ก่อนที่กระแสการเลือกตั้ง กระแสการแข่งขันทางการเมืองจะจางหาย ขอใช้พื้นที่G2K เขียนบันทึกที่ร่วมสมัยสักบทหนึ่งครับ
ผู้บันทึกได้มีโอกาสสนทนากับพี่สาวชาวผู้ไทดงหลวง (หลายท่านที่ไปร่วมงานเฮฮาฯดงหลวงคงจำเธอได้ พี่สาวคนที่ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนกันเราในคืนเดียวกับพ่อๆสหายคนนั้นแหละครับ)
ในขณะที่ผมชื่นชมระบบพ่อล่ามของชาวผู้ไทที่เป็นพี่เลี้ยง เป็นที่ปรึกษาให้ระบบครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ดังที่ผมได้เขียนไว้ในบันทึกเรื่อง พ่อล่าม หมอใช้ ของชาวผู้ไท และชาวบรู นั้น
ผมกลับได้รับทราบข้อมูลจากมุมมองของเนื้อแท้ตัวจริงของชาวผู้ไทเอง ข้อมูลที่ว่า ระบบพ่อล่ามในปัจจุบันมีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในเวทีเลือกตั้ง (ระดับท้องถิ่น)
ดังปรากฏว่าในสังคมชาวผู้ไท(บางแห่ง) ทุกวันนี้ หากใครได้เป็นพ่อล่ามบ่อยๆ มีลูกล่ามหลายๆครอบครัว ไม่ว่ามีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ส.อบต. ครั้งใด หากท่านผู้นั้นลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วละก็ รับรองว่าชนะการเลือกตั้งแน่นอนแบบนอนมาครับ
นี่สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ทางสังคม มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเลือกตั้งในสังคมไทยเราอยู่ครับ
เมื่อมองกว้างออกไปถึงความสัมพันธ์ทางสังคมในรูปแบบอื่นๆ ทั้งในระนาบเดียวกัน ได้แก่ การผูกเสี่ยวทางภาคอีสาน ภาคเหนือ ระบบเกลอทางภาคใต้
หรือความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง ระหว่างไทบ้านกับ นาย หรือเถ้าแก่ ที่เคยมาสนับสนุน มาทอดกฐินผ้าป่า มาให้เต็นท์ให้โต๊ะแก่กลุ่มแม่บ้าน มามอบเสื้อมอบปัจจัยสนับสนุนกีฬาเยาวชน มา.....ฯลฯให้มีเงินสดหมุนเวียนในชุมชนมากๆ อย่างนี้เป็นต้น (อันนี้ผมกล่าวพาดพิงครบทุกพรรคแล้วนะครับ...ไม่ได้ลำเอียง)
จะเห็นว่าปัจจัยความผูกพันทางใจของสังคมไทย ยังมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกผู้แทน มากกว่านโยบายของพรรคการเมืองอย่างเห็นได้ชัดครับ
เมื่อเช้าผมนั่งแท็กซี่จากสถานีขนส่งหมอชิตมาที่พัก(ตอนนี้เป็นคนกรุงฯครับ) พี่คนขับชวนคุยเรื่องเลือกตั้ง ผมตอบไปกลางๆว่า “ผมเป็นคนเชียงใหม่ครับพี่” (แต่ไม่ได้พูดต่อไปว่า "เจียงใหม่ใจขบถครับ แหะๆ"เมื่อพี่เขาถามผมว่า “เจ้าเลือกไผ” ดูท่าทางพี่เขาพอใจแกมงงๆที่เจ้าคนเจียงใหม่แม่นหยังเว้าลาวสำเนียงข่ามุกดาหาร
พี่เขาบ่นถึงผู้โดยสารกลุ่มก่อนหน้า ที่พูดกระแนะกระแหนกับการตัดสินใจเลือกผู้แทนของ ชาวอีสานชาวเหนือ
แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่าผมเข้าใจ ผมเคารพการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานบริบทในระบบอุปถัมภ์ของสังคมไทย ที่เป็นไปเป็นมาอย่างธรรมชาติเช่นนี้มาอย่างช้านานแล้วครับ
คิดอย่างนี่แล้วสมานฉันท์ดีครับ
สวัสดีครับคุณ paleeyon
ทุกบริบทของไทยมีระบบอุปถัมภ์ ซึ่งบางแห่งก็มากเกินไป ผมเคยพยายามต่อสู้ก็ไม่เป็นผล หนีดีกว่า แต่ไปอยู่ตรงไหน ๆ ก็เจอครับ ทุกวันนี้ปล่อยแล้วครับช่างมัน...แต่อย่ามายุ่งกะฉัน...รู้สึกสบายใจดี....
ขอบคุณครับ
วันนี้แว่เข้ามาแอ่วอ่านเรื่องราวซะป๊ะน่าสนใจ๋ม่วนดีเน้อหมู่เฮา...ใกล้ปี๋ใหม่ก็เลยฝากกะโลงมาปั๋นปอนปี๋ ๒๕๕๑ หื้อหมู่เฮาครับ....
ปี๋เก่าลุล่วงแล้ว ลับลา ล่วงเลย
ปี๋ใหม่แก้วจั่กมา เตี้ยงแต๊
ขออายุหมั้นทีฆา ยาวยืน ยิ่งเอ่
กึ๊ดสิ่งใดมุ่งแม้ มาดได้ดั่งหมาย
ด้วยความปรารถนาดีจาก....ลุงหนาน
พรหมมา
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณเปลี่ยน
มีใครสักคนเล่าให้ฟังว่า ...เขาได้ยินนักการเมือง 2 คน บอกกันว่า "เฮ้ย...เองด่าข้าในที่ประชุมสภาฯ มั่งซิ ข้าจะได้ใช้สิทธิพาดพิง ขึ้นพูดมั่ง ไม่พูดอะไรเดี๋ยวประชาชนลืม หาเสียงคราวหน้าเดี๋ยวสอบตก"
เคยเห็นนักการเมืองที่ด่าๆๆ กัน แล้วก็มาจูบปากกัน เห็นเคยอยู่กลุ่มนั้น แล้วไปอยู่กลุ่มนี้ เคยเห็นด่ากันไป ด่ากันมา ไม่มีใครดีสักคน
ทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับนักการเมืองมากมาย..... ก่อให้เกิดความไม่ชอบการเมืองการอย่างมาก...ภาพพจน์ของการเมืองคือผลประโยชน์...การเมืองในองค์กร ก็คือการกระทำใดๆที่ก่อประโยชน์แก่พรรคพวกมากกว่าส่วนรวม....ไม่ทราบเข้าใจผิดรึปล่าวนะคะ
ปีใหม่นี้ขอให้คุณเปลี่ยนมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีความสุขมากๆ ดูแลตัวเองให้เยอะๆ นะค่ะ