ใครที่รู้จักมักคุ้นกับผม ก็จะรู้กันว่าแท้จริงนั้น ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม ... ไม่สันทัดกับงานสังสรรค์ แสดงออกซึ่งอารมณ์อันบันเทิงไม่ค่อยเก่ง ชอบอยู่อย่างสมถะ อีกทั้งยังดูห้าวห้วน, ตรงและกระด้าง และดูผิวเผินประหนึ่งมีกำแพงกั้นระหว่างผมกับคนอื่นอย่างแน่นหนา
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก หากจะมีใครสักคน หรือแม้แต่หลายคนที่ยังเข้าไม่ถึงอาณาจักรแห่งตัวตนของผมจะพร้อมใจกันวิพากษ์ถึงตัวตนของผมในทำนองว่า ผมเป็นคนที่ขาดทักษะการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Human skill) อยู่มากเลยทีเดียว
หากแต่ในอีกมุมหนึ่งอาจดูตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด เพราะผมมักที่จะขลุกตนอยู่กับงาน และชอบที่จะทำงานเพื่อสังคมอยู่อย่างบ้าระห่ำ และมี “ใจ” ให้กับใคร ๆ อย่างถึงไหนถึงกัน
และจากสภาพจริงเช่นนี้ หลายคนถึงกลับหลุดปากบอกกับผมอย่างอารมณ์ดีว่า “คนอะไรวะ.. ไม่ชอบเข้าสังคมและกลับชอบที่จะทำอะไรเพื่อสังคมอยู่อย่างไม่รู้เบื่อ !”
ฟังดูเหมือนการเขียนเพื่อสถาปนาตนเองอยู่มากโข แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่คนอื่นพูดถึงผม ไม่ใช่ผมคิดเองเขียนเอง และยกเมฆให้ตนเองดูแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ ...
++++++++++++++++++++++++++
ในวิถีการงานอันหนักหน่วงนั้น หลายคนถามทักด้วยความห่วงใยว่าผมเดียวดายบ้างหรือเปล่า เพราะหลายครั้งที่การเดินทางของผมนั้นดูจะสวนทางจากระบบต้นสังกัด แต่มุ่งไปสู่การอยู่ร่วมกับกลุ่มคนเพียงไม่กี่คนที่กำลังเดือดร้อน
สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย, ชีวิตส่วนใหญ่ผมว่ายวนอยู่กับการทำกิจกรรม จนเพื่อน ๆ ในสาขาบ่นเพ้อว่า ผมเสียเวลาจำนวนมากไปกับเรื่องอันไร้สาระ แต่พอถึงวันรับปริญญาบัตร รายรอบตัวผมกลับเต็มไปด้วยน้องนิสิตจำนวนมาก และน้องนิสิตเหล่านั้นก็เดินติดตามผมไปทุกจังหวะก้าว ...
ผมได้รับช่อดอกไม้จากน้อง ๆ และเพื่อน ๆ เป็นคันรถ และน้องนิสิตทั้งที่รู้จักมักคุ้นและเพิ่งพบหน้ากันนั่นแหละที่คอยหอบหิ้วดอกไม้และของขวัญ รวมถึงดูแลญาติพี่น้องของผมผู้มาไกลจากท้องทุ่งไม่ให้เขินอายต่อความเป็น "มหาวิทยาลัย" และครั้งนั้น เพื่อนคนเดิมก็เดินมาพูดกับผมอย่างเป็นมิตรในทำนองว่า “วิถีที่ผมทุ่มเทให้นั้นได้ตอบแทนผมอย่างมหาศาล ... ขณะที่เขากลับเริ่มรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านล่วงมา”
ครับ, ในความอ้างว้างนั้น ผมก็ไม่เคยเดียวดาย ....
++++++++++++++++++++++
ครั้นวันแต่งงาน, นอกจากแขกผู้มีเกียรติแล้ว น้องนิสิตจำนวนมากมาร่วมงานและช่วยงานอย่างแข็งขัน ทำเอาหลายคนชื่นชมว่า “น้อง ๆ นิสิตคือผลพวงของการทำงานอันหนักหน่วงของผม”
พอถึงวันที่คู่ชีวิตคลอดน้องแผ่นดิน น้องที่จบการศึกษาไปแล้วเดินทางข้ามจังหวัดมาลุ้นอยู่หน้าห้องคลอด น้องนิสิตคณะพยาบาลดูแลคู่ชีวิตผมอย่างดีเยี่ยม เขาบอกว่า “ดีใจที่ได้ดูแลแฟนพี่พนัส...” ขณะที่น้องนิสิตจากชมรมต่าง ๆ ก็ทยอยมาเยี่ยมทายาทกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่อง ทำเอาคุณพ่อและคุณแม่ของผมอมยิ้มอยู่อย่างเงียบ ๆ ...
ครับ, ถึงแม้บางทำงานของผมบางครั้งจะแหวกหนีไปจากระบบ จนดูประหนึ่งว่าเป็นการทำงานอันหนักห่วงและอ้างว้างอยู่มาก แต่ผมก็มีความสุข เพราะผมมีน้องนิสิตอยู่เคียงข้าง และการเคียงข้างของพวกเขาก็สะกิดเตือนให้รู้ว่า “ผมไม่เคยเดียวดาย...”
++++++++++++++++++++++++++
ปรากฏการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับนิสิต บางครั้งหลายคนทึกทักและตีตราให้ผมเป็น “มาเฟีย” ซึ่งฟังดูผมไม่ค่อยชอบคำนี้เลย และเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ผมเองก็มักถูกลากเข้าไม่มีเอี่ยวอยู่อย่างไม่รู้จบ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเข้าไปข้องแวะ ...
แต่ทุกครั้งผมก็ฝ่าวิกฤตนั้นออกมาได้ .... เป็นการฝ่าวิกฤตที่มีนิสิตเป็นแรงใจและเกาะกำแพงอันแน่นหนาให้กับผม !
ผมรักมหาวิทยาลัยพอ ๆ กับการรักที่จะดูแลนิสิต ... โลกและชีวิตของผมไม่เงียบเหงา เพราะผมมีนิสิตเป็นมโหรีของชีวิตมาอย่างยาวนาน
+++++++++++++++++++++++++
นั่นคือคำเพ้อพร่ำอันยาวยืดของผมที่เกิดจากแรงบันดาลใจหลังการอ่านจดหมายฉบับหนึ่งจากคนที่ผมนึกไม่ออกเลยว่า ... “เขาเป็นใคร ?”
เมื่อวาน, ภายหลังกลับจากการเลือกตั้งที่บ้านเกิด ขณะที่ผมกำลังพักผ่อน คู่ชีวิตผู้ซึ่งเป็นคนของความรักก็ยื่นซองจดหมายมาให้อ่าน ภายในซองเป็นการ์ดงานบวช แต่เมื่อดูชื่อแล้ว ผมกลับยิ่งงงเข้าไปใหญ่ และอดที่จะตั้งคำถามกับตนเองอย่างสุภาพว่า “เขาเป็นใคร !” ...
(เขาอาจจะเป็นคนที่ผมรู้จัก เพียงแต่จำชื่อจริงไม่ได้เท่านั้นก็เป็นได้... ผมปลอบโยนตัวเอง เพื่อมิให้ตัวเองรู้สึกผิดมากไปกว่านี้)
ภายในซองนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมืออันแสนงามแนบมาด้วยฉบับหนึ่ง ผมอ่านจบในเวลาอันแสนสั้น แต่ก็พลิกกลับมาอ่านซ้ำอยู่อีกหลายรอบอย่างไม่รู้เบื่อ
เนื้อความในจดหมายนั้นเชิญผมไปร่วมงานบวช ... เขาบอกว่าเขาเพิ่งจบปริญญาตรี ต้องการที่จะบวชทดแทนบุญคุณผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการอุทิศบุญกุศลแก่พ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว และเขาเองก็อยากให้ผมพร้อมครอบครัวไปร่วม “ปลงผม” ให้กับเขา ...
จนบัดนี้ผมยังนึกไม่ออกว่าน้องท่านนี้เป็นใคร ผมรู้จักเขาหรือเปล่า แต่จดหมายของเขาก็ยืนยันว่าเขารู้จักผม และอยากให้ผมไปร่วมงานนั้นมาก ....
นี่เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งกระมังที่ยืนยันได้ว่า ในวิถีอันแปลกเปลี่ยวและการทำงานอย่างหนักหน่วงนั้น ผมไม่เคยเดียวดายและเคว้งคว้าง ... ผมมีน้องนิสิตทั้งที่รู้จักเป็นการส่วนตัว และรู้จักกันแบบห่าง ๆ ในวิถีนักกิจกรรมคอยเคียงข้างอยู่อย่างเงียบ ๆ ....
และจากนี้ไปคือส่วนหนึ่งของข้อความในจดหมายฉบับนั้น
..... ตอนนี้ผมเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากความหวังดีและแรงบันดาลใจจากพี่ ทำให้ผมมีวันนี้ได้ ด้วยสำนึกในบุญคุณ ตลอดจนศรัทธาในความมีน้ำใจของพี่ที่มีต่อผม ขอประกาศว่าจะเป็นคนดี .....
..... ผมจะอุปสมบทเพื่อตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณที่ทำให้ผมมีวันนี้ โดยเฉพาะคุณพ่อของผมผู้ล่วงลับจากไปก่อนที่จะเห็นความสำเร็จของลูก ... ผมอยากให้พี่พนัส พร้อมครอบครัวมาร่วมปลงผมให้ก่อนบวช ....
.... ถ้ามีเวลาว่าง ผมจะรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่สุดที่พี่พนัสจะมาร่วมงาน....
...................
ผมมีความสุขที่จะอ่านจดหมายฉบับนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ... และไม่ลังเลที่จะเลื่อนการเดินทางใด ๆ ออกไป เพื่อที่จะอยู่ร่วมงานบวชของน้องท่านนี้ ...
ครับ, ... ผมอาจจะจำชื่อใคร ๆ ไม่ค่อยได้ แต่ผมก็ให้“ใจ” ไปกับทุกคนที่ก้าวข้ามกำแพงมายาอันจอมปลอมของผมเข้ามาได้ ...
ครับ, ในวิถีการงานอันหนักหน่วงนั้น ถึงแม้บ่อยครั้งที่ระบบปล่อยให้ผมเคว้งคว้างอยู่บ้าง แต่กระนั้นผมก็ยังยืนยันว่า “ผมไม่เดียวดาย... ผมมีน้องนิสิตเคียงข้างอยู่อย่างเงียบ ๆ ....”
สวัสดีค่ะ
ผมเรียนรู้อย่างหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว การอยู่ร่วมกันเป็นสังคม สิ่งที่เราต้องการนั้นคืออะไร และเราควรทำอะไร
วิถีที่หลายคนไม่ค่อยเข้าใจ แต่เป็นเส้นทางเดินที่เรามีความสุข ความภูมิใจ
ก้าวต่อไปเถอะครับ ...
สร้างสรรค์สังคมให้ดีงามด้วยความตั้งใจที่เราสามารถทำได้ในรูปแบบของเราครับ
สวัสดีค่ะ อ.แผ่นดิน
"ในความอ้างว้างนั้น ผมก็ไม่เคยเดียวดาย"
“ผมไม่เดียวดาย... ผมมีน้องนิสิตเคียงข้างอยู่อย่างเงียบ ๆ ....”
ชีวิตที่ขับเคลื่อนไป มีสายใยเหล่านี้เป็นน้ำหล่อเลี้ยง ชีวิตไม่เดียวดายอย่างแน่นอนค่ะ
เจ้าลูกชาย
ในทะเลทรายยังมีโอเอซีสสวัสดีครับ คุณเอก...
ขอบคุณในมิตรภาพอันดีงามที่มีให้เสมอมา และสำคัญกับวาทกรรมประโยคนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกมีพลังและมั่นใจในจังหวะชีวิตของตนเอง
สร้างสรรค์สังคมให้ดีงามด้วยความตั้งใจที่เราสามารถทำได้ในรูปแบบของเรา
ขอบคุณครับ
สิ่งที่คุณแผ่นดิน..ทำเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
ไม่ง่ายนักที่เราจะสามารถ..ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครได้
ขอชื่นชม และจะคอยชื่นชมต่อไปค่ะ
เราจะโดดเดี่ยวหรือไม่...อยู่ที่ใจเราเองค่ะ.....
ชีวิตอาจารย์พนัส ไม่เคยเดียวดาย จากกายใจที่ทุ่มไปกับกิจการนิสิต ชีวิตจึงเต็มไปด้วยบัณฑิตจากรุ่นสู่รุ่น ที่ฝากความระลึกถึงไว้ให้กันและกันเสมอ ครับ
ขอนุญาตลุกล้ำในพื้นที่นี้ เพียงแต่อยากจะบอกว่า ขอบคุณที่ช่วยสร้างคนดีเพิ่มขึ้นคะ
สวัสดีครับครูอ๊อด
เช้าวันนี้ดูราวกับว่าลมหนาวที่เคยหลงทิศไปหลายสัปดาห์ หวนกลับมาอีกครั้ง สงสัยคงกะจะหนาวลมห่มปีใหม่เป็นแน่เลยทีเดียว...
สำหรับผมแล้ว การงานในบริบทของนิสิต ทำให้เราคลุกคลีอยู่กับพวกเขา เป็นการคลุกคลีด้วยใจไม่ใช่เพียงหน้าที่สถานเดียว จึงทำให้เรามีความสุขกับสิ่งที่ลงมือทำ สัมพันธภาพระหว่างเรากับผู้เกี่ยวข้องได้กายเป็นปัจจัยอันสำคัญที่ช่วยให้งานในแต่ละงานเป็นไปอย่างไม่ขัดเขิน ...จนบางครั้งเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นผลพวงของการทุ่มเทของทุกคน หรือเป็นเพราะส่วนหนึ่งนั้นคือสมพันธภาพของเราและเราที่มีต่อกัน ซึ่งเราก็เชื่อว่าเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละ
และนี่กระมังครับที่ครูอ๊อดเรียกว่าสายใยเหล่านี้เป็นน้ำหล่อเลี้ยง ชีวิต....
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ...
อาจารย์ฯ สบายดีนะครับ... ปีใหม่มีโปรแกรมไปใช้ชีวิตที่ไหนบ้างครับ... ส่วนผมยังไม่ชัดเจนนัก เพราะยังเอาแน่ไม่ได้
........
การที่เรารู้ว่าเราเป็นแบบอย่าง หรือแรงบันดาลใจของใครสักคน มันก็ช่วยให้เราได้รู้สึกว่าตนเองมีค่ากับสังคมอยู่บ้าง....
นานมากทีเดียวที่ผมไม่ได้อ่านจดหมายในรูปแบบของจดหมายจริง ๆ ส่วนใหญ่ได้อ่านในรูปของเมล์เสียมากกว่า จดหมายฉบับนี้จึงเป็นเรื่องดี ๆ ที่มาถึงในเทศกาลแห่งการรับปริญญา และมาเยือนในห้วงที่ปีใหม่กำลังจะมาถึงเช่นกัน
...........
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
ขอบคุณค่ะที่ทำให้เช้าวันนี้ของเบิร์ดมีความหมายมากขึ้นจากความละมุนละไมที่ซึมซับได้จากบันทึกนี้
ผลของความดีเย็นฉ่ำ อ่อนโยน แทรกซึมอย่างลึกล้ำในใจเสมอนะคะ และยังช่วยสร้างสรรค์คนดีๆอีกมากมาย
ขอบคุณมากค่ะสำหรับแง่คิดดีๆและขออนุโมทนาบุญกับการไปร่วมงานบวชของกัลยาณมิตรนะคะ
สวัสดีครับ น้องสายลม...
สวัสดีอีกครั้งค่ะ
ยามตะวัน แย้มเยื้อน จากกลีบเมฆ
นกตัวเล็ก เจื้อยแจ้ว เสียงขับขาน
ต้อนรับแสง สุริยา ร่าเบิกบาน
สุขสำราญ ยามเช้า เข้ามาเยือน
มวลบุปผา มาลี บานสพรั่ง
งามเปล่งปลั่ง สดใส หาใดเหมือน
ทั้งสีกลิ่น หอมอบอวล งามเรื่อเรือง
มลังเมลือง ตระการ ทั่วไพรพง
หมู่แมลง โบยบิน กลางแสงจ้า
ชมพฤกษา ดอมดม อย่างใหลหลง
สีสวยสด งดงาม กลางดอกดง
ร้องรับส่ง บรรเลง เพลงพนา
ธรรมชาติ บรรเจิด แจ่มจรัส
ไร้ผูกมัด ไร้มายา ไร้ทุกขา
มีความรัก บริสุทธิ์ เสกสรรค์มา
เปี่ยมคุณค่า มิตรไมตรี มีให้กัน
มอบความสุข สดใส ในปีใหม่
รื่นเริงใจ ทั่วหน้า หายโศกศัลย์
ทุกข์ใดใด หมดไป มลายพลัน
ทุกคืนวัน หรรษา พาเพลินใจ
สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้คุณแผ่นดินและครอบครัวมีความสุขตลอดไปค่ะ
. สวัสดีค่ะ
. ได้อ่านบันทึกข้างบนของอาจารย์แล้ว
. รู้สึกมีแรงบันดาลใจ
. ที่จะทำประโยชน์ต่อสังคม และผู้อื่นมากขึ้นค่ะ
ขอบพระคุณพ่อครูฯ มากครับ...
เพราะนั่นเป็นเสมือนการย้ำเตือนให้ผมมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิตและการงาน
สวัสดีครับ...
จดหมายจากน้องนิสิตที่สำเร็จการศึกษาท่านนี้ เป็นเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้ผมเห็นรอยเท้าของตนเองว่าเกิดดอกผลกับใครบ้าง เป็นเสมือนแดดอุ่นในเช้าของหน้าหนาวที่ช่วยให้ผมอบอุ่นโดยไม่ต้องพึ่งพาผ้าห่ม
....
ผมรู้สึกเช่นนั้น ... และมีความสุขมากเลยทีเดียว
สวัสดีครับ พี่ติ๋ว ...
อาจจะจริงดังว่าครับ..
ฟังดูเศร้า ๆ เหงา ๆ ยังไงไม่รู้ .... (ยิ้ม ๆ )
สวัสดีครับ...
ปีนี้ บัณฑิตหอบของฝากมาให้หลายคน ทั้งทุเรียนแผ่น, ผาหมึก ... ส่วนที่มาจากอีสานก็มีไวน์จากเมืองลาว หอยจากทุ่งนา ฯลฯ...
น่ารักและอบอุ่นไปอีกแบบ ...
ขอบพระคุณครับ
สวัสดีครับ ครูเอ...
ดีใจที่เห็นผ่านพบมาทายทักนะครับ... เราต่างมีหน้าที่ในการดูแลสังคมร่วมกัน ซึ่งนั่นหมายถึงการดูแลตนเอง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด จากนั้นก็ก้าวออกมาสู่การดูแลสังคมร่วมกับคนรอบข้าง
เป็นกำลังใจนะครับ
สวัสดีปีใหม่ คุณพนัส
ยินดีด้วย ที่มีความสุขท่ามกลางเพื่อน ๆ และ คนรัก
สุขสันต์ตลอดปีใหม่ครับ
อ่านแล้ว อดที่จะภูมิใจไปกับคุณ แผ่นดิน ไม่ได้ค่ะ
สวัสดีครับ...
สวัสดีครับ อ.แป๋ว
ปีใหม่ครั้งนี้ ผมก็ไม่มีโอกาสได้กับบ้าน เพราะต้องอยู่ดูแลนักกีฬา ตื่นตอนตี 5 กลับที่พักในราว ๆ 9 โมงเช้า จากนั้นก็ซ้อมอีกรอบในราว ๆ 5 ถึง 2 ทุ่ม
นี่เป็นเรื่องหน้าที่ที่พึงรับผิดชอบและหลีกหลบไปไหนไม่ได้ ครั้นจะให้นิสิตอยู่ซ้อมกันเองก็กระไรอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสพาพวกเขาฝึกซ้อมนัก โอกาสเช่นนี้ จึงเป็นห้วงเวลาอันดีที่ผมจะได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และใกล้ชิดกับนักกีฬาของตนเอง
อากาศดูจะหนาว ๆ ... เย็น ๆ หลังจากก่อนหน้านี้ ร้อนมานานไม่น้อย
สวัสดีปีใหม่...สุขภาพแข็งแรงนะครับ
สวัสดีปีใหม่ อ. แผ่นดินค่ะ
"JasmiN"
สวัสดีครับ คุณเบิร์ด
ขอบคุณสำหรับสิ่งอันดีงามที่นำมาแบ่งปันอย่างไม่รู้จบนะครับ... สำหรับผมแล้ว ยังคงต้องทำหน้าที่คนเล่าเรื่องต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อเสมอว่า การบอกเล่าเรื่องราวอันดีงามของคนดี ๆ .ในสังคม โดยเฉพาะเรื่องราวของนิสิตนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยสังคมได้บ้างเหมือนกัน อย่างน้อยการบอกเล่าเรื่องราวดังกล่าว ก้เป็นการช่วยยืนยันได้ว่า ในสังคมอันแปลกแยกนี้ ยังคงมีเรื่องดี ๆ และคนดี ๆ อยู่อีกมาก ....
ปีใหม่ปีนี้, เป็นอีกปีที่ผมไม่ได้กลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกคิดว่าจะได้ไปเอนกายนอนพักให้สบาย ๆ ... แต่เอาเข้าจริงตารางชีวิตก็พลิผันอย่างไม่น่าให้อภัย
ผมพยายามค้นหาและจัดการให้ชีวิตมีความสมดุล ... แต่จนแล้วจนรอดก็จัดการไม่ได้ เวลาแห่งการงานได้รุกคืบเข้าสู่ชีวิตอย่างไม่อาจทัดทาน, ... จึงได้แต่หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผมจะมีเวลาให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น ...
......
ขอให้มีความสุขเสมอไป, นะครับ
สวัสดีครับ....
สวัสดีครับ ...
การทำงานกับนิสิต ช่วยให้ชีวิตผมไม่เดียวดายจริง โลกของผมคงเงียบเหงามากหากไม่มาอยู่ในจุดนี้
และการงานเหล่านี้ก็คือแรงบันดาลใจของการดำเนินชีวิตของตนเองด้วยเช่นกัน
ขอบคุณครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ...
สวัสดีครับ...
จะว่าไปแล้ว นิสิตเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการทำงานของผม โดยเฉพาะการได้มีโอกาสช่วยเหลือให้นิสิตได้เกิดความพร้อมในด้านการเรียนและการดำเนินชีวิต
ส่วนใหญ่ ผมจะใช้ประสบการณ์ตรงของตนเองในการให้คำปรึกษา ถ้าเราไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานั้น ๆ ให้กับเขาได้ สิ่งที่ผมย้ำที่สุดก็คือการให้กำลังใจและกระตุ้นให้เขาเห็นความสำคัญของการ "มีชีวิตอยู่" และเรียนรู้ที่จะอดทน ....รวมถึงการไม่จำนนต่ออุปสรรค
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
กระนั้น, ก็ขอบคุณครับ เพราะภาพนนี้ ช่วยหยิกให้ตัวเองรู้ว่า หากยิ้มบ่อย ๆ ก็จะได้ไม่แก่เร็ว....
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ....
ซิ้งจังเลย อ่านแล้วซึ้งมากมาย
สวัสดีครับ...น้องสาวคนสวย (กาเหว่า_สวย)
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะ...
ลองย้อนไปอ่านจดหมายเก่าๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต,...ทุกๆ ฉบับนำพารอยยิ้มมาเยือนเสมอ
ลองดูสิ,..แล้วจะเห็นความงดงามที่เป็นปัจจุบัน