(บันทึก)..นึกถึง..เมืองลับแล..ในแกลลอลี่ชีวิตวันนี้


ป่าที่เห็น..ในภาพ..จินตนาการว่า..มีเมือง..ที่เรียกว่า.."ลับแล"..ซ่อนอยู่...

มีเรื่องเล่าที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก..ค่ำลง..เรานั่งล้อมวง..จุดเทียนเล่มน้อย..ไว้กลางวง..เป็นเพียงแสงสว่าง..จุดเดียวในบ้าน..ก่อนจะแยกย้ายไปอู่..นอน...

เด็กๆนอนหนุนตัแแม่..แถมอมหัวแม่มือ..ฟังเรื่องราวที่..ที่

เขาคุยกัน...

เรื่องหนึ่งในความทรงจำ..คือเรื่องเมือง..ลับแล..ที่..คนคิดว่าเป็นเมือง..ลึกลับ..ในป่าดงดิบ..(น่าจะอยู่ในเมืองกานจนสมัยโบราณ)..เมืองลับแล.ไม่สามารถจะเห็นได้..ด้วยมีมนต์พราง...

เรื่องของเรื่องที่ถูกเล่ากันเป็นนิทานปรัมปรา..(อาจจะไม่กล่าวขานถึงอีกในสมัย นี้.เพราะคนขี้ฮก...)

เรื่องนี้มีอยู่ว่า..มีชายหนุ่ม..หลงทางไปในป่าลึก..อดโซ..นอนหลับไป...มาตื่นอีกทีก็..มาอยู่ในบ้านที่อบอุ่น..ข้าวปลาอาหารถูกยกมาวาง..เขาได้รับการปรนนิบัตรอย่างดี...จากหญิงหนึ่ง..ที่ได้ช่วยเขามา...หญิงนั้นได้ขอคำมั่นสัญญาจากชายผู้นั้นว่า.."อย่าโกหก"..ซึ่งชายนั้นก็ให้คำมั่นสัญญา..เขาเพียงพยักหน้า...รับคำ..

วันหนึ่ง..หญิงผู้เป็นภรรยา..ได้สั่งสามีให้ดูแลลูกเล็ก..เพราะตนจะต้องเดินทาง....ชายนั้นก็พยักหน้า..รับคำ..

หลายวันต่อมา..ลูกเริ่มร้องงอแง..ร่ำหาแม่...ไม่หยุดหย่อน...ชายนั้น..จึงพูด.กับลูก.ขึ้นว่า "อย่าร้อง...แม่เขามาแล้ว"...

เท่านั้นเอง..เขารู้สึก..ตัวว่า..เขากลับมานอน..อยู่กลางป่า..และหิวโหย..หมดความหวัง..เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย..อยู่ท่ามกลางป่าลึก..อีกครั้ง..

นิทานที่ได้ยินมานั้น..ไม่ได้จบ..ใน..คืนเดียว....

เทียนหมดเล่ม...แม่อุ้มเราเข้านอน..เพราะหลับ..ปุ๋ยไปกับตัก..แม่....

หมายเลขบันทึก: 580276เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2014 12:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2014 12:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ตำนานเมืองลับแลนี่มีทั้งไทยทั้งเทศนะ

เด็กๆ ก็เคยฟังผู้ใหญ่เล่าเหมือนกันค่ะ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเป็นคน "ขี้ฮก"

เห็นภาพคุณยายธีแม่อุ้มเข้านอน สบายนะคะไม่ต้องตื่นเดินเข้านอนเอง ที่บ้าน GD ใช้ตะเกียงค่ะ เทียนมีแต่เล็ก ๆใช้บูชาพระ ถ้านอนหลับละก็ ตื่นขึ้นมาเขาหายไปหมดแล้วต้องวิ่งจู๊ดเข้ามุ้งเอง ช้าไม่ได้เดี๋ยวผีมา คิดถึง ๆวัยเด็ก

เคยได้ยินเรื่องเมืองลับแลเหมือนกันค่ะ เหมือนเป็นเมืองลึกลับซอนอยู่ในป่าทึบมีแต่ผู้หญิง ใตรหลงเข้าไปจะไม่ได้กลับออกมา น่าจะอยู่อุตรดิตถ์หรือเปล่า เพราะมีชื่อลับแลอยู่ที่นั่นค่ะ

สวัสดีค่ะ..คุณ nui ขี้ฮกแล้ว ขี้เกียจ..อีกอย่างนึงค่ะยายธีเป็นโรคนี้บ่อยจนเคยตัว..อ้ะะ..(ยังมีต่อ..มีอารมณ์แล้วจะเขียนต่อ..๕)

ที่เมืองกานจนก็มีเมืองนี้ในเองเล่าค่ะ...คุณ GD...เป็นเด็กก็กลัวผีเหมือนกันเพราะผู้ใหญ่เล่าว่า..ผีมันเอาเข็มมาจิ้มก้น..ตามร่องกระดาน..๕..เวลานั่งฟังนิทานก็..ต้วลีบอยู่บนกระดานแผ่นเดียว..เพราะร่องโตมากๆค่ะ...

...เมืองลับแลอ่านแล้วรู้สึก...น่าสนใจ น่าติดตามค่ะ...คุณยายธีจะเดินเรื่องไปอย่างไร?...เคยฟังตอนเด็กๆ เมืองลับแลคนไม่รู้จักจะไม่เห็นทางเข้าเมือง เพราะทางเข้ามีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเป็นป่าทึบ...

"เล่าถึง..ชายคนนั้น".....ต่อ...

ชายนั้น..ตื่นจากความมึนงง..ว่าทำไม..ตนถึงมายืนอยู่กลางป่าอีกครั้ง..เ.มื่อ...มีเสียงดังแผ่วขึ้นข้างตัว..ว่า.."จงนำสิ่งนี้ที่มอบให้..ติดตัวไป.".หาก..ขอคำมั่นสัญญา..ว่า..จะไม่เปิด..ดู..จนกว่าจะ..ถึงบ้าน..ถ้าทำได้เจ้าจะถึงบ้านโดยปลอดภัย.."

ชายนั้นพยักหน้ารับคำเช่นเคยๆ..เขารับย่าม..ขึ้น..บ่าแบก..และเดินไปตามทาง..ที่ติดอยู่ในความทรงจำ..อีกครั้ง...เดินๆๆๆๆไป..ย่ามที่แบกมา..ก็หนักขึ้น..ทุกที..ทุกๆย่างก้าวที่เดิน...เขาเริ่มเหนื่อยและท้อถอย..กับ..สิ่งที่ต้องแบก...

ชายนั้นเริ่ม..คิดๆๆ.ว่า..จะแบกต่อไปไหมเนี่ยะ..ดูก็ไม่ให้ดู....เฮ้อ..มันหนักเนี่ยะ..ขี้เกียจ..แบก..อ้ะะชายนั้นเถียงความรู้สึก..ตัวเอง....

"เขา..เริ่มเอามือล้วงลงไปในย่ามที่แบกมา..คลำดู..รู้สึกว่ามันเป็นก้อนๆเหมือนหิน.."...เขาเริ่มเถียงกับเสียงภายในที่ดังก้องว่า...แบกทำไมกับก้อนหิน..ไม่เห็นนะ..ไม่ได้ดูนะ.."คิดได้ดังนั้น..เขาก็หยิบมัน..หลับตา..แล้วโยนทิ้งไป..ก้อนแล้วก้อนเล่า...จนถึงบ้าน...ด้วยความดีใจ..เพราะรู้สึกหมดภาระที่แบกมา..และคำมั่นสัญญา...จึงเปิดย่ามดู....

มันเหลือเพียงก้อนเดียว..ก้อนสุดท้าย..มันคือ..ก้อนทองคำ..เหลืองอร่าม..แตะลูกตา.....๕..

นิทานเรื่องนี้..จะสอน..ว่า ไงดี...

"คุณ nui..เจ้าขา..ช่วยตอบที"....

รูปภาพนี้..ฝากแถมมา..

เขียนไปแสดงที่อิตาลี่..เมื่อนานนมกาแล.มาแล้ว...(.นึกถึงนิทาน..ที่เล่ามา...วันนี้..กับป่าหมดไป..และสิ่งที่เป็น.."ความลับแล"..ที่เห็นกันไม่ได้..ในป่าใจ..ทุกวันนี้..ว่ามันรกชัฏ..สักแค่ไหน..)...

ขอให้ท่านผู้อ่าน..มีความสุข..ใจ..สงบสว่างว่างสบาย..ในธรรม..ที่ไหลไปสู่ธรรม...เทอญ...


สวัสดีเจ้าค่ะ..คุณ.ดร.พจนา...ยายธี..เขียนเล่า..ตอนจบ..มาให้อ่าน..แล้วนะเจ้าคะ...มีความเห็น..อย่างไร..รู้สึกอย่างไร..เขียนมาเล่าสู่กันอ่านนะเจ้าคะ...

...กิจใดๆ...สิ่งใดๆ...หากเรารับรู้...รับทราบ...พบเห็น...ต้องมีความรับผิดชอบ...สร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด...ด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่คิดถึงถึงผลประโยชน์...ทำให้ดีที่สุด...และอย่าเสียใจกับการกระทำของเรา...ให้ถือเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่...เริ่มต้นใหม่...ทำสิ่งที่ดีๆใหม่ได้เสมอ....จนกว่าเราจะจากโลกนี้ไปนะคะคุณยายธี...

ขอบพระคุณ..กับ..ความคิดเห็นต่อสิ่งดีๆ..ที่เราน่าจะ..กระทำกันได้..doingfix...3รัก..นะเจ้าคะ

รักตนเคารพตน..รักผู้อื่นเคารพผูอื่น..รักและรู้ระลึกถึงซึ่งการกระทำต่อตนและผู้อื่นในทุกขณะจิต..

ทางสายกลาง..ในพุทธวิถี...ทางเลือกหนึ่งในแกลลอลี่ชีวิตวันนี้...

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท