ภาพจาก http://www.agalico.com/
อ่านบันทึกของ อาจารย์จันทรัตน์ แล้วได้ข้อคิดอะไรบางอย่าง และผมได้ขบคิด ประเด็นนั้นหลังจากที่อ่านเสร็จ
อาจารย์เขียนเรื่อง "การเดินทาง ...ยอมรับความแตกต่างของความหมาย"
....
....
"คำพูด" ของคนเราที่เอื้อนเอ่ยออกมา บ่งบอกถึงความรู้สึกและพื้นฐานเดิมของคนหนึ่งคน เราใช้คำพูดในการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคม แน่นอนว่าการสื่อสารผ่านคำพูดย่อมสรางความเปลี่ยนแปลงให้กับคู่สนทนา และอาจถึงสังคมโดยรวม โดยเฉพาะ คำพูดเพียงหนึ่งประโยคของผู้นำอาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศผันผวน ค่าเงินบาทแข็งขึ้น อ่อนลง ...เหล่านี้เป็นอิทธิพลของคำพูด
ผมใช้คำพูดเป็นเครื่องตัดสินใจ และเห็นคล้อยตามความหมายของคำพูดอย่างตรงไปตรงมา...เพราะคิดว่า บุคคลคิดอย่างไร ย่อมพูดออกมาเช่นนั้น...และหลายต่อหลายครั้งสิ่งนี้เองก็ทำร้ายเรา ทำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างคน ๒ คน ลงอย่างไม่น่าที่จะเป็นไป เป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว"
" คำพูด" เป็นศิลปะ ที่ลึกล้ำ ถึงกับต้องมีสถาบันเพื่อการฝึกพูด อาชีพบางอาชีพที่ฝึกให้พูดเพื่อสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ และบางอาชีพใช้การพูดเป็นอาชีพหลัก ดังนั้น "คำพูด" ไม่ใช่แค่เพียงลมปากและก็ผ่านเลยไป
"คิดให้จงหนัก ก่อนที่จะพูดออกมา" เพราะแรงสะท้อนของคำพูดนั้นมีมากมาย
เรียนรู้และเข้าใจในความต่างของคน ความต่างที่เป็นความถาวรของความต่าง หรืออาจเป็นความต่างที่รอการพัฒนา การสื่อสารโดยการพูดระหว่างคนกับคน อาจถูกเบี่ยงเบนประเด็น และเป็นเหตุให้ร้าวฉานได้ง่าย...
แต่นั่น...ถือเป็นความเข้าใจในเบื้องต้น แต่อยากชี้ชวนให้มองลึกเข้าไป ถึง "เจตนา" ว่าแท้จริง "เจตนา" เขาคืออะไร ไม่ตัดสินใจที่เร่งด่วนสรุปเกินไป จากคำพูดของคน
คนหนึ่งคนพูดออกมา และคำพูดอาจจะสร้างแรงลบให้กับคู่สนทนา แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และอดทน ใจกว้าง ก็จะค้นพบอย่างหนึ่งว่า หลายครั้งเช่นกันที่คนหนึ่งคนพยายามจะสื่อออกมา แต่สื่อสารไม่ตรงกับเจตนา ...
ผู้มีปัญญา จึงควรต้องไตร่ตรอง...ให้รอบคอบคิดให้จงหนักเช่นกัน ว่า เขาสื่ออย่างนั้น เพราะอะไร มีเหตุผลอะไร และที่สำคัญ ทุนเดิมเขาหรือเปล่าที่เขาต้องพูดออกมาเช่นนั้น
ที่เขียนบันทึกนี้ เพื่อเตือนตน และต่อยอดจากบันทึกของอาจารย์จันทรัตน์
เข้าใจในความต่างของคน...เพราะเป็น "เหตุผลที่คนควรอยู่ด้วยกัน"
พูดหน่อยเถอะครับ!!!!
"เหตุผลที่คนควรอยู่ด้วยกัน"
ขอบคุณครับ
เช้านี้ผมขอสร้างรอยยิ้มให้คุณDSS@MSU ทำงานมีความสุขทั้งวันนี้ครับ
ผมลืมไป...
ผมนึกว่าวันนี้เป็นวันทำงานเสียอีก ...(เพราะผมทำงาน)
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังคิดว่ารูปที่ผมชอบ (ด้านบน) จะทำให้คุณDSS@MSU ยิ้มน้อยๆในเช้าวันนี้ เท่านี้คนเขียนบันทึก ก็สุขใจครับ
สวัสดีค่ะคุณเอก
ขอบคุณค่ะที่ได้แนวคิดที่ดีจากคุณเอกค่ะ
มาอ่านแล้วค่ะ.....วันนี้สุขุม...นุ่มลึกแต่เช้าเจียวนะคะ
ชอบรูปค่ะ เกือบมองไม่เห็นหนูน้อย
พอดีว่าตอบในบันทึก http://gotoknow.org/blog/bridge/60723/comment
ไม่ก่อนแล้ว ขอลิงค์ไว้ตรงนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปล ที่บอกว่า ดิฉันเป็นคนมีความสุขนั้น ขอบคุณค่ะ ลึกๆ ในใจ ก็อาจสุขบ้าง มีอารมณ์ทางลบบ้าง ตามใจตัวเองบ้าง เป็นอย่างที่เป็น ถ้าเทียบกับสิ่งของก็คงเป็นเม็ดทรายเม็ดกลมๆ เล็กๆ ที่กลิ้งตัวเล่นอยู่ในแอ่งน้ำหนองบึงไปเรื่อยแหล่ะค่ะ..(พอเห็นภาพคนขี้เกียจบ้างไหมคะ....^__^)
ชอบรูปค่ะ เกือบมองไม่เห็นหนูน้อย
พอดีว่าตอบในบันทึก http://gotoknow.org/blog/bridge/60723/comment
ไม่ก่อนแล้ว ขอลิงค์ไว้ตรงนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปล ที่บอกว่า ดิฉันเป็นคนมีความสุขนั้น ขอบคุณค่ะ ลึกๆ ในใจ ก็อาจสุขบ้าง มีอารมณ์ทางลบบ้าง ตามใจตัวเองบ้าง เป็นอย่างที่เป็น ถ้าเทียบกับสิ่งของก็คงเป็นเม็ดทรายเม็ดกลมๆ เล็กๆ ที่กลิ้งตัวเล่นอยู่ในแอ่งน้ำหนองบึงไปเรื่อยแหล่ะค่ะ..(พอเห็นภาพคนขี้เกียจบ้างไหมคะ....^__^)
กดบันทึกไปสองครั้ง ไม่ได้เรื่อง..ลองใหม่ค่ะ ..ถ้าบันทึกซ้ำๆ ปรากฎขอรบกวนคุณจตุพรลบทิ้งด้วยนะคะ ..ขอบคุณค่ะ
ครูอ้อยครับ
พอดี ประเด็นนี้ ผมต่อยอดจาก บันทึก อ.จันทรัตน์ ครับ
ผมเห็นว่ามีบางบันทึกมีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย เลยมีการให้ความเห็นที่ต่างกัน อาจจะสื่อความหมายที่คลาดเคลื่อนไป แต่ในที่สุด หากพื้นฐานที่ดี ของทั้งสองฝ่าย...เรื่องก็จบ ด้วยการอธิบายซึ่งสำคัญมาก ในโลกของการสื่อสารในโลกเสมือน เพราะเราสื่อสารกันด้วยการเขียน ...แต่เพียงอย่างเดียว
สอนให้ผมรอบคอบขึ้นในการ สื่อความหมาย
ขอบคุณครูอ้อยครับ
คุณกาเหว่าครับ...
ต้องขอบคุณก่อนนะครับ...ที่ติดตามบันทึกผมเรื่อยมา และนานมาแล้วด้วย
พูดตรงเป็นเรื่องที่ดี....แต่คงต้องดูคู่สนทนาว่าจะรับได้หรือไม่ครับ...เพราะคนเราค่อนข้างต่างกัน
แต่ก็ยากเพราะบางครั้งการพูดตรงเป็นบุคลิกที่เป็นอยู่แล้ว...หากจะให้อ้อมๆก็คงขัดใจตัวเองนะครับ
ทางออกก็คงต้อง เรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น ...เมื่อเข้าใจตัวตนกันแล้ว การพูดตรงก็ไม่ใช่เรื่องต้องกังวล
พี่จิ๊บ เมตตา
วันนี้จิบกาแฟรสเข้ม เลยต้องสุขุม นุ่มลึกแต่เช้า (พูดเล่น)
จริงๆวันอาทิตย์ตั้งใจจะเขียนเรื่องเบาๆ แต่ก็เขียนเรื่องค่อนข้างจริงจังออกมา...
ประเด็นก็คือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มากกว่า การสื่อสารอาจเป็นรองหากเข้าใจกัน
อาจารย์หมอนนท์
อาจารย์จันทรัตน์ครับ
การสื่อสารคงเหมือนกับการเขียนข้อคิดเห็น ๒ ครั้ง หากครั้งแรกไม่เข้าใจ หรือ อาจเกิดผิดพลาดแต่ได้เผลอโพสออกไปก่อน(ตามข้อคิดเห็นของอาจารย์ด้านบน) ก็หมายถึง การอธิบายในครั้งที่สอง ว่าเพราะอะไร และบอกว่าครั้งแรกเกิดอะไรขึ้น
ตรงนี้เองเป็นการสื่อสารเพื่อการสรางความเข้าใจ บนเหตุผลและผมคิดว่าตรงนี้เป็นหัวใจด้วย
หัวใจ คือ ความรู้สึกดีที่เป็นพื้นฐาน และ การอธิบายเมื่อคิดว่าผู้รับสารอาจเข้าใจผิด หรือ ไม่เข้าใจ....
ขอบคุณครับอาจารย์
คุณ กฤษณา สำเร็จ
อยู่ที่ว่าจะพูดกับใคร สถานการณ์ใด และที่ไหน เช่นเดียวกับที่อาจารย์หมอนนท์ได้แสดงข้อคิดเห็น
ขอบคุณครับผม
อาจารย์นพ. สมบูรณ์ เทียนทอง
เจตนาดี อาจถูกตีความผิด เป็นประเด็นที่ขบคิดของผมในบันทึกนี้ครับ
ดังนั้น การพูด จึงเป็นศิลปะ ที่ต้องฝึกฝนตนตลอดเวลา
และตอนนี้ผมคิดว่าอาจารย์คงสบายดีแล้ว...นะครับ
ผมขอขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนครับผม
Just a short visit to my nice friend's blog.
Nice story that you refered to "Arts of making a speech".....very very important issue --- apart from having very good mind for talks.
Greeting from Perth and talk to you soon around your coming Birthday on Dec ....
Keep in touch,
ขอบคุณครับ Ajarn Supalak Khemthong
เป็นการสื่อสารที่ผมมีความสุข เพราะอาจารย์ Pop จำวันเกิดผมด้วย...
อีกไม่นานแล้วสิครับ ที่จะได้กลับจาก Perth สู่อ้อมอกเมืองไทย เป็นการถาวรนะครับ
ขอให้มีความสุขกับชีวิตต่างแดนครับ
เพราะเราต้องสื่อสารตลอดเวลา ดังนั้น การพูดจึงเป็นศิลปะที่เราควรฝึกฝนตน
ผมให้ความสำคัญมากครับ
มาเยี่ยม...
เอาธรรมมาให้อ่าน...ฮา ๆ เอิก ๆ
คนเรานี้ใช้พูดคุยอยู่ 3 ประการคือ...
1 . คูถฺภวณี แปลว่า คนพูดปากไม่หอม
2 . ปุบฺผภาณี ...........คนพูดปากหอม
3 .มธุรภาณี..............คนพูดปากหวาน
ขอบคุณครับ...
อาจารย์ umi
ขอบคุณครับ สำหรับธรรมะที่เติมเต็มบันทึกผมครับ การพูดสำคัญครับ...ดังนั้นหากการพูดเเล้ว บังเกิดความสุขแก่ตน และคนรอบข้าง เป็นกิจที่พึงกระทำครับ
ขอบคุณครับอาจารย์
เรียนรู้ตามเวลาที่ผ่านมาค่ะว่า พูดเมื่อคิดดีๆ เวลาคิดไม่ดี อารมณ์ไม่ดีให้หุบปาก เพราะเวลาคิดดี แม้พูดอะไรผิดไป ก็อธิบายเจตนาได้ไม่ยาก (ถ้าจะต้องอธิบาย) แต่เวลาอารมณ์ไม่ดี คิดไม่ดี ไม่เคยหลุดอะไรดีๆออกมาสักที
และอย่าตัดสินคนจากเพียงคำพูด ผิดหวังมานักแล้วกับ คนพูดดีแต่ทำไม่ได้ และประทับใจมาแล้วกับคนปากร้ายแต่ใจทอง
อาจารย์ ผศ.สุณี ครับ
วาจาสร้างสรรค์ นั้นคือ ไม่ส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ และเป็นปิยวาจา ใช่มั้ยครับ
ดังนั้นแล้ว พระท่านสอนให้เรา "คิดดี ทำดี และ พูดดี"
ไม่ถูกตีศรีษะแน่นอนครับ
.....................................................
พี่โอ๋อโณ
หากพิจารณาตามนั้น เราก็พบว่า คนที่พูดดี หากการกระทำไม่ตามที่พูดก็ไม่ดี
บางคนพูดไม่ดี สื่อสารไม่ได้เรื่อง แต่จริงใจ เข้าทำนอง "ปากร้าย แต่ใจทอง" ก็มีให้เห็นเยอะ
แต่อยากให้ทุกคน พูดดี สื่อสารดีๆ เป็นมิตร และปฏิบัติดีๆสอดคล้องกันไปครับ
คลิกมาอ่านไป
ใจหายแว๊บ..คุณสมบัติส่วนร้ายอยู่ในตัวเองหมดเลย...กึ๋ย..
ทั้งปากก็ร้าย ใจก็ดำ คิดก็ไร้สาระ ชอบนอกเรื่องอีกต่างหาก...เฮ้อ...
หดตัวแอบหลบออกไปจากบันทึกเงียบๆ
ห้ามใครตามรอยได้โดยเด็ดขาด...
ตามรอยคุณไร้นามมาคะ...
เห็นด้วยกับคุณเอกอย่างยิ่งคะ...
อะไรก็แล้วแต่...ควรเป็นทั้ง "คิดดี...พูดดี...และทำดีด้วยคะ..."
...
พูดไม่ดี..แต่ทำดี..คำพูดเราก็ไปทำร้ายคนอื่น
พูดดี..แต่ทำไม่ดี...การกระทำของเราก็ไปทำร้ายคนอื่น...
ดังนั้น...จึงควรแก่ที่จะพึงเป็นทั้ง "พูดดีและทำดีคะ..."...และที่สำคัญ...ทั้งสองอย่างนี้มาจาก "ความคิดที่ดี"....นะคะ...
^___^
มาพร้อมคุณไร้นามและรุ่งอรุณอันเบิกบาน
คุณไร้นาม
คุณเป็นคนใจดีนะ อาจพูดตรงๆในหลายๆบันทึกของไร้นาม แต่จริงใจสุดๆ
อย่าแอบเดินออกไปจากบันทึกผมเงียบๆสิครับ เรามันคนคอเดียวกันมิใช่หรือ???
...................................................
คุณ กะปุ๋ม
สวัสดีอรุณครับ
มาพร้อมกับความรู้สึกที่ดีๆ และ ถ่ายทอดออกมาเป็น Comment ที่ดีๆ เสมอมา
วิถีของคุณกะปุ๋ม เป็นวิถีที่ควรเป็นวิถีตัวอย่างแก่ผู้คนครับ
สุขกาย สบายใจ
คิดดี ทำดี และพูดดี
เราคอเดียวกัน
ฮ่าๆๆ ไปออกงานวัดได้เลย
เนี่ยไง ไร้นามตัวจริง
ปากเสียกับสุดหล่อ ทะนุถนอมสาวสวยในgotoknow เป็นนิสัยดั้งเดิม
แต่เออ ..ไหนๆก็ปากเสียแล้ว ต่ออีกหน่อย
ถามละกัน ถือว่าต่อไปนี้คือคำถามสำหรับท่านเจ้าของบันทึก(สุดหล่อ)และบรรดาผู้เชี่ยวทั้งหลาย
เวลาที่เขียนบันทึกน่ะ ต้องการให้คนคล้อยตามทุกเรื่องหรือเปล่า
ถ้าบันทึกไม่ยกยอปอปั้นกัน ถือว่าคนละพวกหรือเปล่า
นี่ serious นะที่ถามน่ะ(ถามเผื่อๆ คนชอบวิจารณ์คนอื่นๆด้วย เพราะเห็นชอบวิพากษ์คนอื่นแต่พอมีใครเข้าไปต่อความ ออกอาการทันที)
วัยแรกรุ่นอย่างไร้นามละงง
คุณไร้นาม
ไม่หรอก ..ไม่คล้อยตามก็ได้ครับ แต่ขอให้มีเหตุผล ผมเองก็ชอบอะไรที่หลากหลาย ไม่ได้ไปทางเดียวกันหมด
แต่โดยส่วนตัว เรามองบวกๆ และให้บวกๆกับทุกคน
กลางๆครับ เพราะ Gotoknow เป็นที่สาธารณะ แต่รับรอง ปากตรงกับใจครับผม
ผมไม่มีพวกครับ...^_^
"หากยึดติดจักติดใจ
หากใจกว้างจักพบกับสิ่งที่มหัศจรรย์
เป็นเส้นทางสู่มิตรภาพยืนยาว
เพราะคำพูดที่พูดออกมานั้นมีเหตุมีผลที่พูดออกมาจะสะท้อนองค์ความรู้นั้น อยู่ในตัว ความรู้อาจจะบ่มเพาะได้ แต่หากใช้ความรู้นั้นไม่เหมาะ ไม่ควร ก็ทำให้สร้างความร้าวฉานได้ในสังคมทุก ๆ สังคม ด้วยความปรารถนาดี เอวังก็มีด้วยประการละฉนี้..... อภัยได้จงอภัย อย่ายึดติดกับสิ่งที่เห็นและเป็นไป ไม่มีใครถูกผิด นี่คือมุมมอง ที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน............
"จงใช้ความรู้ในเนื้องานเฉพาะอาชีพ จงใช้หลักคิดที่ละเอียดอ่อน จงอ่อนน้อมกับคำว่า " ความดี"
ขอบคุณ คุณ น.เมืองสรวง ที่มาเติมเต็มบันทึกให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ผมเห็นด้วยที่ว่า ให้ใจกว้าง ยอมรับ และคุยกันมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิด ปรากฏการณ์น้ำผึ้งหยดเดียว ที่มีส่วนผสมของอัตตา ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดต่อมาไม่ดีเลย
ผมอยากเห็นสังคมที่สมานฉันท์ บนพื้นฐานของความดีที่อยู่ในจิตใจ ไม่ว่าจะสังคมนี้ หรือสังคมใดก็ตามครับ