การพิจารณาความดีความชอบ : ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน


การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

การพิจารณาความดีความชอบ

                                                                                                                                 

              ารพิจารณาความดีความชอบในวงราชการถือเป็นการบำเหน็จรางวัลให้กับข้าราชการ          ที่ปฏิบัติงานประจำปี  ซึ่งเดิมจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน ปีละ 1 ครั้ง  โดยยึดปีงบประมาณ        เป็นเกณฑ์ จะมีข้าราชการที่ได้รับการพิจารณา 1 ขั้น และ 2 ขั้น สำหรับเป็นบำเหน็จตอบแทน                ผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมา  ซึ่งระยะเวลา 1 ปี รู้สึกว่ามันยาวนานที่จะได้เลื่อนขั้นแต่ละปี          แตที่จะลุ้นว่าปีนี้ถึงคิวใคร และหากผลออกมาตรงตามที่คาดกันไว้ก็จะมีเสียงยอมรับหรือยี้ตามมา

                ภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนให้มีการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงานประจำปี โดยให้มีการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ปีงบประมาณละ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 เมษายนของปี และครั้งที่ 2       ในวันที่ 1 ตุลาคมของปี และเปลี่ยนรูปแบบการพิจารณาให้มีการเลื่อนขั้น ครึ่งขั้น,  1 ขั้น และทำให้ทั้งปีจะมีผู้ที่ได้รับเงินเดือนครึ่งขั้น, 1 ขั้น, 1 ขั้นครึ่ง หรือ 2 ขั้น  ตามผลการปฏิบัติงาน หรือตัวแปรอื่น ๆ       แต่ทั้งนี้คงจะเกิน 2 ขั้นไม่ได้  สร้างความหวังให้กับข้าราชการเร็วขึ้น เพราะเวลา 6 เดือนนั้นรวดเร็วมาก เท่ากับว่าเงินเดือนจะได้เพิ่มอีกตามบัญชีแต่ละระดับที่ตัวเองมีสิทธิ

                ความดี กับ ความชอบ  เป็นคำที่แยกกันอยู่อย่างเห็นได้ชัด  บุคคลที่เคยเรียนผ่านหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2503  คงจำบทดอกสร้อยสุภาษิตบทหนึ่ง คุณครูให้ท่องจำก่อนเข้าห้องและก่อน      เลิกเรียนประจำวัน ความว่า

                                      “แมวเอ๋ยแมวเหมียว            รูปร่างปราดเปรียวเป็นหนักหนา

                      ร้องเรียกเหมียวเหมียวประเดี๋ยวก็มา    เคล้าแข็งเคล้าขาน่าเอ็นดู

                      รู้จักเอารักเข้าต่อตั้ง                              ย่ำค่ำซ้ำนั่งระวังหนู

                      ควรนับว่ามันกตัญญู                            คอยดูอย่างไว้ใส่ใจเอย”

 

                การพิจารณาความดี กับ ความชอบ  จึงมีความสัมพันธ์กับกลอนดอกสร้อยบทนี้ตรงที่ว่า       บุคคลโดยทั่วไปที่เลี้ยงแมวนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเลี้ยงไว้สำหรับจับหนูหรืออาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่น แต่หากจะแยกประเภทของแมวแล้ว สามารถแบ่งออกได้   4  ประเภท ประกอบด้วย

                           ประเภทที่1 จับหนูอย่างเดียว  อาจกล่าวได้ว่าเป็นหน้าที่หลักของแมวก็เป็นได้ ที่จะต้องทำหน้าที่ความเป็นแมว มุ่งมั่นที่จะทำงานให้สำเร็จ ล่าหนูที่มาทำอันตรายหรือรบกวนบ้านเรือน จับให้ได้มากที่สุด บ้านไหนที่ไม่มีหนูมารบกวน ต้องถือว่าเป็น “ความดี”ของแมว เหมือนข้าราชการที่อุสาหะทำหน้าที่ของตนตามบทบาทหน้าที่ งานสำเร็จดังที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย จึงได้รับการตอบแทนในการทำ “ความดี” พอสมควร

                ประเภทที่ /2 /เคลียแข้งเคลียขา  เป็นลักษณะพิเศษของแมวอีกอย่างหนึ่งที่แมวมี คือการใกล้ชิดเจ้าของ การทำตัวน่ารัก เคลียแข้งเคลียขา วิ่งนอนหนุนตัก ส่งเสียงร้องเหมียวๆ เมื่อเรียกให้เข้าใกล้ สายตาที่อ่อนช้อย หรือ กิริยาที่นุ่มนวล ก็จะเป็นที่รักของเจ้าของและหมายถึง “ความชอบ”ที่ตามมา ดังเช่นข้าราชการที่ทำตัวสุภาพ พูดจาอ่อนหวาน นุ่มนวล  สัมมาคารวะ จงรักภักดีและแสดงออกกับผู้บังคับบัญชาอย่างจริงใจ ก็จะได้รับ “ความชอบ”เป็นการตอบแทน

                ประเภทที่ 3 จับหนูแต่ไม่เคลียแข้งเคลียขา  เป็นแมวประเภทจับแต่หนูซึ่งเป็นหน้าที่หลัก ทำให้หนูไม่กล้าเข้ามาย่างกรายในบ้านหรือมาทำลายข้าวของ แต่ตนเองไม่เคยเสนอผลงานหรือคาบหนูมาให้เจ้าของได้ชื่นชมผลงานเลย จับได้แล้วกินหรือเอาซากหนูไปทิ้งไว้ที่อื่น เจ้าของไม่เคยได้เห็นผลงาน เปรียบเหมือนข้าราชการที่ทำงานในหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง ทำงานตรงเวลา งานไม่เคยช้า เสร็จตามกำหนด เป็นที่พอใจของผู้รับบริการ แต่ผู้บังคับบัญชาไม่เคยได้รับทราบผลการปฏิบัติงาน  ไม่มีการประชาสัมพันธ์ผลของงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ไม่ชอบให้เป็นข่าวเป็นประเภทปิดทองหลังพระ จึงเรียกข้าราชการเหล่านี้ว่า “มีความดี  แต่ไม่มีความชอบ”

                ประเภทที่ 4 จับหนูและเคลียแข้งเคลียขา  เป็นแมวประเภทที่มีทั้ง “ความดีและความชอบ” คือได้ทำหน้าที่ในการจับหนูอย่างดีแล้ว  กลับนำหนูที่จับได้มาให้เจ้าของได้เห็นผลงาน ได้เห็นถึงความชาญฉลาดปราดเปรื่องในการเป็นแมวที่มีหน้าที่จับหนูและคุ้มกับปลาย่างที่เจ้าของหามาให้แต่ละวัน และยังแสดงความน่ารักในการเคลียแข้งเคลียขา แสดงกิริยาน่าเอ็นดู จนเป็นที่ชื่นชอบแก่เจ้าของ ดั่งเช่นข้าราชการที่ทำงานเก่ง ใช้ความรู้ ความสามารถให้เป็นประโยชน์แล้ว ก็ประชาสัมพันธ์หรือรายงานผลการปฏิบัติ ให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ  และยังมีนิสัย มารยาทที่ดีงาม เป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชา จึงได้ชื่อว่า “มีความดีและความชอบ”

                การพิจารณาความดีความชอบประจำปี  จึงเหมือนหรือคล้ายๆกับการเลี้ยงแมว แมวประเภทไหนสมควรได้รับรางวัล หรือการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ  หากเปรียบเทียบกับการเป็นข้าราชการที่สมควรได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี หนึ่งขั้น หนึ่งขั้นครึ่งหรือสองขั้น           ก็แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นจะเป็น แมวประเภทไหน หากยังตัดสินใจไม่ได้ลองอ่านดอกสร้อยสุภาษิตอีกครั้ง และท่านจะประสบความสำเร็จกับการได้รับพิจารณาความดีความชอบและได้รับเลื่อนขั้นเงินเดือนในครั้งนี้

----------------------------

หนังสืออ้างอิง

                บูรชัย  ศิริมหาสาคร. 2540, ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นผู้นำ.  กรุงเทพฯ:

                           สำนักพิมพ์วันทิพย์.

               วีรวุธ  มาฆะศิรานนท์.2544, เล่าให้คิด.  กรุงเทพฯ : ธีระป้อมวรรณกรรม

 

หมายเลขบันทึก: 246155เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2009 00:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ขอบคุณค่ะท่าน  ไม่เจอกันตั้งนานนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • ไม่เคยคิดเรื่องความดีความชอบมาตั้งนานค่ะ
  • ตอนเป็นครูใหม่ ๆก็งง..ที่เห็นเขาขัดใจกันเรื่องนี้
  • ครูคิมไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะมาสำคัญหรือมีอิทธิพลต่อการทำงานค่ะ
  • ขอขอบคุณค่ะ

สวัสดีคะอาจารย์

เมื่อถึงเวลาพิจารณาความดี ความชอบทีไร ดูท่าทางทุกคนเคร่งเครียดมากโดยเฉพาะท่านหัวหน้าทั้งหลาย ว่าจะให้ใครดี ถ้าทำตามหลักเกณฑ์ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่มีปัญหาอยากให้อีกคน

สวัสดีครับ   รู้สึกแมวท่านน่ารักทุกตัวเลยนะครับ.......อิอิ.อิ  การพิจารณาให้เป็นภาพรวมขององค์กร น่าจะก่อให้การหลอมรวมพลังในการทำงานและเกิดคุณภาพของผลงานได้ดีกว่า  รักษาสุขภาพ ขอให้ท่านทำงานอย่างมีความสุข โชคดีครับ

  • ตามมาดู
  • ปกติเบื่อระบบ
  • ความชั่วมีความดีไม่ปรากฎแต่ได้สองขั้นครับ
  • ผอ สบายดีไหมครับ
  • ไปอ่านเรื่องคุณครูที่โดนยิง
  • เศร้าใจมากครับ

เรื่องสองขั้น  ผมชินชาไปแล้วละครับ

เราอยากเป็นแมวตัวที่ 1

ความจริงชอบแมวทั้ง 4 อย่าง แต่ชอบแมวประเภทที่ 4 มากทีสุด

สงสัยครูอ้อย จะเป็น ประเภทที่ 3 จับหนู แต่ไม่เคลียแข้งเคลียขา

cat เป็นแมวประเภทที่ 1

  • ตามมาขอบคุณครับ
  • รออ่านเรื่องการบริหารพื้นที่เขตครับ
  • อิอิๆๆๆๆๆๆๆ

ทำงาน "ราชการ"แต่เป็นแบบ "องค์การมหาชน" หลายเรื่อง เหมือนที่แตกต่าง

ขอบคุณที่ความเห็นครับ ขอบคุณจริงๆ

ชาญชัย อาจินสมาจาร

ผมรับราชการมาเป็นเวลา 26 ปี เป็นครูสังกัดมัธยมศึกษา 9  ปี เป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัย 16 ปี เคยได้สองขั้นครั้งเดียว เพราะเข้าไปถามคณบดีว่าทำไมผมจีงสอบเลื่อนเป็น ซี 5 ตก คณบดีบอกว่าตกสัมภาษณ์ ภายหลังให้ผมสองขั้น

ผมลาออกจากราชการแล้วไปสอนวิทยาลัยเอกชน แต่งหนังสือไปด้วย             ทุกวันนี้คุณเชื่อผมเถอะว่าความไม่เป้นธรรมมันมีมาก เพราะคนมันยังไม่พัฒนาจิตใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท