะพาไปสัมผัสบรรยากาศสดๆ ของฟาร์มค่ะ   

 

 

  • สวัสดีค่ะ "คุณ PooIco64" ดีใจมากนะคะ ที่คุณ Poo แวะมาเยี่ยมและชอบฟาร์มยามหน้าฝน
  • ข้าวเหนียวคงปลื้ม ถ้ารู้ว่าคุณ Poo ชมว่าเธอหน้าตาดี
  • ขอบคุณนะคะที่ติดตามมาให้กำลังใจกัน 

 

คุณพี่เล่นเขียนเป็นตำราเรียนเลยครับ  อ่านเสียเหนื่อย

เสียดายรูปเล็กไปหน่อย  เลยชมความงามไม่จุใจ

สาธุอนุโมทนากับการสร้างวัดของคุณพ่อใหญ่สอของคุณพี่ ที่สร้างวัดได้สำเร็จ

ทั้งอนุโมทนาในการทำบุญทำกุศลของคุณพี่

ไม่ได้คุยกับคุณพี่เสียนาน ผมกับภรรยาถือศิลแปดตลอดพรรษานี้ครับ

อยากจะเห็นรูปดอกแก้วมงกร ชัดๆ  คุณพี่ช่วยจัดให้ชมหน่อยได้มั้ย

เขามีเอาไว้ทำเพื่อประโยชน์อันใด 

ฝากดอกมะเขื่อเทศที่ภรรยาปลูกมาให้ชมครับ

สวัสดีค่ะ

ชมสวนเต็มอิ่มตา อิ่มใจไปด้วย ดีจังค่ะ อาจารย์เล่า-เขียนเก่งมากๆนึกภาพ อมยิ้มไปด้วยกับ ผู้ใหญ่สอ ตอบไม่รู้....ไม่ว่าง.....ขอบคุณมากนะคะ  ตอบไว้ที่บันทึกไม่ได้มาเยี่ยมเลย  ดอกชบาที่ทราบมา ทานได้คือ สีขาวกับสีแดงนะคะ

 

 

 

  • ดีใจจังค่ะ ที่ "คุณน้องคนบ้านไกลIco48" คุยด้วยยาวๆ
  • อิอิ...ขำคำบ่นของคุณน้อง "คุณพี่เล่นเขียนเป็นตำราเรียนเลยครับ  อ่านเสียเหนื่อย" ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เขียนยาวมากกว่าทุกบันทึก (จริงก็เป็น Style ของตัวเองแล้วมังคะที่เป็นคนเขียนบันทึกแบบ Long Story เพราะดูจากบันทึกของท่านอื่นๆ ส่วนใหญ่จะไม่ยาวอย่างที่ตนเองเขียน) ที่ต้องยาวมากเพราะคิดว่าจะไม่ได้เขียนเป็นเดือน มีอะไรอยากพูดอยากคุยหลายเรื่องก็เลยลงที่บันทึกนี้หมดค่ะ
  • "เสียดายรูปเล็กไปหน่อย  เลยชมความงามไม่จุใจ" ...ก็ด้วยเหตุผลที่ต้องอัดภาพหลายเรื่องอีกนั่นแหละค่ะ ที่ทำให้ภาพเล็ก
  • "สาธุอนุโมทนากับการสร้างวัดของคุณพ่อใหญ่สอของคุณพี่ ที่สร้างวัดได้สำเร็จ ทั้งอนุโมทนาในการทำบุญทำกุศลของคุณพี่ "...ขอบคุณมากค่ะ
  • "ผมกับภรรยาถือศีลแปดตลอด"...อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ พี่เองถือได้แค่ "ศีล 5" ค่ะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ขับรถรับพี่สาวคนติดกันและอยู่ที่อุบลฯ ด้วยกัน เดินทาง 100 กม.ไปรับน้องชายคนเล็กและพี่สาวคนโตซึ่งอยู่ที่ยโสธร จังหวัดบ้านเกิดไปเพล ทำบุญ วางพวงมาลัยที่บรรจุอัฐิพ่อ-แม่ พี่เขยคนโต และไปตระเวนทำบุญที่วัดในหมู่บ้านต่างๆ 2 วัด สำนักสงฆ์อีก 1 แห่งค่ะ
  • "อยากจะเห็นรูปดอกแก้วมังกร ชัดๆ  คุณพี่ช่วยจัดให้ชมหน่อยได้มั้ย เขามีเอาไว้ทำเพื่อประโยชน์อันใด" ...ดอกแก้วมังกรไม่มีการนำไปทำประโยชน์อะไรค่ะ เพราะเขาจะเหี่ยวเร็วมาก พอแสงตะวันเริ่มสาดส่องเขาก็จะหุบแล้วค่ะ เขาจึงมีหน้าที่แค่ทำให้เกิดผลเท่านั้นค่ะ ไว้บันทึกต่อไปจะว่าด้วยแก้วมังกรแล้วกันนะคะ
  • ฝากบอกภรรยาคุณน้องด้วยนะคะ ว่าพี่ชื่นชมผลงานลูกมะเขือเทศของเธอ (ใช้ปุ๋ยอะไรบำรุงหรือเปล่าคะ เสียดายว่าอยู่ไกลกัน ไม่งั้นจะฝากปุ๋ยอินทรีย์ที่ฟาร์มผลิตเองไปให้ใช้ค่ะ)
  • และ "ชื่นชมศิลปะการถ่ายภาพให้เห็นหยดน้ำใต้ลูกมะเขือเทศ เพิ่มสุนทรีขึ้นเยอเลยค่ะ" (เป็นหยดน้ำจากน้ำฝน หรือน้ำค้างหรือน้ำที่ใช้รดคะ)
  • พี่เองก็มี "Request" เหมือนกันนะคะ คือ อยากอ่านบันทึกเกี่ยวกับ "สำนวนภาษาที่ใช้ในการพูดคุยสนทนากันในชีวิตประจำวันที่อเมริกา" ค่ะ "คุณน้องช่วยเขียนบันทึกให้อ่านหน่อยได้ไหมคะ คิดว่าจะมีสมาชิกหลายท่านสนใจอยากเรียนรู้ค่ะ" ขอบคุณล่วงหน้านะคะ (เห็นคุณน้องเคยบอกว่า ภรรยาให้เขียนเฉพาะเรื่องธรรมะ แต่คุณน้องชอบดอกไม้ [ภรรยาบ่นว่า ผู้ชายอะไรชอบดอกไม้] ก็เลยเขียนเกี่ยวกับดอกไม้ด้วย ถ้าจะขออนุญาตเธอให้คุณน้องแบ่งปันประสบการณ์ด้านภาษาสำหรับคนที่ไม่มีโอกาสไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ก็จะเป็นวิทยาทานอันยิ่งใหญ่นะคะ  

 

  • ขอบคุณ "คุณกานดาIco48" มากนะคะ ที่แวะเยี่ยมและมี "ปิยวาจา" ว่า "ชมสวนเต็มอิ่มตา อิ่มใจไปด้วย ดีจังค่ะ อาจารย์เล่า-เขียนเก่งมากๆ นึกภาพ อมยิ้มไปด้วยกับผู้ใหญ่สอ ตอบไม่รู้....ไม่ว่าง" พ่อใหญ่นะคะ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ เดี๋ยวจะไปซ้ำกับคำที่ใช้เรียกผู้ใหญ่บ้านค่ะ
  • ที่ขอบคุณมากๆ คือ ที่คุณกานดามีอารมณ์ร่วมกับคำพูด "ไม่รู้" และ "ไม่ว่าง" ของพ่อใหญ่สอ เพราะพี่เองปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณกานดาทุกอย่าง เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ เพราะทั้งที่บ้านในเมืองและบ้านฟาร์มมีวัตถุดิบแทบทุกอย่างตามที่คุณน้องกานดาแนะนำ แต่พ่อใหญ่สอกลับไม่เคยนำไปใช้ประโยชน์ อ้าง "ไม่ว่าง" อย่างเดียว "หลักปฏิบัติ 5 อ. เพื่อการมีสุขภาพที่ดี" แกปฏิบัติอยู่อย่างเดียวคือ "ออกกำลังกาย" ส่วน "อากาศดี" ก็เป็นผลพลอยได้จากสภาพแวดล้อมในฟาร์มอยู่แล้ว "อาหาร" นี่ไม่ได้เลย (ยกเว้นตอนที่พี่ไปจัดการให้ เพราะคำว่า "ไม่ว่าง" ของแก) สำหรับ "อารมณ์" ก็เป็นปัญหาหนึ่งของแก เพราะเป็นคนที่มีอุปนิสัย "จริงจัง เครียด กฎเกณฑ์เยอะ ไม่มีการยืดหยุ่น และยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง" และ "อุจจาระ" แกก็มีปัญหาท้องผูก เพราะไม่รับประทานผัก "ไม่มีเวลาเก็บผักที่อยู่รอบบ้านไปรับประทาน" พี่อ่านเจอว่า "ตำลึงทอง" ป้องกันเหน็บชา (แกมีปัญหามือเท้าชา) ตำลึงทองเป็นผักที่เกิดเองและเกิดใกล้เล้าไก่ ที่แกต้องผ่านไปให้อาหารไก่งวงทุกเช้าเย็น แต่แกก็บอกไม่มีเวลาเก็บ (เก็บ 1-2 นาทีก็พอกินแล้ว) วันอาทิตย์ที่แล้วพี่เก็บไปนึ่งให้แกจิ้มน้ำพริก และบอกแกที่โต๊ะอาหารว่า เก็บมานึ่งให้แกกินโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดปัญหาอาการชา ทานข้าวไปพักใหญ่ไม่เห็นแกทานตำลึงทองนึ่งก็เลยถามทวง แกบอกว่าไม่รู้ว่ามีผักตำลึงทองนึ่ง (ปัญหาอีกอย่างของแก คือ ไม่สนใจฟัง เป็นประจำเลยที่แกจะไม่รับรู้ว่าเราพูดอะไรกับแก หรือถ้ารับรู้ แต่แป๊บเดียวก็ลืมแล้ว)     

สวัสดีค่ะ

สุขใจทุกครั้งที่ได้มาบ้านคุณพี่ค่ะ เพราะธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต(จิตใจ)ของเรา

ทุ่งนาผืนนี้เป็นของที่บ้านค่ะ ถ่ายเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ เป็นฤดูทำนาปรัง..เห็นต้นข้าวเขียวสดงดงาม กำลังออกรวงบ้างก็ยืนเด่นเป็นสง่า..บ้างก็ล้มเลื้อยแต่ไม่ได้ตายลงไป ยังคงออกรวงได้อยู่ และให้ผลผลิตแก่เราได้เช่นเดียวกัน..

เปรียบดั่งชีวิตเรา..ยามใดที่แข็งแรง...ยามใดที่เหนื่อยล้า..ก็เช่นเดียวกัน..

อีกอย่าง..คิดถึงคุณพี่ค่ะ..ก็ห่วงนะคะเห็นบอกไม่ค่อยได้ทานอะไร..งาน..และงาน..

เอา..พลังมาเพิ่มให้ค่ะ..

 

ส่วนรูปประจำตัวถ่ายไว้หลายปีแล้วค่ะ

เมื่อครั้งอบรมที่ศูนย์ Eric.ที่โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณีค่ะ

 

 

 

  • ขอบคุณ "น้องอินIco48" นะคะ ที่เข้ามาตอบคำถาม ดีใจที่ภาพนาข้าวเป็นของครอบครัวน้องอินและเก็บเกี่ยวไปแล้ว
  • เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ "...เห็นต้นข้าวเขียวสดงดงาม กำลังออกรวงบ้างก็ยืนเด่นเป็นสง่า..บ้างก็ล้มเลื้อยแต่ไม่ได้ตายลงไป ยังคงออกรวงได้อยู่ และให้ผลผลิตแก่เราได้เช่นเดียวกัน...เปรียบดั่งชีวิตเรา..ยามใดที่แข็งแรง...ยามใดที่เหนื่อยล้า..ก็เช่นเดียวกัน.."
  • ขอบคุณในน้ำใจของน้องอินมากๆ นะคะ ที่เป็นห่วงพี่คนนี้และคอยมาเติมพลังใจให้ค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้น้องเช่นกันนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท