วิถีแห่งชาวนา...ตอนที่ 3...อย่าดูหมิ่นชาวนาเหมือนดั่งตาสี เอาผืนนาเป็นที่พำนักพักพิงร่างกาย


วิถีชีวิตที่เป็น "พลังการผลิต" เป็นแหล่งที่มาแห่งปัจจัยสี่เพื่อการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์ เป็นวิถีชีวิตที่ต่ำต้อยและน่ารังเกียจกระนั้นหรือ

๑) เป็นลูกชาวนาที่เป็นคนดี

หรือ ๒) เป็นลูกรัฐมนตรีที่คอรัปชั่น

ไหนใครเลือกข้อ ๑ ยกมือค่ะ

แล้วใครเลือกข้อ ๒ บ้างคะ ยกมือค่ะ 

เป็นคำถามที่เราตั้งให้ลูกศิษย์แสดงความเห็น....ในชั้นเรียนรายวิชาเดิม

ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ยกมือเลือกข้อ(๑) ขณะที่บางคนยกมือเลือกข้อ (๒) เราให้ตัวแทนลูกศิษย์ทั้งสองกลุ่มมายืนข้าง ๆ เราหน้าชั้นเรียน แล้วให้ลูกศิษย์อธิบายว่าทำไมจึงเลือกเช่นนั้น

ชาวนาถึงจะจน ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนครับ...

จนแล้วลำบากนะ

ลำบากก็ไม่เป็นไรครับ ความสุขอยู่ที่ใจครับ...ฯลฯ

...................

เป็นลูกรัฐมนตรีรวยครับ รวยแล้วสบายครับ...

แล้วพ่อโกงล่ะ ไม่อายหรือที่มีพ่อขี้โกง

พ่อก็ส่วนพ่อ ผมก็ส่วนผม...ไม่เกี่ยวกันครับอาจารย์...ฯลฯ 

เราใช้เวลาของชั่วโมงเรียนนับต่อจากนั้นอธิบายถึงความสำคัญของภาคการเกษตรที่มีต่อการพัฒนาประเทศ... ความสำคัญของพี่น้องเกษตรกรที่มีต่อการดำรงอยู่ของผู้คนในภาคส่วนอื่น ๆ ของสังคมไทย...  

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกศิษย์ของเราเลือกที่จะเป็นลูกรัฐมนตรีมากกว่าที่จะเป็นลูกชาวนา แม้คุณค่าของชาวนาที่เป็น คนดี จะมีมากกว่ารัฐมนตรีที่ คอรัปชั่น ก็ตาม การเกิดและเติบโตท่ามกลางสังคมที่ให้ความสำคัญด้านวัตถุ สังคมที่ละเลยและทำลายฐานคิดทางคุณค่าและจิตวิญญาณ ทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งที่ถูกแลกด้วยค่าของความเป็นมนุษย์ การเปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตรสู่สังคมอุตสาหกรรมภายใต้กระบวนทัศน์การพัฒนากระแสหลัก ได้สร้างความอ่อนแอ สร้างปัญหาและวิกฤติให้แก่ผู้คนในสังคมทั่วโลกมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศที่เรียกกันว่าประเทศที่ พัฒนาแล้ว  

สมัยที่เรียนอยู่ฝรั่งเศส ได้วิวาทะเรื่องทางเลือกในการพัฒนาทั้งกับ Professor และกับเพื่อน ๆ หลากหลายเชื้อชาติ จำได้ว่า Herve เพื่อนรักเรา (เป็นลูกเกษตรกร เกิดที่เมือง Tours ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ Loire พื้นที่เพาะปลูกธัญพืชที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ปัจจุบันนี้ Herve เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Sorbonne กรุงปารีส) เคยเล่าให้เราฟังว่า แม้ในประเทศฝรั่งเศสซึ่งมีการปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยพันธนาการทางชนชั้น เป็นประเทศต้นแบบของสังคมที่มีฐานคิดที่เข้มแข็งในด้าน อิสรภาพ เสรีภาพ และภราดรภาพ  แต่ วิถีของคนเกษตร ก็ยังมิได้รับการยกย่องให้เกียรติในสังคมฝรั่งเศสเท่าที่ควร เพื่อนเล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อยังเด็ก ขณะกำลังช่วยพ่อทำงาน แม่ให้ไปซื้อขนมปังที่ร้านในเมือง สายตาของคนที่ร้านขายขนมปังที่มองมายังเสื้อผ้าที่เพื่อนใส่ซึ่งเป็นชุดทำงานในแปลงนั้น เป็นสายตาที่ทำให้เพื่อนรู้สึกว่ากำลังถูก เหยียดหยามและดูหมิ่น ....... 

ไม่ว่าจะเป็นชาวนาไทย ชาวนาฝรั่งเศส หรือชาวนาประเทศไหน ๆ บนโลกใบนี้ล้วนมีวิถีแห่งชาวนา วิถีชีวิตที่เป็น พลังการผลิต” เป็นแหล่งที่มาแห่งปัจจัยสี่เพื่อการดำรงอยู่ของมวลมนุษย์

วิถีแห่งชาวนา...เป็นวิถีชีวิตที่ต่ำต้อยและน่ารังเกียจกระนั้นหรือ

 เสียงเพลง กลิ่นโคลนสาบควาย ดังแว่วมาในโสตสำนึก....

อย่าดูหมิ่นชาวนาเหมือนดั่งตาสี เอาผืนนาเป็นที่พำนักพักพิงร่างกาย ชีวิตเอยไม่เคยสบาย....ฝ่าเปลวแดดแผดร้อนแทบตาย  ไล่ควายไถนาป่าดอน

เหงื่อรินหยดหลั่งลงรดแผ่นดินไทย จนผิวดำเกรียมไหม้ แดดเผามิได้อุทธรณ์ เพิงพักกายมีควายเคียงนอน...กลิ่นโคลนสาปควายเคล้าโชยอ่อน ยามนอนหลับแล้วใฝ่ฝัน 

กลิ่นโคลนสาปควายเคล้ากายหนุ่มสาวแห่งชาวบ้านนา ไม่ลอยเลิศฟ้าเหมือนชาวสวรรค์ หอมกลิ่นน้ำปรุงฟุ้งอยู่ทุกวัน กลิ่นกระแจะจันทร์หอมเอยผิวพรรณนั้นต่างชาวนา

อย่าดูถูกชาวนาเห็นว่าอับเฉา มือถือเคียวชันเข่า เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา ชีวิตคนนั้นมีราคา.... ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา บูชากลิ่นโคลนสาปควาย

 ฐานะและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์วัดกันที่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับเท่านั้นหรือ....

แล้วเมื่อใดกันเล่าที่ ความดี ความงาม คุณค่าที่แฝงฝังอยู่ภายใน...จะถูกนำมาเป็น ดัชนีชี้วัดความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  

หมายเลขบันทึก: 93126เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2007 23:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)

P

สวัสดีค่ะอาจารย์

เรื่องนี้ต้องถอนใจนะคะ

การทำนา ประเทศไหนก็แล้วแต่ มักดูว่า ชาวนามีการศึกษาน้อย จึงต้องใช้แรงกายเข้าสู้ค่ะ เรื่องนี้ ถกกันได้ยาวค่ะ  แม้แต่ชาวนาเอง ก็พยายามส่งลูกให้เรียนสูงๆและให้ทำอาชีพอื่นค่ะ

แต่จริงๆแล้ว ถ้ามีเครื่องทุ่นแรง และเทคโนโลยี่ดี ชาวนาก็มีเงินนะคะ ที่ฝรั่งเศสดิฉันก้เคยไปดูการเกษตรเขาหลายหนค่ะ

  • ลูกชาวนาแห่งบ้านหนองขาว กาญจนบุรีมารายงานตัวครับ
  • เราปลูกข้าว สู้ราคาข้าวไม่ค่อยได้ครับอาจารย์
  • ค่าปุ๋ย ค่ายา
  • พยายามบอกชาวบ้านให้ใช้ปุ๋ยธรรมชาติ แต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้มาก
  • ที่แย่กว่านั้นมีปุ๋ยปลอมมาหลอกขายชาวบ้าน
  • บอกว่ามาจากเกษตรศาสตร์ โอโห มหาวิทยาลัยเราเอง
  • ขอดูบัตรนักศึกษา หนีกันกระเจิง
  • เอาบันทึกพ่อครูบาสุทธินันท์
  • มาฝากอาจารย์ครับที่นี่
  • วันที่ 21 พค ตอนเช้าว่างไหมครับ

ตัวเองคิดว่า การที่ใครจะมองเราอย่างดูถูกยังไม่สำคัญเท่าเราอย่าดูถูกตัวเอง การมีศักดิ์ศรีที่ความดี มีสติปัญญา สามารถพึ่งตนเองได้ เป็นการทำให้ชีวิตเป็นอิสระ

ชีวิตของเราต้องเลือกเองว่าจะยืนตรงไหน

คุณเดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ(ที่อาจารย์ร่วมงานคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี)จึงให้ความสำคัญของการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ชาวนา

ชอบอ่านสิ่งที่อาจารย์เขียน ทำให้มองเห็นว่าอนาคตของชาติ(เยาวชน)จะสร้างชาติไปทางใด จะรักษาสมบัติที่แผ่นดินให้ไว้ได้แค่ไหน

ลูกศิษย์ของอาจารย์โชคดีที่ได้เรียนอย่างสนุก ได้คิด ได้เปิดมุมมองที่ไม่มีสอนในตำราค่ะ

P ขอบคุณมากค่ะ คุณSASINANDA สำหรับข้อคิดเห็นดี ๆ ค่ะ
เวลาทำเวทีกับชาวนา ตั้งคำถามเหมือนกันว่า ...ไหนใครอยากให้ลูกเป็นชาวนาบ้าง... ก็มีหลายคนที่ยกมือนะคะ แต่ส่วนใหญ่เป็นอย่างที่คุณ sasinanda บอก คือ ไม่อยากให้ลูกต้องมาลำบากเหมือนตัวเอง
ที่บ้านเมือง Tours ของ Dr.Herve เพื่อนที่เล่าเรื่องให้ฟังนั้น ก็ใช้เครื่องทุ่นแรงหลายอย่างค่ะ ช่วงที่เก็บเกี่ยวข้าวสาลียังเคยขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คนขับรถเก็บเกี่ยวซึ่งก็คือคุณพ่อเพื่อนนั่นเอง ที่บ้านเพื่อนมีรถยนต์ 2 คัน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในบ้านทุกอย่างค่ะ แถมเกษตรกรฝรั่งเศสมีบำนาญอีกต่างหากค่ะ แต่ที่เป็นเช่นนี้ได้ มีสาเหตุมาจากหลายประการค่ะ ขณะนี้เกษตรกรเค้าเหลือประมาณ 4% (ของเราประมาณ 50% ) นโยบายการพัฒนาภาคเกษตรโดยมีฐานจากองค์ความรู้ที่สร้างขึ้นในบริบทประเทศเค้า (ของเรา importมา และคนไทยไม่ชอบเป็นนักวิทยาศาตร์หรือนักวิจัย) กติกาและกฎหมายที่ดูแลคุ้มครองภาคเกษตร (ของเราทำให้ภาคเกษตรอ่อนแอลงทุกวัน) รัฐท้องถิ่นที่ขับเคลื่อนเรื่องสาธารณะ (เราก็กำลังทำแต่ช้ามากมาก) การลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเงินของประเทศจึงไม่เจอภาวะ mobility of capital (เมืองไทยเป็นการลงทุนข้ามชาติ ผลประโยชน์ถูกดูดกลับประเทศแม่และหากค่าจ้างแพงกว่าที่อื่น นักลงทุนก็พร้อมย้ายฐานการผลิต) ระบบภาษีที่เข้มแข็งและเป็นรัฐสวัสดิการ (ของเรามีการเลี่ยงภาษี และภาวะจนกระจุก -รวยกระจาย)ฯลฯ
  
ตัวเองตั้งใจเปิดประเด็นนี้ให้วิวาทะค่ะ.....
ที่สำคัญ หากสังคมรับรู้ความเป็นจริงและปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่น้องร่วมชาติ  คนที่มี "ความพร้อม" และมีความ "พอเพียง" คงยินดีเกื้อกูลคนที่ลำบากกว่า ซึ่งจะทำให้ทุนทางสังคมในบ้านเรางอกงามยิ่งขึ้นค่ะ
P น่าภาคภูมิใจค่ะ ที่ลูกชาวนาคนหนึ่งของบ้านหนองขาวในวันนี้กำลังทำในหลายสิ่งหลายอย่างที่เอื้อให้สังคมอยู่ดีมีสุข (รับรู้ได้จากการอ่าน blog ของอาจารย์ขจิตค่ะ อ่านไปยิ้มไปค่ะ จะพยายามหาเวลาอ่านเรื่องราวที่อาจารย์เขียนไว้ช่วงก่อน ๆ ด้วยค่ะ) 
ราคาข้าวเอาแน่นอนไม่ได้ค่ะ และอย่างที่บอก..แนวโน้มราคาธัญพืชทั่วโลกตกต่ำมาโดยตลอด ทางออกอาจมีหลายทาง เช่น ช่วยกันกินช่วยกันซื้อให้มากขึ้นเพราะคนไทยกินข้าวเฉลี่ยลดลงค่ะ อาหารพวก fast food และมาม่าขายดี คงต้องทำงานเชิงรณรงค์กลุ่มผู้บริโภค (เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว Prof. ที่ดูแลวิทยานิพนธ์คือ ครู Marc แวะมาเยี่ยมขณะที่กำลังเก็บข้อมูลอยู่ที่เมืองไทย ครูเห็นเราทานอาหารเช้าซึ่งก็คือกาแฟ&ขนมปัง ถูกครูตั้งคำถามว่า ทำไมเธอไม่กินข้าว....แล้วชาวนาจะเป็นอย่างไร เป็นว่าได้ถูกครูฝึกให้คิดแบบเชื่อมโยงตอนอาหารเช้านั้นเองค่ะ ) การหาแนวทางแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ การใช้กลไกอื่นในการกำหนดราคาที่ไม่ใช่เพียงกลไกตลาดของ Demand-Supply ฯลฯ
อีกอย่างระบบ "พ่อค้าคนกลาง" ในบ้านเราที่ว่าไปแล้วมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งค่ะ ทำเวทีกับชุมชนมากว่า 20 ปี ปัญหาก็ยังเหมือนเดิมอย่างที่อ.ขจิตบอกนั่นแหละค่ะ...ราคาปุ๋ยยาแพง ราคาข้าวต่ำ...พยายามชวนคิดชวนคุยหลายเรื่องเพื่อหาช่องทางสร้างความเข้มแข็งของชาวนา เช่น การทำโรงสีชุมชน การมีระบบซื้อ-ขายโดยตรง การผลิตข้าวอินทรีย์ ฯลฯ ซึ่งก็ได้ผลในหลายพื้นที่ค่ะ มีโอกาสอาจได้ไปร่วมเรียนรู้กับชาวนาที่หนองขาว เคยพานิสิตป.โทลงทำงานที่หมู่บ้านหนองขาว...ดินแดนที่ไก่บินไม่ตกจากหลังคา...ใช่ไหมคะ ผ่านหนองขาวบ่อย ๆ ค่ะ มีงานพื้นที่ที่กาญจนบุรี และมีน้องสนิทกันบ้านอยู่ที่ทุ่งสมอค่ะ
จะไม่ให้ชาวบ้านถูกหลอกก็ต้องช่วยกันค่ะ เดินสายสร้างกระบวนการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้มากขึ้น ทั้งให้แก่ตัวเราเอง ตัวลูกศิษย์ที่เราดูแล และให้แก่ชุมชนชาวบ้านเท่าที่จะมีโอกาสค่ะ
อ.ขจิตเคยไปมูลนิธิข้าวขวัญที่สุพรรณบุรีมาหรือยังคะ มี "โรงเรียนชาวนา" ที่ทำให้ชาวนาเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งเรื่องวิธิคิดและวิธีปฏิบัติ นำไปสู่การพึ่งตนเองมากขึ้น เป็นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนค่ะ
วันที่ ๒๑ พ.ค. มีประชุมที่กทม.ทั้งวันค่ะ เสียดายจัง
อ.ขจิตอยู่กำแพงแสนถึงวันไหนคะ อาจโทรนัดหมายกันอีกทีนะคะ ขอบคุณมากที่จะมาช่วยสอนวิธีการทำ blog ให้มีสีสันค่ะ
P Bonjour Madamme Docteur....ใช่เลยค่ะ....
 การที่ใครจะมองเราอย่างดูถูกยังไม่สำคัญเท่าเราอย่าดูถูกตัวเอง การมีศักดิ์ศรีที่ความดี มีสติปัญญา สามารถพึ่งตนเองได้ เป็นการทำให้ชีวิตเป็นอิสระ
เป้าหมายของขบวนการขับเคลื่อนที่กำลังร่วมกันทำกับพี่ ๆ น้อง ๆ ในอีกหลายวงเรียนรู้ก็คือความหมายในถ้อยคำข้างบนที่ code มาจากอ.ดร.ยุวนุช นั่นแหละค่ะ
ขอเชิญชวนท่าน Madamme Docteur (ที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ และ นิพพานสมบัติ) มาร่วม Care&Share&Learn ด้วยนะคะ หากมีจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม...และถ้าหากไม่รบกวนความสุขสงบของบ้านริมน้ำป่าสักจนเกินไป อาจมีสักวันที่พวกเราชวนกันไปตั้งวง "สุขสนทนา" นะคะ
พี่เดชาเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งในชีวิตที่ inspire ให้ตัวเองมีกำลังใจที่จะก้าวเดินในเส้นทางนี้ค่ะ 
เราคงไม่สามารถต้านทานกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงภายใต้กระบวนทัศน์ "กิเลสนิยม" ได้เท่าใดนักหรอกค่ะ สังคมคงเสื่อมลงเรื่อย ๆ ....ในพุทธทำนายก็มีปรากฏอยู่แล้ว.... แต่สิ่งที่เราพอทำได้ก็คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งที่เป็น "วิชชาชีวิต" ให้กับคนรอบตัว เยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตอาจซึมซับเรื่องราวเหล่านี้ และอาจช่วยถ่วงให้เวลาแห่งความเสื่อมมาถึงตัวได้ช้าลงบ้างค่ะ

หากมีอะไรที่อาจารย์คิดว่าพี่จะพอช่วยได้ขอให้บอก ยินดีที่จะได้ทำงานด้วยกันกับคนที่คิดเหมือนๆกันนะคะ

ที่บ้านยินดีต้อนรับอาจารย์และเพื่อนพ้องเสมอ ชวนคุณเดชา ด้วยนะคะ จะรู้สึกป็นเกียรติที่มีโอกาสต้อนรับผู้เดินทางไกลมาเยือนค่ะ

....ที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ และ นิพพานสมบัติ... ขอบคุณที่อาจารย์มองพี่ดี๊ดีค่ะ

ฟังดูแล้วตัวเองยังห่างไกล โดยเฉพาะประการหลัง ยังอยู่แค่ขั้นอนุบาล

นี่หากคนข้างกายเห็นคงขำกลิ้ง เขาบอกว่าพี่เป็น "นางฟ้า" แต่มีคำตามมากลายเป็น "นางฟ้าผ่า"ค่ะ

  • ขอบคุณอาจารย์มากครับ
  • เคยไปที่พี่เดชาแล้วครับ
  • ประทับใจมาก
  • อาจารย์เคยไปที่พ่อครูบาสุทธินันท์ไหมครับ
  • ไปถึงกำแพงแสนแล้วจะนัดวันที่อาจารย์ว่างๆครับผม
จะเป็นลูกชาวนาหรือลูกนายกฯ คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ตรงนามธรรมนี้ แต่จิตใจต่างหากที่สำคัญที่สุด ในเมื่อเป็นคนดีแล้วไซร้ไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า..จิตใจที่ดีที่มีกุศลจะน้อมนำให้เราประสบพบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในชีวิต ...เป็นคำของพ่อที่คอยสอนเสมอค่ะ  พ่อซึ่งจบแค่ป.4 และเป็นลูกชาวนา แต่สามารถสร้างครอบครัว และให้ชีวิตให้ความรักและคำสั่งสอนแก่ลูกเสมอมา
P    เคยไปพักค้างที่บ้านพ่อครูบาสุทธินันท์มาแล้ว ค่ะ ได้เรียนรู้อะไรๆ มากเลย ยังจำได้ถึงรสชาติของ Passion Fruit กับน้ำผึ้ง...
P
ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะหาโอกาสเหมาะๆ ชวนเพื่อนร่วมความคิดและพี่เดชาไปเยี่ยมเยือนอาจารย์ที่บ้านริมน้ำนะคะ
.....ผู้สนใจเรียนรู้และปฏิบัติธรรม คือ ถึงพร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ย่อมเข้าถึงฝั่งพระนิพพานได้ในที่สุดค่ะ
P  สวัสดีค่ะคุณหนูนิด
เห็นด้วยทุกประการค่ะ จิตใจที่ดีงามสำคัญที่สุดค่ะ
อ่านแล้วอยากรู้จักคุณพ่อคุณหนูนิดจังค่ะ เป็นคุณพ่อที่ทั้งเก่งทั้งดีนะคะ น่าภาคภูมิใจจังเลยค่ะ

เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ ครับ

ความจริงก็คือความจริงครับ 

แต่เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจความจริงที่แท้จริง  ซึ่งไม่ใช่แค่ความจริงที่เกิดจากการสร้างขึ้น  

วันหนึ่งเมื่อเขาเหล่านั้นมีประสบการณ์กับตัวเองก็จะทำให้เขาเข้าใจได้มากขึ้น  กระผมเชื่อครับว่าความดีย่อมให้ผลดี เช่นเดียวกับต้นไม้ที่เป็นพันธุ์ดีย่อมให้ผลที่ดี แต่คุณภาพย่อมขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา การดูแลเอาใจใส่ รวมทั้งการจัดการที่เข้าใจ ไม่เช่นนั้นผลที่ได้อาจมีตำหนิหรือด้อยคุณภาพลงก็อาจเป็นได้ จริงหรือเปล่าครับ

"อย่าดูถูกชาวนาเห็นว่าอับเฉา มือถือเคียวชันเข่า เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา ชีวิตคนนั้นมีราคา.... ต่างกันแต่ชีวิตชาวนา บูชากลิ่นโคลนสาปควาย"

    เดี๋ยวนี้ไม่มีคนเรียนวิทยาลัยเกษตรฯ แม้จะเรียนฟรี มีที่พัก อาหาร ฟรี มีรายได้ระหว่างเรียน

    ค่านิยมทางสังคม

    ผู้ปกครองบอกว่า ถ้าจะเรียนเกษตรก็ทำนาที่บ้านก็ได้

    วันก่อนได้ไปเยี่ยม คุณแหลม ยโสธร  อรหันต์ชาวนา ได้ข้อคิดมาก เดี๋ยวจะเอามาเสนอทีหลัง 

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • พ่อเป็นข้าราชการเกษียณอายุแล้วค่ะ
  • พ่ออยู่ที่จังหวัดมหาสารคามค่ะ
  • พ่อเป็นโรคเก๊าท์ ไม่ชอบไปหาหมอกลัวลูกหมดเงิน..กลัวสารพัด สุดท้ายสำคัญค่ะ กลัวหมอ
  • ถ้าอยากรู้จักพ่ออาจารย์ลองอ่านดูนะค่ะ

 

บันทึกถึงพ่อ

http://gotoknow.org/blog/Myself/82198

เมื่อคืนที่ผ่านมาผมได้ลองโทรศัพท์ถามเพือนที่เป็นลูกชาวนาซึ่งกระผมได้มีโอกาสไปช่วยคุณพ่อของเขาทำนาเมื่อประมาณเดือนเมษายน ในหัวข้อจะเลือกเป็นใครระหว่างเป็นลูกชาวนาที่เป็นคนดีแต่ยากจนกับเป็นลูกรัฐมนตรีที่โกงกินและร่ำรวย เพื่อนกระผมใช้เวลาคิดแค่ไม่ถึง 10 วนาที ตอบมาด้วยความมั่นใจว่าเป็นลูกรัฐมนตรี ผมถามกลับไปว่าเพราะอะไร ตอบใหม่ก็ได้นะ เขาก็ยังยืนยัน พร้อมให้เหตุผล ใครๆก็จำเป็นต้องใช้เงิน เพราะฉนั้นเป็นลูกรัฐมนตรี มีเงินเยอะ สังคมทั่วไปก็ยอมรับกันที่เงิน ไม่เห็นมีใครชอบหรือยอมรับคนดีแต่ยากจน เพราะคิดว่าช่วยเหลือเขาไม่ได้ในสภาพสังคมปัจจุบัน แต่เงินช่วยได้ ผมก็เลยพูดว่า"ทำไมเราต้องทำตามคนอื่น" เขาก็ตอบว่า "ถ้าทำไม่เหมือนคนอื่นเราก็อยู่ในสังคมลำบาก" ผมก็คิดถึงทฤษฎีการปรับตัว อาจจะจริงอย่างเขาว่า แต่ถ้าปรับตัวกันอย่างนี้ก็น่าเป็นห่วงจริงไหมครับ นี่คือความจริงที่ออกมาจากความคิดจากใจของลูกชาวนา แล้วความจริงหรือความคิดของลูกรัฐมนตรีหละครับจะเป็นอย่างไร หากมีลูกรัฐมนตรีท่านใดได้อ่านช่วยตอบหน่อยนะครับจักขอบพระคุณอย่างยิ่ง และท้ายนี้ขอขอบพระคุณเพื่อนผู้ให้ข้อคิดนี้ ขอขอบพระคุณ ดร. ทิพวัลย์ สีจันทร์ ที่ได้ตั้งกระทู้ที่น่าสนใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

            เป็นประเด็นถูกใจผมมาก ๆ  บางทีดูผู้คนเรื่องราวใน นี้ ไม่เห็นว่าประเทศไทยเรามันจะยุ่งเหยิงตรงไหน  คนทำงานคนคิดคนรับผิดชอบเขาก็ทำหน้าที่ไปอย่างตั้งใจและมีสัมมาทิฐิ   สิ่งที่ทำให้วุ่นส่วนใหญ่ไม่พ้นเรื่องเงิน วัตถุนิยม พ่อค้าหน้าเลือด และพวกที่คิดว่าตัวเองฉลาดและอยู่ระดับนำประเทศนี้

              น่าจะถอดร่างทรงตัวเองมาดูคนส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 50 % ที่อาจารย์กล่าวถึงนะครับ

              ผู้อาวุโสท่านหนึ่งบอกผมว่าเราต่างเล่นละครกันทั้งนั้นในบทบาทที่ได้รับมา หากไปยึดกับบทมากเกินไปก็จะไม่เห็นชีวิตจริง ๆ ของเราและเพริดไปกับบทที่ได้รับ

             1. พลังการผลิต ผมนึกถึงปรัชญาสังคมนิยมไปเลยครับ ที่จริงมีจุดน่าสนใจนะครับ

              2. ประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายเทียบกับเราคงยากครับ คุณค่าของเกษตรกรของพวกเขาก็ตีความหมายเทียบกับอุตสาหกรรมไปแล้ว คืออุตสาหกรรมเกษตร อย่างที่อาจารย์ว่ามีเครื่องทุ่นแรงมากมาย

              3. ประเทศเราคงยังจนอยู่หากเทียบจำนวนเม็ดเงินทั่วโลก

               4. หากเทียบทรัพยากรกันแล้วเราไม่จนแน่นอนครับ เป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยซ้ำ

               5. หลักคิดเรื่องไม่อยากให้ลูกเป็นชาวนามีทุกครอบครัวครับ เพราะเราได้ค่านิยมอุตสาหกรรมและวัตถุนิยมมาอย่างหนัก และถึงไม่ได้ค่านิยมนี้   ค่านิยมหนึ่งที่สั่งสมในสังคมเราคือศักดินาอยู่แล้ว 

              พ่อผมบอกว่าเรียนให้ได้เป็นเจ้าคนนายคน

              วันหนึ่งเจ้าคนนายคนเยอะแล้ว   ตอนนี้เราก็เปลี่ยนมาเป็นพ่อค้าวานิช นักลงทุนกันมากขึ้น

              เพราะว่าเราต้องการค้าขายทรัพยากรของเราไปให้พวกอุตสาหกรรมใหญ่ จี 7 นั่นและจีน

              เพราะเห็นว่าเราดึงเงินทุนเขามาลงเพื่อสร้างงานแล้วเขาก็เอากำไรจากหยาดเหงื่อแรงงานราคาถูก ทรัพยากรทางสิ่งแวดล้อมธรรมชาติที่ค่ามหาศาล

              ดังนั้นเราจึงพัฒนาความรู้วิทยาศาสตร์ไปสู้กับเขาบ้าง   ไปลงทุนชาติอื่น ทำตัวเหมือนพ่อค้าตะวันตกบ้าง   เอาหยาดเหงื่อราคาถูกและทรัพยากรล้ำค่าของเขามาใช้ที่บ้านเราบ้า

              เราจึงถูกประเทศเพื่อนบ้านทางฝั่งทิศตะวันออกประท้วงจราจลเผาพื้นที่และผลประโยชน์ของพ่อค้าวานิชจากบ้านเราไปหาประโยชน์จากเขา

              คือความล่มสลายของเศรษฐกิจทุนนิยมที่สุดโต่ง  ปราศจากกฎระเบียบที่เอื้อต่อประเทศเล็กทุกน้อย   แต่ระเบียบทั้งหลายไปเอื้อกับประเทศใหญ่เงินเยอะ

              ฝรั่งเศษ อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่นที่ร่ำรวย  ก็เพราะได้เม็ดเงินจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกไปรวมกันไว้  ทั้งนี้เพราะเราใช้คุณค่าดอลล่า  และทองคำเป็นพระเจ้าสูงสุด  

             ไร้ประโยชน์ที่เราจะไปค้าขายหรือพัฒนาเทคโนโลยีตามประเทศเหล่านั้น เพราะฐานของเราคือเกษตรกรรม พื้นที่เราเหมาะเช่นนั้น  ครัวโลกคือทิศทางที่ถูกต้อง  แต่ต้องลดเงื่อนไขของทุนนิยมลงไปก่อน  ไม่งั้นเกษตรกรก็แย่  ไม่มีทางได้ปุ๋ยราคาถูก ไม่มีทางอดทนรอต่อผลผลิตระยะยาว ยั่งยืน เพราะไม่มีเงินใช้หนี้  จึงต้องเร่งผลผลิตโดยวิธีต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลเสียตามมามากมายทั้ง มลพิษ แมลงดื้อยา มะเร็ง ภูมิแพ้ สินค้าถูกกีดกัน   คุณภาพสู้คู่แข่งไม่ได้

            เกษตรพอเพียงเป็นคำตอบได้ดี มาก รัฐสวัสดิการจะเป็นอีกส่วนที่ช่วย อีกส่วนคือการคมนาคมและขนส่งมวลชนที่สะดวกสบายมีประสิทธิภาพ    การส่งเสริมศักยภาพของสหกรณ์การเกษตร   การแปรรูปผลผลิตในระดับชุมชน  การส่งเสริมการตลาดโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง  

           หากเราทุ่มเทการแก้ปัญหาภาคเกษตรได้จริงจังและกล้าแตะต้องผลประโยชน์พ่อค้าเกษตรรายใหญ่ได้  ประเทศเราดีกว่านี้ครับ

            ผมว่าประเทศที่รวยทั่วโลกมีไม่กี่ประเทศและเงินก็กระจุกอยู่กับคนไม่กี่คนบนโลกนี้หรอกครับ

            พวกนี้หากวันหนึ่งค่านิยมแห่งเทคโนโลยีมันเปลี่ยนกลับมาที่ความพอดีพอเพียงล่ะก็   เจ้าของห้างแพลอต ก็ต้องลงมาปลูกข้าวสาลีไว้ทำขนมปังบ้างล่ะ ไม่งั้นก็ประมาณว่า  บิล  เกต  ต้องขายคอมพิวเตอร์พร้อมลิขสิทธิ์สักเครื่องหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งแยมดี ๆ สักขวด

             สรุป เราไม่ได้แย่ ไม่ได้จน ไม่ได้โง่กว่าใคร ๆ หรอกครับ  แต่เราไปตามค่านิยมและคุณค่าของฝรั่งมากเกินไป   ใครจะไปรู้  วันหนึ่งเทคโนโลยีที่ทั่วโลกใฝ่ถึงที่จะได้เรียนรู้   อันดับหนึ่งก็คือ การติดตา แอ๊ปเปิลบนต้นมะม่วงป่า ก็เป็นได้

             ขอบคุณที่ได้มีโอกาสวิวาทะ ครับ ยาวไปนิด วันหลังหาเวลาคุยกันจะดีกว่าครับ

                 เพลงชาวนาของอาจารย์ผมคุ้นชินครับ บ้านผมทำนาผมก็ทำเป็น ตอนนี้ผมก็กลับไปที่นาของผม  ตั้งใจจะทำนาไว้กินข้าวเองเหมือนกันครับ

                แต่เพลงมันเศร้านะครับ   เอาเพลงนี้ดีกว่า

         "หอมเอยหอมดอกกระถิน  รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาย่านาง มองเห็นบัวสะร่างลอยปลิ่มริมบึง

           ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา   ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า  มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา หวานแว่วแผ่วดังกังวาล.............."

วันนี้เข้ามาดูว่ามีใครเข้ามาเขียนเพิ่มเติมก็เลยได้มีโอกาสอ่านของคุณสุมิตรชัย  คำเขาแดง เป็นบทความที่บรรยายให้เห็นถึงความจริงที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน  ถ้าไม่ใช้ระบบเงินตรา หรือทองคำ เปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางธรรมชาติซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและดำรงเผ่าพันธุ์  ที่ต่อไปในอนาคตน่าจะเป็นสิ่งที่หายากหรือขาดแคลน อาจจะเป็นอย่างที่คุณสุมิตรชัยกล่าวไว้ว่า"อาจต้องขายคอมฯมาซื้อแยม หรือต้องจ่ายค่าเรียนรู้การติดตาแอ๊ปเปิ้ลบนต้นมะม่วง" เมื่อนั้นคนไทยอาจเป็นผู้นำของโลกก็อาจเป็นได้จริงหรือเปล่าครับ

คุณวุฒิชัย สังข์พงษ์ และคุณวรชัย หลักคำ

 ขอบคุณมากสำหรับข้อคิดเห็นค่ะ

อยากเปิด "เวที" พูดคุยเรื่องนี้ร่วมกันนะคะ

ขอเวลา "เตรียมการ" สักระยะหนึ่งนะคะ แล้วจะแจ้งให้ทราบวันเวลาสถานที่...แล้วจะติดต่อทั้งสองท่านได้อย่างไรคะ

P คุณหนูนิดคะ
          ได้อ่านแล้วค่ะ รู้สึกตื้นตันใจค่ะในความรักที่คุณหนูนิดมีต่อคุณพ่อค่ะ
           ภูมิใจแทนคุณพ่อที่มี "ลูกสาว" ที่น่ารักอย่าคุณหนูนิดนะคะ

สวัสดีค่ะคุณสุมิตรชัย

ขอบคุณมากสำหรับ "บทความ" ที่ "โดนใจ" ค่ะ

เรื่องพวกนี้ "วิวาทะ" กันได้นานนับหลายวันทีเดียวค่ะ

มีโอกาสคงได้ "คุย" กันแบบไม่ต้องพิมพ์นะคะ

 

สวัสดีครับ

    ถ้าจะเป็นชาวนาต้องไม่หวังรวย

    แต่อยู่อย่างมีความสุขแบบพอเพียง

P

เวลาที่ทำ "วงเรียนรู้" กับพี่น้องชาวนา ก็จะพาคุยเรื่อง"ความสุข" ที่เราสามารถ "มี" ได้จากการมีชีวิตภายใต้วิถีที่ "พอเพียง" นี้แหละค่ะ

เพราะคนบางคนสุขกาย... แต่ไม่สุขใจ

ถ้าเราเรียนรู้ที่จะทำ "ใจ" เราให้มี "ความสุข" ไม่ว่าจะอยู่อย่างไร อยู่ที่ไหนก็มีความสุข... ชีวิตก็ไม่ได้ต้องการ "อะไร" มากมายเลยค่ะ

 

ก่อนอื่นขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ทิพวัลย์  สีจันนทร์ เป็นอย่างสูงครับที่ให้เกียรติกระผมในโอกาสที่จะจัดเวทีพูดคุย  กระผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับสถานที่ทำงานของกระผมคืออุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ตำบลคลองวาฬ  อำเภอเมือง  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  77000   ขอเรียนเชิญมาเยี่ยมชมอุทยานฯครับ  หากอาจารย์มีโอกาสมาเที่ยวสามารถโทรที่เบอร์ 0899778987  เพื่อกระผมจะได้มีโอกาสต้อนรับ  และนำชมส่วนต่างๆของอุทยานฯ ซึ่งประกอบด้วย อาคารดาราศาสตร์ อาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ  โบราณสถาน และอื่นอีกหลายจุดที่กำลังจะเปิดให้เข้าชมครับ  พอดีช่วงก่อนหน้านี้กระผมออกเคลื่อนที่ไปจัดกิจกรรมให้นักเรียนตามโรงเรียน  และไปจัดกิจกรรมที่ศูนย์วิทย์จังหวัดตรัง เพิ่งจะกลับมาเตรียมจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทย์ที่อุทยานฯ ครับ  เลยทำให้ห่างไปจากgotoknow

เรียน ดร. ทิพวัลย์  สีจันทร์

ขอขอบพระคุณที่ให้เกียรติกระผมในโอกาสที่ท่านอาจารย์จะจัดเวที พูดคุย  สำหรับที่ทำงานของกระผมปัจจุบันคืออุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ 77000  หากอาจารย์มีโอกาสผ่านมาเที่ยว รบกวนอาจารย์ติดต่อที่เบอร์ 0899778987  เพื่อกระผมจะได้เป็นไกด์นำเที่ยวที่อุทยานฯ  ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ  อาคารดาราศาสตร์ และอื่นๆ ที่กำลังจะเปิดบริการ ช่วงที่ผ่านมากระผมไม่ได้เข้ามาอ่านเพราะต้องเคลื่อนที่ไปจัดกิจกรรมตามโรงเรียนและศูนย์วิทย์จังหวัดตรัง เพิ่งจะกลับมาก็ต้องเตรียมทำสื่อจัดกิจกรรมสัปดาห์วิทย์ต่ออีกครับ ระหว่างค้นหาภาพจึงได้เข้ามาอ่านและตอบจดหมายของอาจารย์   ท้ายนี้ขอให้อาจารย์ประสบแต่สิ่งที่ดีๆ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายทั้งปวงครับ  

เรียน ดร. ทิพวัลย์  สีจันทร์

                          ขอขอบพระคุณครับที่ให้เกียรติกระผมในโอกาสที่อาจารย์จะจัดเวทีพูดคุย  ปัจจุบันกระผมทำงานอยู่ที่อุทยานวิทยาสาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ  ต.คลองวาฬ อ.เมือง   จ.ประจวบฯ 77000

หากอาจารย์ผ่านมาแล้วพอจะมีเวลาแวะเยี่ยมชมกระผมรบกวนอาจารย์โทรที่เบอร์ 0899778987  กระผมจะได้แปลงกายเป็นไกด์นำอาจารย์เยี่มชมอุทยานฯนะครับ  ห่างไปจากgotoknow หลายวันเพราะติดภารกิจเคลื่อนที่ครับ  ท้ายนี้ขอให้อาจารย์ประสบแต่สิ่งที่ดีๆ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายทั้งปวงครับ

 

ผมมีวิธีแก้ปัญหาความยากจนของชาวนาหลายวิธี ที่สามารถทำให้รวยกว่าพ่อค้า ดีกว่าข้าราชการ ได้มากกว่ากองทุนเงินล้าน มีเงินให้รัฐบาลก็ยืม อยากขอเชิญสมาชิกและผู้มีเกียรติทุกท่าน ร่วมถึงท่านอาจารย์ ทิพวัลย์ สีจันทร์และลูกศิษย์ของท่านด้วย ที่เห็นคุณค่าชาวนาเข้าไปอ่านในหัวข้อ "msgent of thai ปัญหาความยากจนของเกษตรกร การแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรไทย ง่ายนิดเดียว" ข้อมูลนิดเดียวจากเสี้ยวของ 2,300 หน้า เป็นงานวิจัยอิสระสำหรับแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ควรจะถึงเวลาที่คนคิดดี ทำดีได้มีโอกาสมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท