ต้านลมหนาวสานปัญญา (3) : หมู่บ้าน เด็กน้อย โรงเรียน นักเรียน ธงไตรรงค์และเพลงชาติไทย


ตราบใดที่ยังมีโรงเรียน มีชาติไทย ตราบนั้นเราก็ยังจะได้ร้องเพลงชาติและฟังเพลงชาติของเราอย่างไม่รู้จบ

รถตู้ของมหาวิทยาลัยเคลื่อนตัวช้า ๆ เข้าสู่อาณาบริเวณโรงเรียนบ้านห้วยข่าเฒ่า  เด็กนักเรียนที่กำลังเดินละวิ่งเล่นในเส้นทางที่รถตู้เคลื่อนผ่านต่างหยุดนิ่งและคำความเคารพด้วยการโค้งคำนับ หรือไม่ก็พนมมือไหว้อย่างพร้อมเพรียง  โดยไม่สะทกสะท้านต่อฝุ่นที่คลุ้งตลบเป็นทางยาวราวกับทะเลฝุ่น

   

เราออกเดินทางจากมหาสารคามตอนตี 4 ของวันที่  28  มกราคม  2550  มาถึงค่ายก็ตอนเกือบ  9  นาฬิกา 

 

 

    

 

ก่อนการปิดค่ายกิจกรรมต้านลมหนาวสานปัญญา  ผมได้รับเชิญจากผู้นำนิสิตให้กล่าวอะไรสักเล็กน้อยกับนิสิต นักเรียนและชาวบ้าน   ผมถามกลับแบบขำ ๆ ว่า ที่ว่าอะไรสักเล็กน้อยนั้นคืออะไร ?”   นิสิตท่านนั้นก็บอกว่อะไรก็ได้ แต่ท่าจะให้ดีอยากให้กล่าวในทำนองซึ้ง ๆ , ประมาณนั้น

 

 

ผมไม่ใช่คนที่จะพูดซึ้งและตลกโปกฮาเก่งนัก  จึงวิตกไม่น้อยกับการถูกรับเชิญเช่นนี้  ยิ่งต้องยืนถือไมค์อยู่กลางสนามโล่งเป็นเป้าปะทะลมหนาวที่ชัดเจนเช่นนี้ก็ยิ่งสั่นไหวอยู่เป็นระยะ ๆ    

  

ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี (อะไรสักอย่าง)  เบื้องต้นจึงได้แต่กล่าวขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่ช่วยให้มีกิจกรรมนี้ขึ้น  (แต่ไม่ได้ขอบคุณลมหนาวที่ช่วยให้เราได้มาพบกัน)  แต่บัดดลผมก็นึกขึ้นได้ว่านิสิตเพิ่งนำ ธงชาติ  ผืนใหม่มาเปลี่ยนให้กับทางโรงเรียน หลังจากที่ผืนเก่าขาดร่องแร่งโบกปลิวต้านแดดต้านฝนมาอย่างยาวนาน  ซึ่งผมจึงเห็นช่องที่จะพูดขึ้นว่า  

 

ขอบคุณหมู่บ้านที่ยังมีเด็กน้อยวิ่งเล่น   เพราะเด็กคือลมหายใจของหมู่บ้าน

  

ขอบคุณชาวบ้านที่รวมตัวอย่างเข้มแข็งเพื่อให้โรงเรียนหยัดอยู่จนไม่ถูกยุบ

 

ขอบคุณโรงเรียนที่ยังมีธงชาติโบกพลิ้วอยู่อย่างสง่างาม

 

เมื่อยังมีหมู่บ้าน  และหมู่บ้านก็ยังมีเด็กน้อยวิ่งเล่นอยู่อย่างไม่รู้จบ   ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่มีโรงเรียนอยู่ที่นี่

 

ตราบใดที่ยังมีโรงเรียน มีชาติไทย  ตราบนั้นเราก็ยังจะได้ร้องเพลงชาติและฟังเพลงชาติของเราอย่างเปี่ยมสุข

 

และไม่มีเหตุผลอื่นใดที่เราจะไม่ร้องเพลงชาติไทย  เพราะเราต่างเป็นคนไทย,  และเป็นคนไทยที่รักแผ่นดินไทย  และพร้อมที่จะร้องเพลงชาติไทยให้คนทั้งโลกได้รับฟังอย่างไม่เขินอาย

 

ท้ายที่สุด  ผมขอขอบคุณครูที่ยังหยัดอยู่เป็นที่พึ่งพิงของเด็กและชาวบ้าน

 

และโดยเฉพาะคุณครูผู้ซึ่งไม่คิดที่จะย้ายออกไปจากที่นี่...ขอบคุณครับ

  

ผมพูดหรือกล่าวเช่นนี้ หรือไม่ก็ในทำนองนี้  ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ผมเห็นนิสิตและชาวบ้านหลายคนเริ่มน้ำตาเอ่อไหล และมีเสียงสะอื้นไห้เล็ก ๆ  พร้อมกับชาวบ้านท่านหนึ่งก็รำพึงแทรกคำพูดผมขึ้นมาว่า  ฟังแล้ว ตื้นตัน อดร้องไห้ไม่ได้ 

 

ทันทีที่รถตู้ของเราวิ่งพ้นอาณาบริเวณโรงเรียน  ผมหันไปถามเจ้านุ้ยตากล้องที่ตามมาด้วยว่า  ตอนที่ผมพูดอยู่นั้น เห็นคนร้องไห้หรือเปล่า  น้องสาวก้านยาวของผมก็ตอบกลับมาว่า  เห็นสิพี่,  เห็นคนร้องไห้ตั้งหลายคน !” 

 

ผมแอบนึกอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ ว่า  พวกเขาเหล่านั้นร้องไห้เพราะซึ้งซาบในคำพูด (อะไรสักอย่าง) ของผม  หรือเพราะฝุ่นผงและลมหนาวต้องปะทะดวงตาปวดแสบ  ปวดร้อน จนต้องน้ำตาไหล 

   

จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่   เหนือสิ่งอื่นใด  ผมดีใจที่เห็นธงชาติไทยยังโบกสะบัดพลิ้วงามอยู่กลางโรงเรียน

 

หมายเลขบันทึก: 77562เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2007 09:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:48 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)
ได้อ่านบรรยากาศยังซึ้งเลย ฝุ่นไม่ได้เข้าตานะ อยู่ในห้องทำงาน แม้ธงชาติจะเก่า ยิ่งขลังนะ (ของเก่าดีเสมอ จริงปะ!)อยู่ที่ศรัทธาและความมุ่งมั่นมากกว่านะคะ รอติตามความลับจะเปิดเผยแล้ว ถูก tag จากน้องศิริเสียแล้ว ทั้งที่ซุ่ม รอฤกษ์งามยามดีอยู่
  • พูดได้กินใจ และลึกซึ้งมากค่ะ...ไม่น่าเชื่อที่บอกว่า "....วิตกไม่น้อยกับการถูกรับเชิญเช่นนี้  ยิ่งต้องยืนถือไมค์อยู่กลางสนามโล่งเป็นเป้าปะทะลมหนาวที่ชัดเจนเช่นนี้ก็ยิ่งสั่นไหวอยู่เป็นระยะ ๆ...."    
  • มีแอบเมาท์ คุณแผ่นดินกับคุณหนิงด้วยนะ ....การที่คุณแผ่นดินเขียน blog คือความภูมิใจหนึ่งของคุณหนิงเลยนะค่ะ.......
  • สวัสดีครับ
    P
    อาจารย์ อัมพร 
  • ผมเห็นด้วยกับธงชาติเก่าที่ขลังและมีพลังอัดเต็มอยู่อย่างมากมายมหาศาล  จึงเลยต้องถ่ายรูปเก็บเป็นความประทับใจ และแนะนำให้โรงเรียนจัดเก็บธงชาติผืนเก่าไว้เป็นอย่างดี
  • แล้วจะติดตามไปอ่านความลับในบันทึกของอาจารย์นะครับ

 

  • จริงใช่ไหมคะอาจารย์paew  ว่าคุณแผ่นดิน มี Tacit K เยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกิจกรรมนิสิตและการใช้ภาษา ไม่ใช่แค่เป็นความภูมิใจของหนิงนะคะ  ของกองกิจการนิสิต  ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และของชาวกาฬสินธุ์ ของคุณปู่และคุณย่า(ของน้องดิน)ตลอดจนของคุณแม่น้องดินและน้องแดนค่ะ
  • ยินดีด้วยนะคะ คุณ แผ่นดิน  เห็นไหมว่า  ทักษะไอทีไม่แข็งแรง ^__*ไม่ใช่ปัญหาของการ ลปรร หรอกนะคุณพนัส
  • ที่สำคัญ  รีบๆติดต่อรับรางวัลจากแดนไกลนะ ไม่งั้นจะยึดเสียเอง  555
  • สวัสดีครับอาจารย์
    P
  • จริงแล้วผมเป็นคนเขินอายอะไรต่อมิอะไรเสมอ
  • สมัยเป็นนักเรียนไม่กล้านั่งเรียนหน้าชั้น ไม่กล้าพูดหน้าชั้น ไม่กล้าเล่นวอลเลย์บอลเพราะเป็นคนตัวเล็ก กลัวส่งบอลไม่ข้ามเน็ต และอื่น ๆ อีกมาก 
  • อายที่จะพูด แต่กล้าที่จะเขียน...
  • แน่นอนครับ...ผมมาสู่เวทีนี้ต้องยกความดีให้เจ้หนิง...เพราะผมไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยี
  • ว่าแต่เรื่องเมาท์เกี่ยวกับผมนั้น...เป็นเรื่องอะไรบ้างน้อ
  • ถึงแม้คนกันเองจะกล่าวชม, ผมก็ยังเขิน ๆ อาย ๆ อยู่วันยังค่ำแหละเจ้หนิง
  • ที่ว่า..รางวัลจากแดนไกลนั้น คืออะไร..ของฝากของต้อน ใช่มั๊ย...และต้องรับด้วยวิธีใดเล่า..ช่วยบอกที แต่คงไม่ใช่ส่งผ่าน SMS นะครับ
เด็กๆคือลมหายใจ ของหมู่บ้าน เป็นการกล่าวที่ตรงประเด็น   การต่อลมหายใจของหมู่บ้านอยู่ที่การสร้างและพัฒนาเด็กๆ
"ผมไม่ใช่คนที่จะพูดซึ้งและตลกโปกฮาเก่งนัก......."

เหลือเชื่อจริงๆ ทั้งๆที่เขียนบันทึกได้น่าอ่านถึงเพียงนี้ ไม่ถล่มตัวเกินไปหรือพี่พนัส

และเป็นความภูมิใจอย่างที่พี่หนิงและ อ.paew เขียนไว้แหละครับ ที่มีบันทึกเรื่องราวดีๆที่ผ่านมา ที่มีน้อยคนนะครับที่จะหยิบเรื่องราวทำนองนี้มาบันทึกใน gotoknow

แม้จะมีคแก้ตัวว่าเขินอายที่จะพูด แต่นั่นคงเป็นช่วงเวลาในการกลั่นกรองความคิดมากกว่า ช่วงเวลาที่เขินคือ จังหวะเวลาที่ยังนึกไม่ออกว่า จะกล่าวอะไร

แต่เมื่อกล่าวออกมาแล้ว จับใจจริงๆ
  • ขอบคุณอาจารย์
    เม็กดำ 1 มากครับ...อีกไม่กี่วันข้างหน้าผมจะได้ไปเห็นเด็กผู้เป็นลมหายใจของเม็กดำ...
  • ผมตื่นเต้นมากครับ
  • ขอบคุณคุณบอน มากครับ
  • ผมเป็นเช่นนั้นจริง ๆ และคำที่พูดก็เป็นไปตามนั้น  ...
  • บ่อยครั้งบันทึกของผมเป็นบันทึกที่เน้นบรรยากาศและนาฏกรรมที่เคลื่อนไหวอยู่ในเวลานั้น ๆ จนบางทีดูอ่อนด้อยในเรื่องแนวคิด
  • แต่ผมก็อยากให้บันทึกของผมเป็นบันทึก เริงรมย์ - เริงปัญญา  ... อ่านสบาย  ได้ความรู้ (บ้าง)
  • บางที่แนวคิดเราไม่ชัดเจน แต่เมื่อมีคนมาแลกเปลี่ยนก็กลับแจ่มชัดขึ้นอย่างน่าพิศวง
  • ขอบคุณที่มีโครงการดีๆ...ขอบคุณที่ยังระลึกถึงเยาวชนผู้ด้อยโอกาสอยู่เสมอ...(ไม่ได้เลียนแบบคุณแผ่นดินนะคะ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ)
  • ด้วยแนวคิด อุดมการณ์ในสายเลือด กอรปกับสำนวนโวหารของคุณแผ่นดิน ถ้านู๋ทิมอยู่ ณ ที่นั้นก็คงมีซึมๆบ้างล่ะคะ คนอะไรไม่รู้ภาษาละมุนละไมจริงๆ

สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน

  • ที่คุณกล่าวมาทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละคือน้ำตาค่ะ...
  • ดิฉันอ่านตามแม้ช่วงสั้นๆไม่ได้อยู่ในบรรยากาศ...ยังตื้นตันใจ...ถ้าอยู่ด้วยมีหวัง...บ่อน้ำตาแตกเช่นกันค่ะ
  • ขอบคุณชาวไทยที่อยู่แดนไกล...ได้มีโอกาสสำนึกในคุณของแผ่นดินไทย...ตามคำกล่าว...ของ"คุณแผ่นดิน" ในวันนั้นค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ
  • ขอบคุณครับ..คุณนู๋ทิม (เจ้าของสวนดอกไม้ผู้ร่ำรวยดอกไม้แห่งความรัก)
    P
  • อยากให้ติดตามให้ครบทุกตอนนะครับ...พอปิดบันทึกต้านลมหนาวแล้ว ยังจะมีเรื่องเล่าของการไปช่วยผู้คนที่ถูกน้ำท่วมและโคลนถล่มใน จ.อุตรดิตถ์
  • ที่นั่นก็น่าสงสารไม่แพ้กัน
  • ทุกครั้งที่ดูทีวีแล้วได้เห็นนักกีฬาไทยขึ้นแท่นรับเหรียญทอง พร้อมฟังเพลงชาติไทย ..น้ำตาก็ซึมเอ่อเสมอเลยนะครับ   โดยเฉพาะเมื่อครั้งคุณสมรักษ์  คำสิงห์  ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิคเกมส์นั้น...ผมประทับใจน้ำตาไหลเลย  และถือว่าคุณสมรักษ์   เป็นคนที่ช่วยให้คนไทยได้มีความสุขกันมาก ๆ 
  • ขอบคุณครับอาจารย์
    P
  • ปกติอาจารย์เป็นคนร้องไห้ง่ายหรือเปล่าครับ...แต่เท่าที่สัมผัสจากบันทึกน่าจะเป็นคนที่อารมณ์ดี ขำขัน อยู่เสมอ หรือเปล่าครับ
  • ผมดีใจและภูมิใจจริง ๆ ที่ได้เกิดในประเทศไทย
  • และวันนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี  แต่ภาวะนั้นก็เป็นเช่นนั้นและอารมณ์นั้นจริง ๆ ครับ
อ่านแล้วยังอดน้ำตาซึมไม่ได้เลยค่ะ...ความรู้สึกมันจับใจบอกไม่ถูก..ทุกคำพูดเป็นการให้คุณค่าแก่ทุกๆคน...พูดได้น่ารักมากค่ะ...สื่อออกมาให้เห็นถึงความดีความงามในตัวคนพูดค่ะ
  • ผมมีความสุขที่ได้กล่าวคำว่าสวัสดีกับคุณโก๊ะเสมอ  เป็นความสุขพอ ๆ กับที่ได้เอ่ยว่า "รักประเทศไทย"
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท