นี่คือบทสะท้อนคิด (reflection) ชิ้นที่ ๑๑ และสรุปจากตอนสุดท้ายของหนังสือ ประสบการณ์ประชาธิปไตยจีน โดยอ่านบันทึกก่อนหน้านี้ได้ที่ (๑), (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐)
ฝรั่งพยายามเอาทฤษฎีและตัวอย่างประชาธิปไตยของเขามาให้เราใช้ หลายประเทศว่าง่าย ใช้แล้วก็เฉไฉได้ผลที่สังคมไม่เจริญก้าวหน้า แต่ฝรั่งพอใจ จีนเจ็บตัวมาเป็นศตวรรษจึงไม่เชื่อใครง่ายๆ ค้นหาแนวทางของตนเอง ซึ่งก็คลำผิดมานานราวๆ ๓๐ ปี เพิ่งมาคำถูกเอาราวๆ ๓๐ ปีหลังนี้ โดยมีประจักษ์พยานว่า ประเทศเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
ทฤษฎีประชาธิปไตยจีนจึงเขียนขึ้นจากการตีความประสบการณ์จริงของตนเอง ไม่ใช่ลอกทฤษฎีของคนอื่นมา เป็นทฤษฎีที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลในบริบทจีน แต่ที่จริงก็มีฐานคิดมาจากหลากหลายแหล่ง รวมทั้งแหล่งตะวันตก ทฤษฎีทั้งสี่ได้แก่
อ่านแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนต้องการอธิบายว่า การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ ต้องไม่หลงทำตามทฤษฎีของประเทศตะวันตก เพราะแต่ละประเทศมีพัฒนาการในอดีตแตกต่างกัน และมีปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และอื่นๆ แตกต่างกัน จึงต้องดำเนินการพัฒนาประชาธิปไตยตามแนวทางของตนเอง โดยทำความเข้าใจหลักการให้ชัดและถูกต้อง และการพัฒนานั้นต้องทำไปเรียนรู้และปรับตัวไป ที่เรียกว่าเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และสำหรับจีน ประสบการณ์อันเจ็บปวดจากการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่กินเวลา ๑๐ ปี ให้การเรียนรู้สูงยิ่ง
“ประชาธิปไตยของแต่ละประเทศจะต้องสร้างขึ้นจากภายใน ไม่ใช่รับถ่ายทอดมาจากภายนอก” ช่างเหมือนกับเรื่องการเรียนรู้ของมนุษย์ ไม่ผิดเพี้ยน ที่การเรียนรู้ของมนุษย์เป็นกระบวนการสร้างความรู้ภายในตน แล้วทดลองใช้ในสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จำลอง เพื่อทดสอบว่าความรู้ที่สร้างขึ้นนั้นใช้ได้จริงไหม หากใช้ได้จริงก็จดจำไว้ เอาไว้ใช้ในโอกาสต่อไป
หลักการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ จึงเป็นเรื่องของการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากการตีความสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ต่อเนื่องยาวนานมาหลายร้อยปี มาเข้มข้นขึ้นในช่วงหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
ขอขอบคุณ คุณยุวดี คาดการณ์ไกล ที่กรุณาส่งหนังสือมาให้
วิจารณ์ พานิช
๒๔ ก.ย. ๖๔ วันมหิดล
ไม่มีความเห็น