วราภรณ์
นางสาว วราภรณ์ (ดอกไผ่) ธรรมทิพย์สกุล

อนุทินล่าสุด


วราภรณ์
เขียนเมื่อ

ปลอบขวัญวันคืนเหงา

       วันนี้ได้รับอีเมลจากลูกศิษย์เมื่อสิบปีที่แล้ว   บัดนี้รับราชการครูและ
ประสบอุบัติเหตุอย่างหนัก  ต้องหัดเดินใหม่...

        นอกจากนั้นแล้วยังต้องรับภาระ
หน้าที่ในงานครูอย่างหนัก  คนเก่งมัก
ประสบชะตากรรมเช่นนี้เสมอ

        ครูอย่างเราก็ได้แต่ปลอบขวัญให้ศิษย์คลายทุกข์     ปลอบปลุกให้มีกำลังใจ  ทั้ง ๆ ที่ในเวลานี้ก็เหนื่อยล้าเต็มที 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

"รพลัดพรากจากสิ่งที่รักย่อมเป็นทุกข์"

          วันนี้อ่านอนุทินชีวิตนักเรียนที่เล่าถึงความรู้สึกที่สูญเสียพ่อ
ไปอย่างไม่คาดคิด   (อายุเพียงสี่สิบสามปีก็จากไปด้วยโรคมะเร็ง  เราเองก็ไปร่วมงานศพด้วย)   เด็กว้ยสิบแปดปียังคงคร่ำครวญและคิดถึงพ่อเสมอ  ไม่เสื่อมคลาย  อ่านแล้วก็อดน้ำตาซึมไม่ได้
           เราเองก็เคยผ่านความรู้สึกนี้หลายครั้ง   ครั้งที่เจ็บปวดที่สุด
ก็คงเป็นการสูญเสียผู้มีพระคุณที่ผูกพันยิ่งนัก   แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีก็ยังคงคิดถึงเสมอ   ไม่มีวันใดที่ไม่เคยคิดถึง  "การพลัดพรากจากสิ่งที่รักย่อมเป็นทุกข์จริง ๆ "   ไม่ว่าจะรักแบบไหนก็ตามที



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

เก่งครึ่งหนึ่งของหน่อยก็ยังดี

          ตอนเช้าไปเซ็นชื่อสวนทางกับพี่ที่สอนภาษาไทยหมวดเดียวกัน    พี่ทักว่า  "เก่งครึ่งหนึ่งของหน่อยก็ยังดี"

          ฟังแล้วก็รู้สึกบอกไม่ถูก   ควรดีใจหรือเสียใจกันแน่  เพราะ
มิใช่ความรู้สึกของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หรือเพื่อนร่วมงานที่มองเราว่าเป็นคนเก่งหรอกหรือ   เราจึงต้องแบกรับภาระหน้าที่ต่าง ๆ  มากกว่าคนอื่นหลายเท่า   ชนิดที่ว่า "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"  จน
ถึงทุกวันนี้   เวลาพักผ่อนก็ถูกกลืนหายไปกับการอุทิศเวลาให้กับส่วนรวมเป็นส่วนใหญ่

          อย่างไรเสียเราก็ควรภูมิใจมิใช่หรือ ?  ที่ชีวิตเกิดมาอย่างน้อยก็มีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นในโอกาสและวัยอันเหมาะสม  ดีกว่าอยู่ไปวัน ๆ มิใช่หรือ

          



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

ไม่อยากเป็นหัวหน้า

        ยามเย็นที่ห้องเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ทั่วไปในวันนี้   มีการเลือก
หัวหน้าห้องเรียน   มีผู้เสนอชื่อเราและ
ยกมือกันอย่างท่วมท้น   แต่ขออภัยไม่มีปัญญารับใช้    
       ทุกวันนี้ก็แบกแอกหนักที่โรงเรียนเป็นหัวหน้าสารพัดจนกระอักกระอ่วนจนวันนี้ได้แต่บอกตัวเองว่า "ไม่อยากเป็นหัวหน้า"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

เพื่อนร่วมรุ่น

         ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ยามเย็น  มีเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนห้องเดียวกันหลากหลายอาชีพ    และแตกต่างด้านอายุ  ส่วนใหญ่จะเป็น
สว. (สูงวัย)   บางคนอายุหกสิบเศษ ๆ ก็ยังมีความเพียรน่าชื่นชม

         บางคนภาษาอังกฤษก็ยังไม่รู้  น่าปวดหัวแทน  โปรแกรมของเครื่องสมัยใหม่ส่วนใหญ่เป็นภาษาสากล  เราเองพอรู้อยู่บ้าง
เพราะเรียนรู้ด้วยตนเอง    ถือโอกาสช่วยเพื่อน ๆ ที่ไม่รู้ก็สนุกและได้บุญดี

       



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

นักศึกษาใหม่

         นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  เราได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษาใหม่
วิชาคอมพิวเตอร์ทั่วไป    เรียนตอนเย็นวันละสองชั่วโมงเพื่อ
เพิ่มพูนความรู้  ต้องอดทนเรียน ๓ เดือนเต็ม ๑๒๐  ชั่วโมง
เป็นโครงการของโรงเรียนวัดพระปฐมเจดีย์ซึ่งจัดอบรมให้บุคคล
ทั่วไปได้เรียนฟรี   จริง ๆ แล้วเราก็พอรู้เรื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง
แต่ยังไม่ชำนาญ  โลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่เราต้องเรียนรู้สมดังคำกล่าวที่ว่า  "สิบนาทีที่รู้ตลอดชีวิตคุณต้องเรียน"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

ผู้แพ้ - ผู้ชนะ

       นั่งดูรายการแข่งขันทางโทรทัศน์
ฝ่ายที่ชนะต่างปรบมือกระโดดโลดเต้น
ด้วยความยินดี  ฝ่ายแพ้หน้าตาห่อเหี่ยวซึมเซา

        ชีวิตก็มีแค่นี้  ไม่แพ้ก็ชนะ ชนะ
ใครก็ไม่สำคัญเท่าชนะตัวเอง  แพ้อะไรก็ไม่เลวร้ายเท่าแพ้ใจตัวเอง....

         วันนี้คุณชนะใจตัวเองแล้วหรือยัง ?



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

เด็กต่างรุ่นที่ต่างใจ

          พรุ่งนี้เป็นวันไหว้ครู  วันนี้นักเรียนส่วนใหญ่
ต่างขะมักเขม้นกับการทำพานไหว้ครู   เราเป็นที่ปรึกษา ม.๖/๕  นักเรียนโตพอที่จะวางแผนและช่วยเหลือตนเองได้แล้ว  จึงคอยสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ

           เด็กนักเรียนสิบกว่าคนที่มีน้ำใจ  ต่างช่วยกันทำพาน  บางคนก็คอยซื้ออาหารมาเลี้ยงเพื่อน  บางคนก็นั่งทำพานเอาจริง เอาจัง ไม่พูดไม่จา  บางคนก็เดินแหย่คนโน้นทีคนนี้ที ....

             เย็นแล้วเราบอกว่าจะไปส่งเด็กที่บ้านอยู่ไกล  โดยจะถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านด้วย  เด็กไม่ยอมให้ไปส่ง  รีบกลับบ้านเอง  แล้วก็ช่วยกันเก็บของไปทำต่อที่บ้าน

              เราแอบชื่นชมเด็ก ๆ ที่มีน้ำใจช่วยเหลือกัน  ได้ให้เงินจำนวนหนึ่งไปซื้อขนม ซื้อน้ำมาแบ่งปันกันกิน   คนที่มือไม่ว่าง  เพื่อนผู้ชายก็คอยปอกผลไม้ส่งให้กินโดยสะดวก  คอยส่งขนมให้เพื่อน 

             ถ้าสังคมทุกสังคม  รู้จักดูแลกันเช่นนี้ก็คงมีความสุขไม่น้อยเลยนะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

อนุทินชีวิตเด็ก

      เราทดลองให้นักเรียนชั้น ม.๖เขียนอนุทินชีวิตประจำวัน  วันละไม่ต่ำกว่า ๕บรรทัด  เขียนส่งอาทิตย์ละครั้ง

       นักเรียนเขียนนำเสนอความคิดได้ดี  จนครูคิดไม่ถึง  น่าชื่นชม ทำให้ครูเข้าใจนักเรียนมากยิ่งขึ้น  และทำให้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาเป็นอย่างดี

        เราต้องเสียเวลาตรวจผลงานนักเรียนเกือบสองร้อยคน  ต้องอดทน อ่าน
ทุกตัวอักษร  แล้วช่วยแนะนำแก้ไข นับเป็นงานหนักที่น่าลงทุนจริง ๆ เพราะเป็นการฝึกให้นักเรียนรักการเขียนโดยไม่รู้ตัว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

ตะวันตกดินอีกแล้ว

        วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ระยะหลังเราเริ่มสังเกตเห็นความรวดเร็วของวันเวลามากขึ้น

        บ่นให้น้องในหมวดฟัง น้องบอกว่า "แสดงว่าพี่เริ่มแก่แล้ว เพราะคนแก่จะมองเห็นว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว"

         คงจะจริงอย่างที่น้องว่า  เพราะตอนนี้เริ่มเป็นทุกข์และรำคาญกับความเสื่อมทางสายตา  เริ่มมีปัญหาในการตรวจงานเด็กและอ่านหนังสือ  ต้องคอยพกแว่นสายตาเสียแล้ว   กายนี้เป็น
อนิจจังจริง ๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

ยุทธการปราบเด็ก
        นักเรียน ม.๖/๕ ที่เราเป็นครูที่ปรึกษาเริ่มขาดเรียนกันบ่อยและมากขึ้น  เราสังเกตพฤติกรรมมาสองอาทิตย์แล้ว

         วันนี้ค่อย ๆโทรศัพท์หาผู้ปกครองที่ละคน ๆ
เสียค่าโทรศัพท์หลายสิบบาท  แต่ก็ต้องยอม หลายคนที่เราโทรไปหาผู้ปกครอง  ทราบว่ามาโรงเรียนทุกวัน  แต่ทำไมไม่ถึงโรงเรียน ?  หนีไปอยู่ที่ไหนกันนะ ?  มีเรื่องทำให้ครูต้องเหนื่อยอีกแล้ว   เป็นเรื่องเศร้าที่เด็กในวัยนี้ยังไม่เห็นคุณค่าของการศึกษา

           งานนี้ต้องหายุทธการขั้นเด็ดขาด  ค่อย ๆ
แก้ไขไปเรื่อย ๆ  เหนื่อยใจจริง ๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

วันหยุดสุดเหนื่อย

        เผลอแป๊บเดียววันหยุดสุดสัปดาห์ก็ผ่านพ้นไปแล้ว
        อาทิตย์นี้ใช้เวลาคุ้มค่ามากจริง ๆ
เมื่อวานพานักเรียนไปเข้าค่ายยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ที่ ม.มหิดล ศาลายา   สนุกสนานครื้นเครงได้แนวคิด ได้
ความรู้เพื่อไปดำเนินงาน ให้เสร็จสิ้นภายใน ๖ เดือน

          ตอนเย็นพานักเรียนไปส่งบ้าน ฝนตกหนัก   ให้เด็กช่วยมองรถขณะข้ามถนนไปอีกฝั่ง   ไม่ทันมองเกือบตัดหน้ารถกระบะ เพียงเสี้ยววินาที  เล่นเอาทั้งครูและเด็กช็อกทั้งคันรถ เฮ้อ.. ชีวิตเปรียบเหมือนเส้นด้ายที่ผูกไว้บนก้อนหินจริง ๆ รอวันขาดเมื่อไรก็ไม่รู้
เดชะบุญกุศลรักษาคุ้มครองให้ปลอดภัย
มิเช่นนั้น คงไม่มีโอกาสเขียนบันทึกฉบับนี้อีกแล้ว

          เช้าวันอาทิตย์  ตื่นขึ้นมาดูรถยนต์  ยางแบนไปหนึ่งล้อ  ชีวิตนี้มีแต่ปัญหาจริง ๆ  กว่าจะหาช่างมาแก้ไขได้สำเร็จเล่นเอาเหนื่อยใจ

           นั่งทำงานของโรงเรียนทั้งวัน 
ขับรถกลับบ้านในตอนเย็นแล้วก็ขับกลับโรงเรียน ไปกลับก็สี่สิบกิโลเมตร ยังมีงานอีกหลายอย่างยังไม่ได้ทำ  เวลาวันหยุดนี้ผ่านไปเร็วจริง ๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

      วันนี้ต้องดูแลวิทยากรท้องถิ่นสองคนที่มาสอนภาษาไทดำให้นักเรียนด้วยจิตอาสา

       เราพยายามดูแลอำนวยความสะดวก  และเข้าไปสังเกตการณ์เพื่อเรียนรู้และช่วยดูแลนักเรียนด้วย

       ขณะพาวิทยากรมารับประทานอาหารกลางวัน  ได้ยินทั้งสองท่านคุยกันเป็นภาษาไทดำซึ่งพอจับประเด็นว่า
มีโรงเรียนหนึ่งไม่น่าไปสอนเลย  เด็กก็ไม่สนใจ  ครูก็ไม่เอาไหน  คงปล่อยตามเวรตามกรรม   ฟังแล้วก็หดหู่ 
การทำให้ปราชญ์ท้องถิ่นเข็ดขยาดไม่อยากไปอีก  นับเป็นเรื่องโง่เขลาไม่น้อยเพราะปัจจุบันภูมิปัญญาชาวบ้านนับวันจะเลือนหาย  หากไม่ช่วยกันอนุรักษ์สืบทอด  โดยเฉพาะการเอาใจใส่ผู้ที่มีภูมิรู้ทางวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ควรตระหนักและเห็นคุณค่าอย่างยิ่งทีเดียว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

       จริงหรือ คนไทยมีนิสัยสองแบบคือ ขี้เกียจ  กับขี้โกง

       ได้ฟังพระเทศน์พูดถึงประเทศไทยไม่พัฒนาเพราะคนไทย มีนิสัยอยู่สองอย่าง คือ ขี้เกียจ กับ ขี้โกง

        ฟังแล้วก็สะดุดและสะดุ้ง  คนไทยส่วนใหญ่มีนิสัยเช่นนั้นจริง ๆ
มิเช่นนั้น เมืองไทยก็คงเจริญกว่านี้ แถมติดอันดับคอร์รัปชั่น ระดับต้น ๆ น่าอาย
ขายหน้าจริง ๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

      เย็นนี้ขับรถไปงานสวดพระอภิธรรมคุณพ่อของญาติธรรมซึ่งอยู่ที่ อ.อู่ทอง  จ.สุพรรณบุรี    ถ้าไม่รักกันจริงก็คงไม่ไป  ปกติเราเองไม่ค่อยชอบออกงานสังคมสักเท่าไรนัก งานที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คืองานศพ

       ทันทีที่พบกับเจ้าภาพ  ทั้งพี่ปัญญาและพี่นิตยาออกมาต้อนรับ  กล่าวว่า

      "ดีใจจังเลยที่อาจารย์มา"  ฟังแล้วก็ชื่นใจ  ดูเหมือนสีหน้าและแววตาเขาดีใจจริง ๆ

        เพียงแค่รู้จักพูดก็ทำให้คนฟัง  รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า  บ่อยครั้งนะที่คนเรามักเก็บความรู้สึกไม่กล้าพูดสิ่งดี ๆ เพราะความอาย  ซึ่งไม่ใช่สิ่งน่าอาย

        งานนี้ได้พบกับญาติมิตรที่คุ้นเคย รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข  แม้ต้องขับรถไปกลับสองชั่วโมงก็ถือว่าคุ้มค่า  "ความคุ้นเคยเป็นญาติ" จริง ๆ ได้เห็นรอยยิ้ม  คำพูดของญาติธรรม  ดูแล้วใสซื่อบริสุทธิ์เพราะเรามีแนวคิดและอุดมการณ์ในชีวิตที่เหมือนกันนี่เอง พวกเราจึงมี "ใจถึงใจ"และสามารถคุยกันได้รู้เรื่อง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

"สุขแท้มีแต่ในงาน"

      วันนี้เรารู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ นั่งลงทะเบียนหนังสือยืมเรียน  กลับบ้านพักจนเกือบสองทุ่ม  หิวข้าวมากเลยแต่ทำงานติดพัน   นาน ๆ ทีคงไม่เป็นอะไร

       ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ยังทำไม่เสร็จ  และยังไม่ได้ทำ  คิดถึงคำสอนของพระอาจารย์อำไพ "สุขแท้มีแต่ในงาน"   ชีวิตที่สร้างสรรค์ย่อมมีค่าก่อเกิดพลัง เป็นคุณค่าอเนกอนันต์ต่อผู้อื่นและสังคม



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

           ต้อนรับเช้าวันจันทร์ที่อบอุ่น
ทุกวันจันทร์เรามีหน้าที่พูดอบรมนักเรียน
บอกเล่าเรื่องดี ๆ ให้เด็กฟัง

           วันนี้เล่าเรื่อง  "จุดเปลี่ยนของเด็กเกเร" ดู
ทั้งครูและเด็กต่างสนใจฟังกันดี

           การทำหน้าที่ครูเวรอบรมนักเรียนของเราจะไม่เหมือนใครในโรงเรียน  เพราะเราชอบเล่าเรื่องดี ๆ  ให้เด็กได้คิด วิเคราะห์  เพื่อให้เขาได้เห็นแบบอย่างและแนวทางในการดำเนินชีวิต

            เราต้องพยายามหาทั้งสาระและบันเทิง  เด็กจะได้ไม่เบื่อหน่ายในการฟัง   ต้องใช้ทั้ง
ศาสตร์และศิลป์ในการสอนจึงจะประสบ
ความสำเร็จ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

     วันนี้ได้มีโอกาสไปชมพิพิธภัณฑ์
ลูกหลานมังกร  ที่ ศาลเจ้าพ่อ
หลักเมือง  จ.สุพรรณบุรี

       บัตรเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ ๒๙๙ บาท  ราคาแพงพอสมควร 

       เมื่อได้เข้าชมก็สมค่าราคาเงิน  ยิ่งใหญ่อลังการ   แสดงให้เห็น
ประวัติศาสตร์จีน ห้าพันปีที่มีวิวัฒนาการในด้านต่าง ๆ 


       เรื่องราวดี ๆ เกร็ดประวัติศาสตร์ ตำนานเรื่องของ ขนมไหว้พระจันทร์
การเผากระดาษ  ขนมบะจ่าง ปาท่องโก๋  บอกเล่าเสร็จสรรพ

        เห็นแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจในฐานะ
ลูกหลานมังกรคนหนึ่ง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

       วันนี้ท้องฟ้าสดใส  แดดแรงกล้าแต่เช้า  สภาพอากาศแต่ละวันไม่
แน่นอนเช่นเดียวกับสภาพจิตของผู้คน

        ได้พบผู้ปกครองพาลูกมาสมัครเรียน  โดยนั่งรออยู่หน้าห้องวิชาการ
ครูหลายคนเดินผ่านมาผ่านไป  ไม่คิดจะทักทาย     เราเดินผ่านไปทักทายแล้วก็ช่วยเหลือจนเรียบร้อย
           ชาวบ้านเวลามาติดต่อราชการ
บางคนก็เกร็งไม่กล้า  หากเราไม่ทักทาย คงนั่งรออีกนานกว่าจะเจอ
คุณครูที่คิดทักทาย

          หลวงพ่อรูปหนึ่งเคยสอนว่า
"ต้นไม้ต้องไปหาต้นหญ้า"  พวกเรา
เปรียบเสมือนต้นไม้ต้องเป็นที่พึ่งของ
ต้นหญ้า  คอยคุ้มกันแสงแดด  ให้ไออุ่น
ในยามหน้าหนาว....

           ข้าราชการต้องเป็นผู้รับใช้
ชาวประชาจึงจะถูกต้องเหมาะสมเพราะ
รายได้ล้วนนำมาจากหยาดเหงื่อและ
ภาษีราษฎรทั้งสิ้น



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

"สิ่งที่ดีที่สุดของใครบางคน อาจเป็นสิ่งที่เลวที่สุดของใครคนหนึ่ง"

      วันนี้เราได้โทรศัพท์ติดต่อกับวิทยากรท้องถิ่นที่อาสามาสอน
ภาษาไทยทรงดำให้กับนักเรียน
       เราได้ติดต่อรายละเอียดของอาหารที่รับประทาน  เพื่อจะได้จัดเตรียมให้ในช่วงพักกลางวัน  ทำให้ทราบว่า

     "ไม่ดื่มกาแฟ แต่ดื่มโอวัลติน" (ใครเลยจะคิดว่า ผู้ชายสูงวัยไม่ดื่มกาแฟ) 
อาหารรับประทานได้เกือบหมด  ยกเว้นสัตว์ปีกและเครื่องใน"

       ดีนะเนี่ยที่เรารอบคอบโทรศัพท์ไปสอบถามเสียก่อน  มิเช่นนั้น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความคิดของเรา  อาจเป็นสิ่งที่เลวที่สุดสำหรับผู้รับก็เป็นได้

        ตัวเรามักจะห่วงใยเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษเพราะเรากินไม่เหมือนคนอื่น (มังสวิรัติ) จึงห่วงใยคนที่เป็นเหมือนเรา 

         ในความแตกต่างจากคนอื่นบ่อยครั้งก็ถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ บางคนอาจชื่นชม  บางคนอาจรำคาญมองว่าสร้างปัญหา  แต่เราไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร วางแผน และเตรียมพร้อมเสมอ 
 
          คงไม่ผิดที่คิดต่าง ขอเพียงจิตที่บริสุทธิ์  มีเมตตาต่อสรรพสิ่ง
เพียงอาหารธรรมชาติก็หล่อเลี้ยงกายขันธ์ได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนใคร

        



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

เปิดเทอมวันแรก  รู้สึกเหนื่อยมากพอสมควรเพราะต้องรับภาระหน้าที่หลายอย่าง  รู้สึกว่าเวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไปมีค่ามากเหลือเกิน

ได้สอนนักเรียนรุ่นใหม่  เห็นความตั้งใจ
ช่างพูด ช่างแซว  บรรยากาศครึกครื้นสนุกสนาน  ก็มีความสุขไปอีกแบบ

ชีวิตครูมีความสุขมากกว่าหลายอาชีพ
ได้เล่นกับเด็ก ๆ ทำให้ผ่อนคลาย  ได้ปลูกฝังคุณธรรม  มีโอกาสสร้างบุญบารมีมากมาย  โชคดีจังที่เกิดเป็นครู
น่าภูมิใจด้วยนะ  ถ้าครูทุกคนคิดเหมือนเราก็ดีนะจะได้มีศรัทธาในอาชีพครู



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

     เช้าวันนี้รู้สึกสดชื่น   เบากายเพราะรักษาศีลแปดตั้งแต่เมื่อวาน (ปกติรักษาศีลแปดทุกวันพระ)   รู้สึกหิวเล็กน้อยตื่นแต่เช้าฟังธรรมได้ข้อคิดในเรื่องของการฝึกสมาธิเบื้องต้นด้วยการลืมตา   รู้เท่าทันอารมณ์จิตที่กระทบสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาให้คอยสังวร  ระวัง วิเคราะห์ วิจัย  วิจารณ์ดีกว่าการนั่งหลับตาเพราะเป็นการกดข่ม  น่าคิดเหมือนกันนะ  การนั่งสมาธิหลับตาเหมือนหินทับหญ้า
มิใช่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงใช่ไหม ?

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ
  • วันนี้มีการเข้าค่ายคุณธรรมที่โรงเรียน  พระอาจารย์วิทยากรมี
    เทคนิคการสอนที่น่าสนใจดี  สามารถนำไปปรับใช้กับนักเรียนได้นะ
  • ช่วงบ่ายให้นักเรียนรำลึกถึงพระคุณแม่ด้วยการก้มกราบแล้วก็เปิดเพลงที่ฟังแล้วสะเทือนอารมณ์  ให้เด็กที่ไม่มีพ่อ แม่  ออกมากราบครูแทน
  • รู้สึกหดหู่ไม่น้อยเห็นเด็กบางคนร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกว่า "...รักแม่ อยากให้ทุกคนทำดีกับพ่อแม่  และโชคดีที่ยังมีพ่อแม่อยู่..."


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

วันนี้ที่โรงเรียนปฐมนิเทศนักเรียน ม.๑ และ ม.๔

เราก็ไปยืนดูให้กำลังใจครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้อง        พี่เขาวานให้ช่วยดูแลนักเรียนไหว้พระพุทธรูป  และหลวงพ่อเต๋ผู้มีคุณูปการต่อโรงเรียน

จริง ๆ เราไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้  แต่คงมีปัญหาเรื่องการประสานงาน  เห็นคำสั่งมีคนทำหน้าที่นี้หลายคน   โทษใครดีละ ?   

เวลาเราทำงานอะไรสักอย่าง  เราจะเหนื่อยมากในการขอความร่วมมือจาก
ผู้เกี่ยวข้องด้วยวาจาก่อน  แล้วค่อยพิมพ์คำสั่ง   แต่ที่นี่แปลกแฮะ...

ไม่เป็นไร  ช่วยได้เท่าที่จะช่วย ยืนอธิบายบอกเด็กสอนวิธีไหว้ที่ถูกต้อง
ต้องสอนนักเรียนกว่า ๖๐๐ คน มาทีละห้อง  ยืนจนเมื่อยแต่ได้ทำประโยชน์ให้เพื่อนครูและนักเรียนก็ควรภูมิใจ จริงไหม ?

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วราภรณ์
เขียนเมื่อ

     โรงเรียนใกล้เปิดเต็มทีแล้ว  ยังมี
ผู้ปกครองบางคน  เพิ่งพาลูกมาสมัครเรียน  เห็นแล้วก็สะท้อนอะไรบางอย่าง
ทั้งของตัวพ่อ แม่ และลูก  ที่ทำอะไรไม่มีการวางแผนล่วงหน้า  แล้วก็สร้างผลกระทบอื่น ๆ ตามมาในที่สุด

      วันนี้มีโอกาสได้พบนักเรียนรุ่นใหม่
ซึ่งเราเป็นที่ปรึกษา  ทันทีที่เด็กเห็นหน้าครู   เด็กก็ถามว่า "อาจารย์เป็นที่ปรึกษาผมหรือเปล่าครับ"

      เราบอกว่า  "ใช่ค่ะ" พวกเขาก็ปรบมือดีใจ  พร้อมกับหันไปบอกเพื่อนว่า  "บอกแล้วเห็นไหม"

      เห็นเด็กยอมรับครูได้ก็รู้สึกดีเพราะใจที่เปิดรับย่อมสามารถแนะนำ  อบรมเขาได้ง่าย    อีกทั้งเราเคยสอนบางคนมาบ้างแล้วตอนที่เราเข้ามาสอนใหม่ ๆ  ตอนนั้นเขาอยู่ ม.๓  ช่วงนั้นเราค่อนข้างตึงเครียดกับเด็กพอสมควร 
ตอนนี้ผ่อนคลายลงบ้างแล้วแหละ....

     เราจัดการเรื่องการเลือกหัวหน้าห้องโดยให้เขาเป็นคนละ ๑ เดือน ผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคน  ให้ดูแลกันเอง

      ที่ทำแบบนี้เพราะต้องการฝึกภาวะ
ผู้นำและผู้ตามที่ดี   

       ตอนที่เราเป็นนักเรียน นักศึกษา เขาเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องตลอด นับรวมก็ ๖  ปีเต็ม  เหนื่อยมากเลย  จึง
เข้าใจและเห็นใจเด็กที่รับผิดชอบสูง  ให้เขาได้ผ่อนพักบ้าง  อีกทั้งเด็กที่ชั่วชีวิตไม่เคยได้เป็นผู้นำก็มีโอกาสได้เป็น  เขาจะได้ภูมิใจ   แต่จริง ๆ แล้วเขาจำใจเพราะเด็กยุคใหม่ขาดจิตสาธารณะ  น่าเป็นห่วงและต้องปลูกฝังโดยด่วน

"สิบปีปลูกต้นไม้  ร้อยปีปลูกสร้างคุณธรรม"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท