นี่คือบทสะท้อนคิด (reflection) ชิ้นที่ ๗ ที่เกิดจากการอ่านหนังสือ ประสบการณ์ประชาธิปไตยจีน โดยอ่านบันทึกก่อนหน้านี้ได้ที่ (๑), (๒) (๓) (๔) (๕) (๖)
สาระในหนังสือบทที่ ๖ ทำให้ผมเลื่อมใสว่า จีนมีภูมิปัญญาตีความสิ่งที่เรียกว่าสิทธิตามแบบของตน ไม่เชื่อตามฝรั่ง ที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน คือมนุษย์มีสิทธิเหนือสิ่งอื่นๆ ทั้งปวง ที่เป็นแนวคิดสุดโต่งแบบหนึ่ง และหลายครั้งฝรั่งใช้ลัทธินี้เล่นงานประเทศอื่น ที่ไม่ดำเนินตามที่ตนกำหนด แต่จีนไม่สนใจ น่านับถือจริงๆ
สิทธิแบบจีน (ตามที่อธิบายในหนังสือเล่มนี้) ไม่ได้ติดตัวมากับคน เป็นสิ่งที่ได้จากสังคม ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตามธรรมชาติ ตรงตามแนวลัทธิสังคมนิยมเผงทีเดียว ซึ่งตรงกันข้ามกับสิทธิในลัทธิเสรีนิยม ที่ถือว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับสิทธิที่เกิดจากความเป็นมนุษย์ เป็นเสรีชน ไม่มีใครถูกใครผิด เพราะต่างก็เป็นสมมติ หรือหลักการที่มนุษย์สร้างขึ้น
เนื่องจากสิทธิของประชาชนจีนมาจากสังคม ทางการจีนจึงพัฒนาสิทธิแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเชื่อว่า ไม่เป็นการพัฒนาแบบเป็นเส้นตรง เพราะเป็นระบบที่ซับซ้อน
จีนใช้หลักการว่า สิทธิของประชาชนเกิดจากปัจจัยทางประวัติศาสตร์ แต่ละประเทศต่างก็มีประวัติศาสตร์ของตน การพัฒนาสิทธิพลเมืองจึงเลียนแบบกันไม่ได้ จีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าห้าพันปี จึงมีที่มาของเรื่องสิทธิที่ซับซ้อนตามแบบจีน อังกฤษก็มีประวัติศาสตร์ของตน และมีที่มาของเรื่องสิทธิตามแบบของตนยาวนาน ๗๐๐ ปี
ข้อความในหน้า ๓๑๙ – ๓๒๑ ชี้ให้เห็นว่า ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก ลอกเอาระบบประชาธิปไตยของยุโรปและสหรัฐอเมริกามาใช้แบบไม่ลืมหูลืมตา (ไร้ปัญญา) ผลคือเกิดการรัฐประหารและสังคมวนเวียนอยู่ในความยากจน และความแตกต่างทางชนชั้น ต่างจากจีนที่สามารถพัฒนาก้าวกระโดดได้ เพราะกล้าคิดสร้างระบบของตนเอง จากการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งบางช่วงก็ลองผิด และต้องประสบความยุ่งยาก ผมจึงเกิดคำถามว่า ประเทศไทยตกอยู่ในกลุ่มประเทศตามที่เขาพูดถึงหรือไม่
ผมชอบที่เขาบอกว่า สำนึกแห่งสิทธิเป็นเหรียญสองด้าน ด้านเป็นคุณ ทำให้ผู้คนมีความกระตือรือร้น ด้านที่เป็นโทษ ทำให้เป็นคนมุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตน มุ่งแต่จะเรียกร้องผลประโยชน์ จีนจึงมองเรื่องการพัฒนาสิทธิว่าต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ คือหาทางทำให้สองหน้าของเหรียญเดียวกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมเป็นสิ่งเดียวกัน ประโยชน์เฉพาะหน้ากับประโยชน์ระยะยาวเป็นสิ่งเดียวกัน ฟังดูเป็นอุดมคติ แต่เมื่อปฏิบัติแบบทำไปปรับไป ก็บรรลุได้จริง
ผมตีความว่า สังคมต้องมีการจัดการเรื่องสิทธิ เพื่อให้ส่งผลด้านบวก และควบคุมผลด้านลบ
ขอขอบคุณ คุณยุวดี คาดการณ์ไกล ที่กรุณาส่งหนังสือมาให้
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ก.ย. ๖๔
ไม่มีความเห็น