เช้าตรู่ของวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2551
ผมและทีมงานจำนวนหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังวัดป่าเกาะเกิ้ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อถวายภัตตาหารเช้า และสิ่งของเครื่องใช้อันจำเป็นในภาวะน้ำท่วม
วัดป่าเกาะเกิ้ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ของบ้านเกิ้ง ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม มีพระอาจารย์กมล อตตทโม เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งเพิ่งก่อสร้างขึ้นได้ไม่ถึง 4 ปี แต่ห้วงระยะเวลาอันสั้นนี้กลับเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งในมิติของการเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สถานที่การอนุรักษ์ป่า อนุรักษ์สัตว์ และนั่นยังรวมถึงการเป็นสถานที่เพาะบ่มและขัดเกลาเยาวชนให้ตระหนักถึงความผูกพันที่มีต่อบ้านเกิด
(แม่น้ำชี ..ทางเดินเรือที่เรือต้องแล่นตัดผ่านสายน้ำที่ไหลเชี่ยว)
เราใช้เวลาเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปยังท่าน้ำที่อยู่อีกฟากของวัดในราว ๆ เกือบครึ่งชั่วโมง
ในช่วงที่รอเรือยนต์เฉพาะกิจจากทางวัดข้ามฟากมารับนั้น พวกเราต่างสรวลเสเฮฮาถึงเรื่องราวนานาประการของชีวิต รวมถึงการเพ่งพินิจถึงท้องน้ำแห่งแม่น้ำชีที่ไหลบ่าเร็วและแรงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
และความเร็วของสายน้ำที่เคลื่อนไหลไปนั้น ยังผลให้ทีมงานของผมบางคนถึงขั้นออกอาการหวั่นหวาดที่จะนั่งเรือข้ามฟากไปกับเรา ซึ่งผมเองก็เข้าใจและเห็นใจเป็นที่สุด ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะถอนตัวออกจากการเดินทางในครั้งนี้
วัดเกาะเกิ้งเป็นวัดที่กำลังเติบโตอย่างช้า ๆ ...
ปัจจุบันมีพระจำวัดในเทศกาลเข้าพรรษา 4 รูป วิถีชีวิตของพระสงฆ์เน้นไปในทางปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด พร้อม ๆ กับการอนุรักษ์ป่าในชุมชน และการสร้างจิตสำนึกให้เยาวชนได้ตระหนักถึงบทบาทและสถานะของพวกเขาที่มีต่อความเป็นชาติและคนของท้องถิ่น
ปัจจุบันวัดดังกล่าวนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างบ้างแล้ว ในแต่ละเช้าจะมีญาติโยมนั่งเรือข้ามมาตักบาตรวันละไม่เกิน 4 – 5 คน บางครั้งนั่งเรือมากับพระที่ไปบิณฑบาตร แต่ส่วนหนึ่งเด็กวัด หรือแม้แต่พระหนุ่มก็จำต้องรับหน้าที่เป็นคนเรือเทียวรับเที่ยวส่งอยู่เป็นประจำ
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้ผมเห็นพ้องว่า ความศรัทธาของคนเรา มีพลานุภาพอย่างยิ่งใหญ่กับการขับเคลื่อนให้ชีวิตได้ทำในสิ่งที่ชีวิตศรัทธา ยิ่งในเรื่องราวของศาสนาแล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่า พลังศรัทธานั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องและสัมพันธ์กับความเป็นชีวิตของคนเราอย่างแสนวิเศษ
ขณะที่ผมเองก็อดที่จะถามตัวเองอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ว่า แล้วที่เรามากันวันนี้ล่ะ มันเกี่ยวเนื่องกับศรัทธาที่มีต่อศาสนาหรือไม่ หรือมาเพราะต้องการช่วยผู้คนที่กำลังเผชิญชะตากรรมจากภัยน้ำท่วมเท่านั้น
การเดินทางมาทำกิจกรรมในวันนี้ เรามากันเพียงไม่กี่คน หากแต่สิ่งของเครื่องใช้และข้าวปลาอาหารนั้น กลับมากมายอยู่มิใช่น้อย ยิ่งการเดินทางด้วยเรือที่ต้องแล่นตัดกับสายน้ำเชี่ยวเช่นนี้ ยิ่งพลอยทำให้หัวใจของผมคึกคักเป็นพิเศษ ประหนึ่งกำลังรู้สึกได้ด้วยตนเองว่า การงานอันใดก็แล้วแต่ที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก การงานนั้น ก็ยิ่งควรค่าต่อการลงมือทำเป็นที่สุด เฉกเช่นการทำบุญ ยิ่งลำบาก ก็ยิ่งน่าจะได้กุศลผลบุญมากขึ้นเท่าตัว ...
ผมคิดเช่นนั้นจริง ๆ
แต่มิใช่คิดเพราะต้องการปลอบประโลมใจตัวเอง หรือคิดเพราะว่าการทำงานในครั้งนี้ แท้จริงเป็นการเฝ้าฝันว่าจะเป็นบุญหนุนนำชีวิตของตนเองได้ก้าวไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีกว่าปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย แต่ความสัตย์จริงนั้น ผมและทีมงานทำกันด้วยใจ ปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือต้องการช่วยเหลือผู้คน (วัด) ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมเท่านั้นเป็นสำคัญ หรือในอีกมิติหนึ่ง ก็พยายามทำหน้าที่ในการเป็นสื่อกลางของการนำพา “ศรัทธา” หลากรูปลักษณ์ของผู้คนไปส่งให้ถึงจุดหมายปลายทางให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ - สิ่งที่ทำอยู่ในขณะนี้ จึงเป็นทั้งภารกิจและพันธกิจที่ผมแตะต้องและสัมผัสได้ด้วยตนเองว่า ผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ .. ทำแล้วสบายใจและมีความสุข ซึ่งไม่มีอะไรเคลือบแฝง หรือซ่อนเร้นไปมากกว่านี้เลยแม้แต่น้อย
ในเช้าของวันนั้น...
ขณะที่รอถวายภัตตาหารเช้า ผมถือโอกาสถลกขากางเกงขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากนั้นก็ตะลุยฝ่าน้ำที่ท่วมขังเข้าไปในบริเวณที่ตั้งของศาลาและกุฏิให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จนแล้วจนรอด ก็เข้าไปได้ไม่ไกลนัก เพราะระดับน้ำท่วมสูง พื้นดินใต้น้ำก็หล่มลึกลงเรื่อย ๆ ทำเอาผมสะดุ้งเป็นระยะ ๆ ... บางคราวก็ย่ำเหยียบเศษไม้และตอไม้ จนต้องร้องเสียงหลงด้วยอาการเจ็บแบบไม่อาย
และที่สำคัญ ในใจก็หวาด ๆ อยู่บ้างว่า จะมีงูเงี้ยวเลื้อยไล่มาบ้างหรือเปล่า เพราะที่นี่เป็นป่าโดยแท้ มิหนำซ้ำก็ติดกับฝั่งชี พลัดหลงและลื่นไหล ก็มีสิทธิ์ลอยลับไปกับแม่น้ำชีเป็นแน่ –
จากสภาพที่พบเห็นภายในบริเวณวัด แทบจะเรียกได้ว่า บัดนี้อาณาบริเวณเกือบทั้งหมด แทบจะกลายเป็นท้องน้ำไปจนสิ้น ... ศาลาและกุฏิสงฆ์ทุกหลังถูกน้ำท่วมขัง โรงครัวถูกทิ้งร้าง ขณะที่ไก่บ้านไก่ป่าหลายตัวก็ตะกายปีกไปเกาะตามต้นไม้สูงอย่างน่าเห็นใจ
ผมไม่รู้หรอกว่า ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนน้ำถึงจะลด และวัดถึงจะกลับคืนสภาพปกติได้ แต่ที่แน่ชัดที่สุดก็คือ หลังน้ำท่วมนั้น วัดแห่งนี้ต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างหนัก และขณะนี้ก็น่าเห็นใจอยู่มากโข เพราะยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ผมและทีมงานในนามมหาวิทยาลัยฯ กลายเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางฝ่าสายน้ำเชี่ยวนี้เข้าไปได้
(กุฏิสงฆ์ในสภาพถูกน้ำท่วม)
ก่อนเดินทางกลับออกจากวัดในวันนั้น
เราถวายปัจจัยเป็นเงินสดอีก 5,000 บาท โดยปรารถนาให้เป็นค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็ตามที่ทางวัดเห็นสมควร แต่ภายหลังพูดคุยกับพระอาจารย์กมลฯ แล้ว ก็ได้รับรู้ว่า ขณะนี้การก่อสร้างศาลาโรงครัวได้หยุดชะงักลง เพราะไม่มีทุนรอนที่จะสร้างต่อ และโดยความตั้งใจโรงครัวนี้จะใช้เป็นสถานที่ให้ญาติโยมมาพักอาศัยและจัดกิจกรรมในช่วงบุญกฐินที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2551
ผมกราบนมัสการถามพระคุณเจ้าอย่างตรงไปตรงมาว่า เฉพาะหลังคาทั้งหมดนั้น ต้องใช้งบประมาณสักเท่าไหร่ถึงจะแล้วเสร็จลงได้ ซึ่งท่านก็เปรยบอกว่าน่าจะไม่เกิน 20,000 บาท แต่ท่านก็ไม่วายบอกกล่าวอย่างเข้มแข็งว่า ถึงแม้จะยังไม่มีปัจจัยมาสร้างต่อเสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเลิกล้มบุญกฐินที่กำลังมีขึ้นอย่างแน่นอน
(โรงครัว หรือที่พักของญาติโยมที่หยุดชะงักเพราะขาดปัจจัยในการก่อสร้าง)
เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
บุญกฐินที่ว่านี้ เป็นกฐินแบบโบราณเลยก็ว่าได้ ทำขึ้นกันในวันเดียว เป็นกฐินสามัคคีที่ไม่เน้นวัตถุเงินตราเหมือนที่พบเห็นอยู่อย่างดารดาษ ซึ่งที่นี่จะนำผ้าขาวมาย้อมสีเป็นจีวรด้วยเปลือกไม้ที่มีอยู่ในบริเวณวัด จากนั้นก็จะร่วมแรงกันเย็บจีวรด้วยมือของแต่ละคน
เรียกได้ว่า นี่คือ "การว่ากันด้วยใจ... และใช้ศรัทธาเป็นเครื่องนำพาไปสู่วิถีบุญ" ซึ่งสะท้อนภาพวิถีความเชื่อความศรัทธาในศาสนาและความเป็นภูมิปัญญาที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ผมฟังเช่นนั้นก็อดปลื้มปีติไม่ได้ ...
นานและนานมากแล้วที่ผมไม่มีโอกาสได้พบเห็นวิถีกฐินแบบดั้งเดิมของคนเรา งานนี้จึงกลายมาเป็นวิถีแห่งใจที่ว่ากันด้วยศรัทธาและความพร้อมของแต่ละคนเป็นที่ตั้ง ซึ่งผมเองก็กราบนิมนต์ไว้ในทำนองว่า จะนำนิสิตเข้ามาร่วมเรียนรู้ในวิถีกฐินนี้อย่างแน่นอน ... ต่อให้น้ำยังไม่ลด ”เราก็จะมา...”
และที่สำคัญก็คือ ถ้าเป็นได้ บางทีเงินที่เหลืออีก 15,000 นั้น ทั้งผมและทีมงาน อาจขันอาสานำพาปัจจัยมาสมทบอย่างเต็มที่เท่าที่เราจะทำกันได้ ....
แต่ถ้ามิ่งมิตรท่านใด ปรารถนาจะร่วมเป็นเจ้าภาพในกฐินโบราณนี้ด้วยรูปแบบใด ๆ ก็แล้วแต่ ทางผมก็ยินดีที่จะเป็นผู้แทนในการทำหน้าที่นำพาศรัทธาของท่านไปให้ถึงจุดหมายอย่างไม่ตกหล่น
สำหรับผมแล้ว.. เมื่อพบเจอภาพชีวิตต่าง ๆ ณ ที่ตรงนี้ ผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ทางเดียวที่จะทำในสิ่งที่คิดว่าต้องทำสำเร็จได้ นั่นก็คือ "เอาใจนำพา..เอาศรัทธานำทาง" พร้อม ๆ กับการรำพึงรำพันกับตัวเอง ว่า “กฐินโบราณ ...ความทรงจำที่ผมเกือบลืมไปเสียสนิท”
สวัสดีค่ะ ขอเป็นกำลังใจในการทำงานเพื่อชุมชนน่ะค่ะ
โอโหน้ำท่วมมากเลย ...มาสาธุๆๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
ขอร่วมอนุโมทนาบุญและร่วมเป็นกำลังใจในการทำงานของคุณแผ่นดินด้วยคนค่ะ...
แวะมาเยี่ยมชมภารกิจสำคัญของอาจารย์ครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
สุขภาพอาจารย์ดีขึ้นแล้วหรือยังคะ
ขอให้อาจารย์และครอบครัว มีความผาสุกนะคะ
กุศลผลบุญท่วมท้นด้วยความดีงามค่ะ
ขอร่วมอนุโมทนาบุญค่ะ
เห็นนำท่วมแล้วใจหาย เป็นกำลังใจค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
มาทักทายค่ะพี่แผ่นดิน น้องแดนสบายดีนะค่ะ
น้ำท่วม ก็ยังดีที่มีน้ำใจของคนหลายๆคน
สวัสดีครับอาจารย์
ผมว่าคนเราถ้าอยากหรือตั้งใจทำด้วยตัวเอง
คือทำด้วยความรักและความศรัทธานะครับ
แบบนี้ทำแล้วสุขใจ
ทำได้เท่าไร แค่ไหนเป็นอีกเรื่องครับ
ขอให้มีความสุขครับอาจารย์
อนุโมทนาครับ
เห็นอย่างนี้แล้ว ก็นับถือพระท่านนะคะที่ทนลำบาก ไม่สิ ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรที่เห็นพระท่านต้องอยู่ในภาวะแบบนั้น ไม่ใช่แค่ที่นี่ มาคิดหาเหตุผลให้ตัวเองก็สรุปว่า พระคือตัวแทนของศาสนาที่จะช่วยพยุงศรัทธาของชาวพุทธให้อยู่ต่อไป ไม่เสื่อมสลายไปกับวัฒธรรมอันแปลกปลอมที่เข้ามากลืนสังคมไทย
ตัว ญ.ปุ้ย เป็นคนที่นับถือศาสนาคริสต์ค่ะ เพราะทางแม่ถือมาตลอด แต่พ่อเป็นชาวพุทธ ตัวเองก้อเลยไปได้ทั้งสองทาง มีคนว่าบาป... แต่ตัวเราทำแล้วสบายใจก้อเลยพยายามไม่คิดมาก
เอาศรัทธานำทาง...ฟังแล้วดูจะทำให้หลายคนอยากเข้าไปช่วย ยังไงก้อสู้ๆ นะคะ ขอส่งแรงใจแล้วกันนะ อยากติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุด เชื่อว่าคุรแผ่นดินคงจะมาเล่าอีกแน่ๆ
แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ
สวัสดีครับ แผ่นดิน
สวัสดีครับ
ผมมาช่วยเป็นกำลังใจครับ
ตอนนี้ผมกำลังฝึก รด.ที่ขอนแก่น
ขอให้ได้บุญมากๆนะครับ
ผมจะนำมาเป็นแบบอย่างครับ
สวัสดีคับ พี่ นัส....... ตี๋ เอง คับ ผม เอาคลิป วีดีโอ มระมวลภาพ น้ำท่วม มาฝากคับตัดต่อเองคับ ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเข้ากลับเนื้อหาของพี่ใน บอร์ดนี้คับ ยังไง ก็ ลอง เปิดผ่าน URL เลย นะคับ http://video.mthai.com/player.php?id=11M1224148933M0
สั้นๆ คับ....3-5 นาที ประมวลภาพ และความรู้สึกของ ผู้ ร่วมบริจาค คับ ฝากไว้ด้วยคับ....
ยังไง ถ้า ไม่ถูกใจ หรือ มันรบกวน บอร์ด พี่แล้ว ก็ ลบได้เลยนะคับ
นิสิต ช่วยงาน ..........อิอิ
อ่านแล้วให้ความรู้สึกที่ดีมากๆเลยค่ะ เอาใจนำพา เอาศรัทธานำทางโดยไม่ต้องอธิบายอะไรอีก อยากให้คนไทยทุกคนกลับมาเป็นคนไทยเหมือนเดิมค่ะ
สวัสดีครับ คูณ สุนันทา
ผมเพิ่งกลับจากการเดินทางอันยาวนาน และวันที่ 9 - 10 พ.ย.นี้ก็คงได้ลงพื้นที่ไปร่วมกฐินโบราณด้วยตนเองอีกรอบ.
ขอบคุณครับ