สวัสดีค่ะอาจารย์ภีรกาญจน์
เมื่อไม่กี่วันดิฉันเพิ่งคุยกับพี่ที่นั่นค่ะ การอยู่ห่างไกลนี้ก็ทำให้เป็นห่วงกังวล แต่ได้คุยโทรศัพท์แล้วก็ค่อยคลายกังวลลงไปบ้าง จากนั้นก็กลับมากังวลใหม่ในเวลาไม่นานนัก ได้แต่หวัง(และหวังเหลือเกิน)..ว่าภาวะเช่นนี้จะผ่านไป เหมือนกับที่เคยผ่านมา และผ่านไปแล้วในอดีต
ขอแสดงความเสียใจอย่างสูงกับครอบครัวของนักศึกษาที่สมาชิกในครอบครัวต้องจากไปด้วยนะคะ
คุณพ่อดิฉันบอกว่าโลกเป็นเช่นนี้มานาน ลูกต้องเตรียมตัวให้พร้อม ดิฉันไม่ได้คิดอะไรจนผ่านชีวิตมาข่วงหนึ่งก็ได้เห็นว่าไม่ใช่เฉพาะเตรียมพร้อมที่จะอยู่อย่างเดียว แต่ต้องพร้อมที่จะไปด้วย ดิฉันทำใจให้นิ่งไม่ได้มากนัก เพราะเมื่อเรามีบุคคลอันเป็นที่รัก เราก็ย่อมห่วงกังวล
แต่เมื่อได้เห็น"โลก"ตรงหน้า ก็พอจะเข้าใจ.... อ่านบันทึกนี้ของอาจารย์ก็ยิ่งรู้สึกเข้าใจและชื่นชมวุฒิภาวะทางใจของอาจารย์นะคะ
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาจารย์นับถือ จงปกปักรักษาอาจารย์และครอบครัวนะคะ
สวัสดีครับ อ.Phirakan
เพราะความไม่แน่นอนนั่นเอง...ทำให้เราต้องมีสติ ในการใช้ชีวิต
เวลาที่เหลือก็ไม่รู้ว่าเหลือมากหรือน้อยเพียงใด ผมกำลังจะบอกทุกคนว่า ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่าที่สุดตามเวลาที่ล่วงผ่านไป และพร้อมที่จะเผชิญกับความตายที่เป็นความจริง ที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น
ขอให้น้อง นศ.ไปสู่สุคติ และขอให้กำลังใจอาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนผู้คนที่ร่วมชะตากรรม
อาจารย์ครับ
คุณ Phirakan ครับ
โดยส่วนตัวเชื่อว่า หากเราได้นำเอาชีวิตของใครคนใดคนหนึ่ง มาเป็นอนุสสติ ทำให้เราประพฤติธรรม จะเกิดกุศลบุญต่อคนๆนั้นอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมขออนุญาตร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณ Phirakan รำลึกถึงชีวิตน้องนักศึกษาที่จากไปในครั้งนี้ด้วย
เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น บางครั้งสำหรับคนธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ก้ไม่อาจจะ make sense อะไรได้ สิ่งที่เราทำต่อหลังจากเกิดเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ อาจจะเป้นเพียงเครื่องมือเดียว ที่เราจะทำให้มีค่า มีความหมาย และ make sense มากที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าพวกเราจะช่วยกันเก็บเกี่ยว ศึกษาความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต และจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ผมคิดว่าเป็นวิธีเดียวที่อาจจะทำให้ดวงวิญญาณผู้ที่เสียชีวิตไป มีส่วนสร้างกุศลธรรมตามมาบนแผ่นดินนี้ได้บ้าง
ขอขอบพระคุณทุกท่านมากครับที่ให้กำลังใจคนทางนี้ เราก็ได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์ร้ายๆ มันยุติโดยเร็วที่สุดครับ
ผมเห็นด้วยกัยคุณหมอเต็มศักดิ์ครับว่า แม้เราจะสมมติว่าเราเข้าใกล้ความตาย แต่คนอย่างเราๆ ก็ไม่มีวันรู้เลยว่าความตายมันมาอยู่ตรงหน้าตอนไหน ฉะนั้นเราก็คงทำใจครับ ว่าเป็นเช่นนั้นแล ดังท่านว่า
ขอบคุณอีกครั้งครับ มีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย
ขอบคุณพี่พัชณี และชาวบล็อคทุกท่านครับ