ผู้หญิงเราพออายุย่างเข้าไปใกล้ 50 ฮอร์โมนผู้หญิงก็จะเริ่มลดน้อยลง
ทำให้เกิดอาการหลายย่างตามมา
อาการที่สำคัญ ที่เราควรจะจัดการให้อยู่หมัด ก็คือ อารมณ์
อารมณ์ ที่หงุดหงิดง่าย ขี้น้อยใจ ไร้เหตุผล ต้องให้เกิดน้อยที่สุด
เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เสียสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
ทั้งต่อตนเองและต่อผู้ที่อยู่รอบข้าง
ผู้เขียนเอง ดูเหมือนจะเป็นคนอารมณ์ดี
แต่ความจริงแล้ว เป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิดไม่น้อย
ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว
พออายุมากขึ้น ก็พยายาม จะควบคุม เอาให้อยู่
เพราะ ผู้รับผลเรื่องเหล่านี้ มักจะเป็นผู้ที่รอบข้าง
ที่ทำงานก็น้อง บางครั้งกับหัวหน้าเลยทีเดียว
ที่บ้านยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะวีน เหวี่ยงได้เต็มที่
คิดไปคิดมา ก็นึกเห็นใจ
ยิ่งใกล้วันของเดือน ความหงุดหงิด ยิ่งเพิ่มทวีคูน
หมอเคยให้ฮอร์โมนมากิน แต่ยิ่งทำให้ หงุดหงิด มากขึ้น ต้องงดไป
เพราะยังไม่เหมาะที่จะกินในช่วงนี้ คุณหมอบอกอย่างนั้น
จึงต้อง สงบ สติ อารมณ์ให้ได้
ต้องยิ้มให้มากๆๆทั้งๆที่หงุดหงิด
หลีกเลี่ยงการพูด การปะทะ การต่อปากต่อคำ
เมื่อก่อนจะกิน โกโ้ก้เย็น ในช่วงเวลาเบรค
และมีช้อคโกแลต ไว้กินบ่อยๆ
เพราะมีผลงานวิชาการ บอกว่า ช้อคโกแลต ช่วยให้อารมณ์ดี
หลังๆอ้วนเอาอ้วนเอา เลยต้องงดไป
ยังไง ก็ไม่ได้ผล เท่า การปรับและควบคุมอารมณ์ให้ได้
คิดบวกและทำจิตใจให้เบิกบาน
หากอยู่บ้านก็จะนอนคุ้ดคู้ มันรู้สึกดีจริงๆ
โดยเฉพาะท่าทารกในครรภ์มารดา
พอผ่อนคลายลงบ้าง
ก็นอนหงาย ท่าโยคะ ที่เรียกกันว่า "ท่าศพ"
จะทำให้ รู้สึก สบายใจสบายกาย ได้เป็นอย่างดี
ท่านที่แวะเข้ามา หากมีวิธีการดีๆ
ช่วยแลกเปลี่ยนกันนะคะ
หากหงุดหงิดเอาให้อยู่นะคะ เจ้าอารมณ์ น่ะค่ะ
มันไม่ได้เกิด เฉพาะในวัยทองเท่านั้น
ใกล้วัีนของเดือน ก็เกิดอาการได้เช่นกัน
มาช่วยกัน เอาให้อยู่ กันนะคะ "เจ้าอารมณ์...เนี่ย"
ใช้วิธีเงียบ คะป้าแดง นั่งนิ่งในห้องนอนส่วนตัว ที่จัดแบบผ่อนคลาย ผ้าม่าน ผ้าคลุมเตียง ผ้าปูโต๊ะ ลายหวาน ๆ สีอ่อน ๆสบายตา กลิ่นของผ้าหอมอ่อน เปิดไฟพอสลัวๆ ฟังเพลงเบา ๆ แล้วจะดีขึ้นคะ
สวัสดีค่ะพี่ป้าแดง
พอดีเป็นคน หวานเย็น/ปูนิ่ม ดูเหมือนไม่ค่อยมีอารมณ์โกรธ หงุดหงิดกับใคร แต่ความจริงเป็นคนที่ซึมซับรับความรู้สึกรอบๆ ข้างเร็วมากค่ะ ไม่ค่อยโกรธ แต่ขี้หงุดหงิดแบบเงียบๆ
หากหงุดหงิดจะยิ้มไม่พูดไม่จาไม่ตอบ เดินเลี่ยงไปจากตรงนั้น ที่ชอบมากๆคือ "การเดิน" ค่ะ ยิ่งเดินใต้ต้นไม้ สูดอากาศดีๆ...หายเร็วมากๆๆค่ะ
pre mense
แก้ได้แน่นอน พี่แก้วผ่านมาแล้ว ที่สำคัญอย่ากินของเค็ม เพราะจะรู้สึกบวมและคัดตึงหน้าอก
จะทำให้หงุดหงิดมากขึ้น
555 พี่กับคุณป้าแดง เป็นคนคล้ายๆกัน แต่ตอนนี้พี่ได้ก้าวพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านอันแสนอธิบายยากมานานพอควร
วิธีการที่คุณป้าแดงใช้อยู่ก็ดีนะคะ อะไรก็ได้ที่ทำแล้วเรารู้สึกว่าไม่ทำให้สถานการณ์หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง ประเด็นก็คือ สังเกตตนเอง ฝึกหัดจิตใจให้คุ้นกับอารมณ์ที่ดีบ่อยๆ และฝึกสติควบคู่กันไป
สำหรับพี่นั้นพออารมณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นก็ใช้วิธีที่หลวงพ่อมิตซูโอะท่านสอนมาคืด หยุดพูด หยุดคิด หยุดทำ และเอาจิตใจของเรามาอยู่กับลมหายใจของตนเอง พี่ใช้ลมหายใจนี่ล่ะค่ะล้างพิษอารมณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้น ...หายใจเข้าลึกๆ...หายใจออกยาวๆ...คุณป้าแดงจะทำระหว่างนอนท่าศพ หรือนอนท่าทารกก็ได้ค่ะ หรือทำทันทีที่ระลึกรู้ว่ากำลังเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นแล้ว
แล้วมันก็จะผ่านพ้นไป เป็นของแน่นอนค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ทุกท่าน
แต่ละวิธีที่แลกเปลี่ยน ดีๆทั้งนั้นเลย
แต่เรื่องส้มตำ ไม่รู้จะทำได้ รึป่าวนะคะ แต่ก็พยายามจะเลี่ยงเค็มค่ะ
ขอบคุณมากมายค่ะ
รู้สึก สดชื่น ขึ้นเยอะเลยค่ะ
ผู้เขียนเอง ดูเหมือนจะเป็นคนอารมณ์ดี
แต่ความจริงแล้ว เป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิดไม่น้อย
ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว
พออายุมากขึ้น ก็พยายาม จะควบคุม เอาให้อยู่
สวัสดีค่ะ คุณป้าแดง (ขออนุญาต เรียกชื่อ แบบท่านอื่น ๆ นะคะ)
ขอบคุณ การแบ่งปัน ประสบการณ์ ให้เตรียมตัว นะคะ
งดงามครับ
เป็นบันทึก ที่งดงาม โดยแท้
"ยิ้มมากๆ ยิ้มทั้งที่หงุดหงิด..."
ไม่ธรรมดา จริงๆ
สวัสดีค่ะ ป้า แดง มาให้กำลังใจค่ะ