หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คืออะไร ?
ในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ผมไม่ได้ทำ BAR เหมือนเวทีอื่นๆ ที่หมายถึงการถามถึง “ความคาดหวัง” หรือ “สิ่งที่อยากได้” จากการเข้าร่วมเวทีในครั้งนี้
หากแต่พลิกคำถามมาเป็น “ในมุมมองของนิสิต โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คืออะไร”
ครับ, ผมถามเช่นนั้นจริงๆ ถามเพื่อประเมินว่านิสิตที่เป็นแกนนำโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการงานที่กำลังจะไปทำ-หรือการงานที่ทำ (บ้างแล้ว) อย่างไรบ้าง
การถามทักเช่นนี้ ถือเป็นการประเมินสภาวะความเข้าใจของนิสิตได้เป็นอย่างดี ประเมินทะลุไปถึงกระทั่งกระบวนการที่อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักในแต่ละหลักสูตรว่าสร้างกระบวนการเรียนรู้แก่นิสิตของตนเองอย่างไร มีการอธิบาย ทำความเข้าใจกี่มากน้อย หรือยังไม่ได้ขยับอะไรเลย หรือแม้แต่ลงมือทำงานแล้ว แต่ก็ไม่ได้สร้างความเข้าใจในเรื่องนี้แก่นิสิต
เช่นเดียวกับประเด็นว่า แท้จริงนั้น อาจารย์ชี้แจงทำความเข้าใจ (ปฐมนิเทศ) แล้ว แต่นิสิตก็เพิกเฉย ยังไม่ใส่ใจ-หรือใส่ใจ แต่ยังไม่ตกผลึก ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ผมวางหมุดหมายแห่งคำตอบไว้หลวมๆ เพียงแต่ตัดสินใจถามทักเช่นนั้น หลักๆ เพื่อกระตุ้นให้นิสิตแต่ละคนได้หันกลับมา “ทบทวนตัวเอง-ทบทวนในสิ่งที่กำลังทำ” ให้แน่นหนัก จริงจัง และจริงใจอีกรอบเท่านั้นเอง
ครับ และนี่คือส่วนหนึ่งในมุมมองของ “นิสิตที่มีต่อโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน” (หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คืออะไร)
ครับ, นั่นคือมุมมองความคิดที่นิสิตมีต่อโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ซึ่งถือเป็นนโยบายเชิงรุกของภารกิจการบริการวิชาการแก่สังคมของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
จะเห็นได้ว่ามุมมองอันเป็นทัศนะเหล่านั้น สะท้อนถึงภาวะที่นิสิตมีความเข้าใจดีว่าโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คืออะไร สัมพันธ์กับการเรียนรู้ของนิสิตอย่างไร และสัมพันธ์กับภารกิจการเรียนรู้และการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไรอยู่ไม่ใช่ย่อย
จะมีบ้างที่นิสิตในบางส่วน (ซึ่งก็น้อยมาก) มองในมุมเชิงเดี่ยวแบบสมัยก่อนว่าโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนคือการไป “พัฒนาชุมชน” หรือไป “ถ่ายทอดความรู้” แก่ชุมชน โดยไม่ยึดมั่นในหลักคิดของการเรียนรู้ร่วมกัน พัฒนาร่วมกันตามแนวทาง “เรียนรู้คู่บริการ”
จะไปทำอะไร... จะไปเรียนรู้อะไร?
ถัดจากนั้น ผมจึงขยับสู่คำถามใหม่อีก ๓ คำถาม แต่คำถามที่สำคัญๆ ที่ผมถามนิสิตนั้นคือ “มุ่งหวังที่จะได้อะไร หรือมุ่งหวังที่จะทำอะไรในกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน” ซึ่งคำถามที่ว่านี้เป็นการประเมินว่าถึงบทบาทและสถานะของนิสิตที่มีต่อโครงการโดยตรงว่าตนเองได้รับมอบหมายไปทำอะไร หรือนิสิต สนใจที่จะไปเรียนรู้อะไรจากโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน
ในอีกมิติคำถามนี้ ผมมีเจตนาประเมินว่านิสิตเข้าใจในสิ่งที่ตนเองกำลังจะไปทำ (เรียนรู้) แค่ไหน รวมถึงประเมินดูว่า โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนของแต่ละหลักสูตร กิจกรรมยังคงเดิมจากที่เคยนำเสนอต่อกรรมการกลั่นกรองหรือไม่
และนี้คือส่วนหนึ่งที่นิสิตได้สะท้อนคืนกลับมา
ฯลฯ
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่นิสิตสะท้อนออกมา ทำให้ผมมองเห็นว่ากิจกรรมที่นิสิตกำลังจะไปทำมีอะไรบ้าง รวมถึงสิ่งที่นิสิตคาดหวังว่าจะไปเรียนรู้คืออะไรบ้าง ซึ่งมีทั้งที่ชัดเจนในวิชาชีพโดยตรง และมีทั้งที่นิสิตยังไม่ชัดเจน โดยส่วนหนึ่งอาจจำกัดด้วยบทบาทที่นิสิตไม่สามารถกำหนดได้เองทุกเรื่อง เนื่องจากโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คืองานบริการวิชาการแก่สังคม นิสิตอาจจะไม่ใช่คนที่ตกผลึกในเรื่องที่จะไปถ่ายทอดให้กับชาวบ้านเสียทั้งหมด จึงอยู่ในสถานะของการไปเรียนรู้ ทั้งเรียนรู้บริบทชุมชน เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านควบคู่ไปกับการเรียนรู้กระบวนการถ่ายทอดความรู้ของอาจารย์ตามแนวคิด “เรียนรู้คู่บริการ”
แต่อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าถึงแม้นิสิตจะไม่ใช่ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้โดยตรง แต่จะเป็นผู้ช่วยอาจารย์อยู่ในเนื้องานเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และนิสิตจะมีบทบาทในการออกแบบการเรียนรู้อื่นๆ หนุนเสริมเข้าไปอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่านิสิตจะเห็นความสำคัญกับเวทีแห่งการเรียนรู้ตรงนั้นแค่ไหน รวมถึงอาจารย์เห็นความสำคัญต่อการเรียนรู้โดยนิสิตเป็นศูนย์กลางแค่ไหน....
หรือกระทั่ง อาจารย์เข้าใจในแนวทางของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (CBL&PBL) – แค่ไหน (ซึ่งผมเชื่อว่าอาจารย์รู้และเข้าใจดี แต่จะขับเคลื่อนได้แค่ไหน นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
แต่ที่แน่ๆ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คือกระบวนการปฏิรูปการเรียนการสอนที่มีพลัง ห้องเรียนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในรั้วมหาวิทยาลัยอีกแล้ว ผู้เรียนเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางการเรียนรู้ - เป็นการกำหนดบนหลักคิดร่วมระหว่างผู้เรียน ผู้สอนและชุมชน รวมถึงการเป็นกระบวนการเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จริง ... เรียนรู้ด้วยการทำทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ ฯลฯ
ถึงแม้ในบางโครงการฯ จะยังไม่ตอบโจทย์ครบแบบ ๔ In ๑ ทั้งนี้ยังก็ปิเสธไม่ได้ว่าโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คือกระบวนการเรียนรู้ใหม่ที่เป็นช่องทางแห่งการบ่มเพาะ "นิสิตสู่การเรียนรู้และรับใช้สังคม" (จิตสาธารณะ) ได้อย่างไม่กังขา ..สอดรับกับปรัชญา (ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน) เอกลักษณ์ (มหาวิทยาลัยเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน) และอัตลักษณ์ของการเป็นนิสิต "มมส" (เป็นผู้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน) อย่างไม่ผิดเพี้ยน
...
เวที ลปรร.หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน (กลุ่มนิสิต)
๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๗
ณ กองกิจการนิสิต มมส.
ครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
ประเภทจริงจัง จริงใจ...
ช่วงนั้นเป็นช่วงผ่อนพักตระหนักรู้
พลอยให้ต้องนั่งคุมระบบเสียงเอง
เนื่องจากพลพรรคทั้งปวงมีภารกิจ...
ฝากความระลึกถึงเด็กๆ ด้วยนะครับ
มาร่วมชื่นชมโครงการดีๆเช่นนี้ ที่อยากให้ขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปค่ะ...
"จากประสพการณ์..ในชีวิต..ที่มีมา".. ทำให้เห็นได้ว่า(กับตัวเอง)...การเรียนรู้..การใช้ประโยชน์กับความรู้..(หากไม่ใช่เพียงเรียนรู้..เพื่อหาผลประโยชน์..แก่ตน.แต่ผู้เดียว..หรือเพียงปริญญา..เพื่อเป็นเพียงขวัญกำลังใจแด่ผู้ส่งเสีย)..การสร้างค่านิยามใหม่..ให้กับองค์ความรู่้การ..จัดสรรค์แบ่งปัน..ดึงความต่างระดับมาหารหาความเท่าเทียมกัน..ระหว่างเก่ากับใหม่..ไม่ยึดติดแต่เพียงทฤษฎี..หากปฏิบัติ..ควบคู่กันไป..ยอมรับ..กับ..ภูมิปัญญา..(ชาวบ้าน)...การศึกษาคือวงจรแห่งชีวิต..ไม่ใช่การเรียนรู้จบด้วยปริญญา..(ราคา..ของปริญญา..ที่เฟ้อไปกับค่าของเงิน..เยี่ยงปัจจุบัน)..น่าจะเป็นทางออกที่..น่าเป็นไปได้..ระหว่างผู้เรียน..ผู้สอน..ที่อ่อนล้าอยู่เวลานี้...กับผู้กำกับเวทีการศึกษาอยู่เวลานี้...
มาเป็นกำลังใจให้กับเวทีนี้..เจ้าค่ะ
.... น่าสนุก กับการเรียนรู้นี้นะคะ
เริ่มต้นด้วยแนวคิดดี ชีวีนิสิตก็ไปได้สวยแล้วค่ะ ^_,^
หากน้อง ๆ นิสิต สืบทอดกิจกรรมและความคิดดี ๆ นี้ต่อไป เชื่อว่า สังคมไทยจะน่าอยู่ขึ้นมากมายนะจ๊ะ
ครับ, พี่ใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ
ตอนนี้ หลายๆ โครงการกำลังขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ และบูรณาการกลับมายังชั้นเรียนอีกรอบ
หลายโครงการ พัฒนาไปสุ่การงานวิจัย - แลบะแผนการพัฒฯาในระดับจังหวัด
กำลังคิดและวางระบบสู่การเปิดวิชานี้โดยตรงเหมือนกัน
ครับ คุณยายธี
ทั้งปวงนั้น เรายึดมั่น "เรียนรู้คู่บริการ" เป็นหัวใจหลัก อันหมายถึง บูรณาการร่วมกันระหว่างความรู้ของมหาวิทยาลัยกับชุมชน มิใช่การแยกส่วน หรือจัดกระบวนการให้เห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับวิทยาการต่างๆ จากมหาวิทยาลัย
หลายอย่างยังต้องปรับแก้ ต่อไปครับ
กระบวนการเรียนรู้แบบทำไปเรียนรู้ไป คือสิ่งที่เรากำลังเรียนรู้..
ขอบพระคุณครับ
ครับ พี่ Dr. Ple
ผมเองก็พยายามแทรกกิจกรรมให้รื่นรมย์ครับ
นำวีดีทัศน์มาประกอบคั่นเวลา - ให้ผ่อนพักตระหนักรู้...
ฯลฯ...
เสียดาย ไม่ได้ทำกระบวนการเชิงปฏิบัติอย่างที่ควรจะเป็น
แต่จากการประเมิน ก็ถือว่า สอบผ่าน
นิสิตมีปฏิกริยาที่ดีกับการเรียนรู้
ครั้งต่อไป คงมีเวลามากกว่านี้ ครับ
ครับ พี่หมอ ธิรัมภา
กระบวนการเหล่านี้
เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการไปสู่ชุมชน
,ได้แต่หวังว่า นิสิตจะนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
หรืออย่างน้อยก็มีแรงบันดาลใจในการที่จะเรียนรู้อย่างมีคุณค่า
ทั้งต่ตนเองและสังคม ครับ
ครับ คุณมะเดื่อ
กิจกรรมเหล่านี้ คือการเปลี่ยนห้องเรียนจากมหาวิทยาลัยไปสู่ชุมชน
กระบวนการเรียนรู้เช่นนี้ คงช่วยให้นิสิตมีโลกทัศน์ที่ดีต่อการเรียนรู้และเติบโต
การได้ไปพบเจอสิ่งต่างๆ ในชุมชน คงพอให้นิสิตหวนกลับทบทวนตัวเอง-ทบทวนบ้านเกิด
การได้ไปเผชิญสถานการณ์จริงในชุมชนและกิจกรรม คงได้สร้างทักษะชีวิตหลายๆ อย่างได้เป็นอย่างดี ทั้งความเป็นทีม การวางแผน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฯลฯ
ขอบคุณครับ
ชอบกิจกรรมแบบนี้
ได้ทำกิจกรรมดีๆมากเลย
นิสิตได้ทบทวนตัวเองจากกิจกรรมด้วย