โค้ชส้ม Citrus
Miss. ปรีดิ์ฤทัย โค้ชส้ม ตั้งจิตญาณพัฒน์

เรียนรู้การสร้างสมดุลชีวิต ด้วยศิลปะ ที่บริษัท The Three Worlds Creator


สัญญาไว้นานแล้วว่ากลับมาจะเล่าเรื่องที่ไปเรียนรู้สมดุลชีวิตด้วยศิลปะ

 

จุดเริ่มต้น

 

     ทำไมจึงเลือก The Three Worlds Creator บริษัทนี้เราค้นพบจากการอ่านวารสาร Go Training เป็นวารสารที่คนทำงานด้านการพัฒนาคน พัฒนาองค์กรควรอ่านอย่างยิ่ง  บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากร บริหารองค์กร สิ่งที่บริษัทนี้นำเสนอ แล้วกระตุ้นต่อมการเรียนรู้ของเรา ก็คือ การใช้กิจกรรมศิลปะ และสุขภาพ มาช่วยเหนี่ยวนำให้เราค้นหาเรียนรู้เข้าถึงจิตวิญญาณของตัวเอง เน้นการปรับเปลี่ยนความคิดจากภายใน ซึ่งตรงกับเรื่องที่เรากำลังให้ความสนใจ เพราะแนวคิดการพัฒนาคนและองค์กรคือการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และควรเริ่มในระดับบุคคล พวกเราหลายคนเคยผ่านกระบวนการอบรมของสุนทรียสนทนา ซึ่งแนวคิดคล้ายกัน แต่The Three Worlds Creator จะเหนี่ยวนำด้วยการทำกิจกรรมด้านศิลปะ ซึ่งเรามองว่าน่าจะนำมาช่วยเสริมได้

 

 

 

วันที่รอคอย

 

 

เช้าที่ไปถึงทุลักทุเลพอควร เพราะหลงทาง สมาชิกไปถึงไม่พร้อมกัน ตอนที่เราไปถึงเห็นสมาชิกบางคนที่ไปถึงก่อนเริ่มละเลงสีน้ำ เขียนเป็นป้ายชื่อตัวเอง เออ มันแปลกดีนะ อ้อ ลืมบอกว่าตอนไปถึงต้องเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าสานด้วยใบลานมั้ง เหมือนไปบ้านเพื่อนเลย อลังการกว่านั้นก็คือน้ำสมุนไพร 5 สี ซุปมะเขือเทศที่ปรุงด้วยเตาถ่านใช้เวลาทำเป็นวัน บวกกับครัวซองตัวเล็กเนื้อนุ่ม พวกเราหลายคนตื่นเต้นกับสถานที่ ของกิน และเพลินกับการทำป้ายชื่อด้วยฝีมือตัวเอง จนเกิดภาวะปั่นป่วนสนุกสนานเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ออกมาทำงาน

        หลังจากพวกเรามาพร้อมกันเริ่มกิจกรรม ร้องเพลง 3 เพลงก่อน ชื่อ เพลงยามเช้า ฉันชอบดูภูเขา และบ้านแสนสุข เนื้อเพลงพร้อมทั้งจังหวะ ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายที่ได้เปิดปากกว้างๆ  และมีเปียโนเล่นประกอบให้เราจับจังหวะของโน้ตได้ง่ายขึ้น การร้องต้องแบ่งเป็นทีมร้องพร้อมกันบ้าง แบ่งเป็นท่อนบ้างแต่ต้องจบพร้อมกัน จุดเรียนรู้ของการร้องเพลงคือ ไม่ใช่แค่การเปล่งเสียง แต่ต้องฟังคนอื่น ดูปากคนอื่นด้วยว่าร้องไปถึงไหนแล้ว หลายคนชอบกิจกรรมนี้เพราะง่ายในการที่เราจะนำไปใช้จัดกิจกรรม ต่อในบริษัท แต่อาจจะต้องหาคนเล่นดนตรี  ช่วงที่เราเบรกทุกช่วงจะมีเสียงเปียโนขับกล่อมตลอดเวลา

        เสร็จจากร้องเพลงเป็นเบรกเช้าด้วยการนั่งล้อมวงกินเมี่ยงคำสามัคคี มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่มุ่งมั่นจริงจังกับกิจกรรมนี้เป็นพิเศษ ไม่ต้องบรรยายมาก ดูจากภาพดีกว่านะคะ

 

 

        กิจกรรมต่อมา ต้องใส่เอี๊ยมสีน้ำตาลกันเปื้อนยืนประจำจุดอุปกรณ์ที่วางไว้ สำหรับการละเลงสี แบบ wet on wet กระดาษที่ใช้ระบายสีต้องนำไปแช่น้ำก่อน โจทย์ที่ให้คือให้ระบายสีแดงด้วยพู่กันลงกลางกระดาษก่อน แล้วจึงตามด้วยสีน้ำเงินทางด้านขวา และสีเหลืองด้านซ้าย จากนั้นแต่ละคนสามารถละเลงสีตามใจชอบแต่ต้องให้สีทั้งสามคุยกันและระบายให้เต็มแผ่น อย่าให้มีที่ว่างเหลือขาวๆ  ผลงานแต่ละคนต่างกันแม้จะให้โจทย์เดียวกัน

        ศิลเปรอะอย่างพวกเราก็ต้องไปดูผลงานของคนอื่นด้วย แล้วกลับมาปรับภาพของตัวเอง จากนั้นนำมาวางเทียบกัน 24 แผ่น จัดเรียงลำดับ ตัวแทนที่เข้าไปช่วยจัดใช้วิธีเรียงสีที่ฉูดฉาดร้อนแรงเป็นอันดับแรก ไล่มาจนอ่อนสุด

        การสะท้อนบทเรียนครั้งนี้ มีความลึกซึ้งที่ต้องค้นหาเพิ่มเติม เพราะสามารถสะท้อนถึงอารมณ์ของเจ้าของภาพโดยดูจากสีที่ใช้ ความหนักของสีที่ลง เช่นใช้สีแดงมากแสดงถึงพลังที่ปลดปล่อยออกมามีเหลือเฟือ หรือบางคนอาจจะชอบความสดใสของสีแดงเพราะไม่ชอบความอึมครึมหมองเศร้าของสีน้ำเงิน สีเหลืองสะท้อนจิตวิญญาณ ช่วยสร้างสมดุลให้สีแดงกับน้ำเงินด้วย  นอกจากนั้น อ.ชินรินี สะท้อนในแง่ของการจัดเรียงลำดับภาพ ถ้ามีคนจัดอันดับเราอย่างนี้ เราจะพอใจหรือไม่ คำตอบก็มีหลากหลาย ที่ไม่ชอบก็เพราะ เกณฑ์การเรียงลำดับมีหลายแบบ  คนที่มาจัดอันดับเราอาจใช้เกณฑ์ต่างกัน เราก็จะอยู่ในลำดับที่ไม่เหมือนกัน มีคนเอาไปเทียบกับการ

ประเมินผลงานก็มี คิดไปไกลแต่กลับมาใกล้ตัว จากกิจกรรมนี้ทำให้เราอยากไปเรียนวิธีอ่านผล

      ต่อมา อ.เริ่มพูดถึง Seven Life Process โดยนำกระบวนการทำงานของร่างกายบางอย่างมาเทียบเคียงกับเรื่องของการเรียนรู้สิ่งใหม่

 

  1. Breathing = Taking in ขั้นตอนนี้คือการรับของใหม่เข้าไปเหมือนการหายใจ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นการเรียนรู้ คนจะรับเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็นประโยชน์อะไรสักอย่างต่อตัวเรา (What’s in it for me)
  2. Nourishing = Assimilating พิจารณาว่าสิ่งนั้นช่วยจรรโลงใจเราไหม จะเกิดประโยชน์อะไรกับตัวเราได้บ้าง
  3. Secreting = Sorting Individualizing เมื่อซึมซับเข้าไปแล้ว จะจัดเรียงว่าฉันจะเลือกอะไรไว้ ฉันจะไปไหนต่อ
  4. Nourishing = Practicing เริ่มนำมาปฏิบัติเพื่อเก็บสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว ไว้กับตัวเอง
  5. Growing = Growing faculties ขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผ่านการปฏิบัติจนเกิดการเรียนรู้ แบบ first hand knowledge
  6. Creating = Creating something new  เกิดความคิดใหม่ สิ่งใหม่ ผ่านการเรียนรู้ ไม่ download วิธีการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ
  7. Warming = Relating เป็นขั้นการปรับสิ่งที่รับเข้าไปให้เข้ากับตัวเอง โดยพยายามทำความเข้าใจ

       เป็นไงบ้างคะ  ตอนอาจารย์อธิบาย งงเหมือนกันค่ะ ต้องกลับมาย่อยต่อช่วงบ่าย ตอนฟังไม่ get เท่าไร ต้องพยายามนำมาเทียบเคียงกับการเรียนรู้  อ.บอกว่า เหมือนที่เรามาเรียนรู้กันทั้งวัน ตอนสรุป เราต้องทำ action plan ว่าเราจะนำสิ่งที่เรียนรู้กลับไปทำอะไรได้บ้าง ซึ่งบางทีแค่วันเดียวอาจเร็วไปที่จะผ่านมาถึง step ที่ 7 ได้ การเดินทางของแต่ละคนคงเร็วช้าไม่เท่ากัน

      เวลาที่รอคอยก็มาถึง อาหารมื้อกลางวันที่ผ่านการปรุงและตกแต่งอย่างละเมียดละไม  พวกเราก็เพลินกับรสชาติและความแปลกของรายการอาหาร เช่นเคย เสร็จจากอาหารจะไปล้างเท้าด้วยน้ำส้มป่อยที่อยู่ในโอ่งดินข้างบ้าน แล้วก็ไปนอนสุมเท้า สุมตา ก่อนสุมจะได้น้ำมันงาอุ่นๆ มานวดเอว ก่อน นวดเท้าซ้าย ตามด้วยนวดเท้าขวา  แล้วจึงเอาสำลีเย็นๆ มาพันที่นิ้วโป้งเท้าซ้าย และตามด้วยด้านขวา จากนั้นเข้านอนประมาณ 15-20 นาที ไม่ต้องบรรยายคงพอนึกภาพออกนะคะ ว่าผ่อนคลายแค่ไหน อิอิ

 

       ช่วงบ่ายเป็นการปั้นดิน มี 3 แบบ ช่วงแรกให้ปั้นเป็นก้อนกลม จากนั้นแปลงดินก้อนนั้นเป็นไข่ สุดท้ายเป็นรูปอะไรไม่รู้เหมือนส่วนหัวของกระทิงบ้าง แมวบ้าง อ.ไม่ได้บอก แค่ให้ปั้นแล้วเอานิ้วโป้งของสองมือวางระหว่างช่องว่างหูที่ยื่นออกมาได้พอดี โดยฝ่ามือสองข้างสัมผัสส่วนโค้งกระชับมือ  การปั้นดินแต่ละช่วงจะมีการส่งผลงานของเราไปให้เพื่อนทางซ้ายมือบ้าง ขวามือบ้าง คนที่รับก้อนดินมาต้องบอกความรู้สึกอุ่น หรือเย็น เห็นผลงานของเพื่อนหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ละช่วงของการปั้นดินรูปร่างต่างกัน ทำให้เราสะท้อนบทเรียนออกมามากมาย เช่น ระหว่างปั้นเราอยู่กับตัวเองไหม ความคิดอะไรผุดขึ้นมาบ้าง ส่งผลต่อผิวดิน และรูปทรงของดินที่เราปั้นไหม  ปั้นรูปไหนยากสุด โดยส่วนตัวแล้วขณะปั้นเราส่งผ่านพลังงานในตัว ความคิด ความรู้สึกไปที่ก้อนดิน ทำให้คลายความเครียดได้เหมือนกัน

 

       รูปร่างสุดท้ายยากที่สุด และตอนที่เราวางนิ้วได้พอดี พอส่งให้เพื่อนก็ไม่ได้แล้ว ใหญ่ไปบ้าง เล็กไปบ้าง ผลงานของบางคนไม่สมดุล ไม่สมมาตร สะท้อนออกมาได้หลายแง่มุม  เราอยากทำให้สวย ให้สมดุล แม้พยายามดูอาจารย์ ดูเพื่อนก็แล้ว ยังทำได้ไม่เหมือน ถ้าอยากทำงานให้ดี ก็ต้องไปถามเทคนิคแบบใกล้ชิด แม้แต่ตอนลงมือปั้น เราใช้ทั้งฝ่ามือ กับใช้แค่ปลายนิ้ว ความรู้สึกที่ได้ก็ต่างกันแล้ว นำไปเปรียบกับการทำงาน ที่ลงมือทำกับการชี้นิ้วสั่ง คนที่ลงมือจะรู้รายละเอียดของงานมากกว่า

(เนื่องจากมือเปื้อนดินอย่างหนัก เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดูกันมากนักค่ะ)

 

    

     ารบรรยายช่วงสุดท้าย เป็นการพูดถึงสมดุลของชีวิต ในด้านปัจเจกบุคคล กับการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น หรือการทำงานหาเงิน ถ้าเราให้ความสำคัญแต่เรื่องนี้โดยสนใจที่จะดูแลตัวเองน้อยลง ชีวิตก็จะขาดความสมดุล การใส่ใจตัวเองต้องพิจารณาถึงอิสระในการคิดและทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ซึ่งส่งผลถึงการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่  และในการทำงานก็ควรจะทำประโยชน์ให้ส่วนรวมบ้าง พร้อมทั้งแบ่งปัน ความรู้ ทักษะให้เพื่อนร่วมงาน หรือสิ่งอื่นที่สามารถแบ่งปันได้ ก็จะทำให้แต่ละคนร่วมกันสร้างผลงานออกมาได้

 

      สรุปภาพรวมตอนสะท้อนบทเรียนประมาณห้าโมงเย็น พวกเราได้พูดทุกคน แต่ละคนก็ชอบกิจกรรมโดยภาพรวม และมีกิจกรรมในดวงใจแตกต่างกันไป ไม่เว้นแม้แต่รายการอาหาร การทำป้ายชื่อ การเปลี่ยนรองเท้า บรรยากาศการต้อนรับ ทุกสิ่งที่สัมผัส ทำให้เห็นว่าผู้จัดคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละคน รวมทั้งเคารพในความเป็นปัจเจกบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ถ้าเราไปจัดกิจกรรมด้าน soft side ต้องใส่ใจเรื่องเหล่านี้ด้วย บทสรุปสุดท้ายคือ กิจกรรมศิลปะที่นำมาใช้เป็นตัวเชื่อม Thinking, Feeling และ Willingให้เกิดความสมดุล

    ฉากท้ายสุดทุกคนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนยืนล้อมวงกันเพื่อขอบคุณใคร อะไรก็ได้   ไม่น่าเชื่อพวกเราสนใจเรื่องอาหารกันมาก จนไปขอลายเซ็นเช็ฟชายหนุ่มรูปหล่อกันใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ราชนิกูลพี่หนึ่งของพวกเรา ก็อยากมาเรียนทำอาหารเพื่อสุขภาพสร้างสมดุลธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ  แม่บ้านทำความสะอาด พนักงานบัญชี แม่ครัว เจ้าหน้าที่ทุกคนมาร่วมวงขอบคุณกันด้วย ไม่เคยเจอบรรยากาศแบบนี้เหมือนกันค่ะ

       โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าผู้ที่มาร่วมกิจกรรมคงได้รับความสุขทางกาย ทางใจกันมาก แต่กิจกรรมบางอย่างก็อาจจะนึกไม่ออกว่าจะนำไปใช้ต่ออย่างไร  เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการจัดครั้งนี้ อยากให้คนที่มาร่วมกิจกรรมได้อยู่กับตัวเอง เรียนรู้จิตใจตัวเองผ่านกิจกรรมศิลปะ และเปิดโอกาสให้รู้จักกิจกรรมใหม่ๆ กันบ้าง หากสนใจจะนำไปใช้ คงต้องศึกษาเพิ่มเติมตามสไตล์ที่ถนัด สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 216560เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

1. โก๊ะจิจัง แซ่เฮ~natadee ที่สุดในแก๊ง

ขอบคุณน้องสาวหน้าตาดีอีกคนค่ะ ที่นำของมาฝากด้วย น่ารักมากๆ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แอบเห็นใน blog พ่อครูบาเหมียนกัน

1. โก๊ะจิจัง แซ่เฮ~natadee ที่สุดในแก๊ง

ขอบคุณน้องสาวหน้าตาดีอีกคนค่ะ ที่นำของมาฝากด้วย น่ารักมากๆ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แอบเห็นใน blog พ่อครูบาเหมียนกัน

สวัสดีค่ะ หายไปไหนรึป่าวคะ ไม่ค่อยได้อ่านเลยค่ะ วันนี้โชคดีจังเลย...สบายดีไหมคะ

สวัสดีค่ะ คุณ Paula

ดีใจที่ได้พบกันอีกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ พออ่านที่คุณ Paula เขียน รู้สึกปลื้มใจมากที่มีคนคิดถึงค่ะ

ช่วงนี้ยังมีภารกิจเกี่ยวกับตัวเอง เยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีโอกาสนั่งใคร่ครวญ และเขียนค่ะ

เด๋วจะเล่าให้ฟังตอนต่อไปค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท