สาเหตุแห่งความผิดพลาดในการทำงานด้านดินและทรัพยากรที่ดินที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดิน ที่ดิน และสิ่งแวดล้อม ในเขตร้อนอย่างรวดเร็ว เพียงระยะไม่เกิน ๓๐ ปี ก็คือ
ความไม่เข้าใจว่า
ดินเขตร้อนส่วนใหญ่มีความเปราะบางด้านระบบและความอุดมสมบูรณ์ของดิน และต้องมีระบบพืชยืนต้นเป็นพี่เลี้ยง ตลอดเวลา
จนไม่อาจจะใช้เทคโนโลยีการใช้ที่ดินที่รุนแรง เช่นเดียวกับดินในเขตอบอุ่นได้ โดยเฉพาะ
สาเหตุความแตกต่างที่สำคัญที่เป็นต้นเหตุก็คือ
เนื่องด้วยสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ที่ทำให้การกำเนิดดิน แร่ดินเหนียว ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน โครงสร้าง ช่องว่าง ความทนทานต่อการจัดการ และความอุดมสมบูรณ์ที่ดีกว่าดินเขตร้อน ในอย่างน้อย ๔ ประเด็นด้วยกัน คือ
ดังนั้น การใช้ชุดความรู้ในการใช้ และอนุรักษ์ดินเขตร้อนและเขตอบอุ่นจึงต้องเป็นความรู้คนละชุดกัน
โดยเฉพาะ การเก็บกักธาตุอาหารส่วนใหญ่ของที่ดินเขตร้อน จะอยู่ในระบบพืชพรรณและพืชยืนต้นเป็นส่วนใหญ่ เพราะดินดูดยึดเอาไว้ได้น้อย จึงจำเป็นต้องมีพืชยืนต้นในระบบนิเวศ
ที่แตกต่างจากเขตอบอุ่นที่ระบบการเก็บกัก อยู่ในดินกับดินเหนียวคุณภาพสูง และอินทรียวัตถุที่มีมาก และสะสมอินทรียวัตถุได้ง่าย
จากการที่อุณหภูมิต่ำสลายตัวช้า มีดินเหนียวคอยหุ้มห่อป้องกัน สามารถทำการเกษตรที่ไม่มีพืชยืนต้นได้เป็นเวลานานกว่า
แต่การมีทั้งดินดี และพืชยืนต้นสำรองธาตุอาหารนั้นก็ดีกว่าแน่นอน
ดังนั้นการลอกเลียนชุดความรู้จากการใช้ที่ดินในเขตอบอุ่น มาใช้ในเขตร้อนจึงทำให้มีปัญหาการเสื่อมโทรม และล่มสลายของระบบทรัพยากรที่ดินได้อย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากความเปราะบางของระบบนิเวศน์ดังกล่าว
ฉะนั้น การพัฒนาระบบเกษตรในเขตร้อนจึงต้องใช้ระบบนิเวศเป็นตัวนำ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรผสมผสาน ไร่นาสวนผสม วนเกษตร หรือเกษตรอินทรีย์
โดยอาจใช้อินทรียวัตถุเป็นปัจจัยนำร่อง และใช้ระบบสิ่งมีชีวิตในดินเป็นตัวชี้วัด
เลิกใช้ชุดความรู้ไม่ถูกต้องเสียทีเถอะครับ
นึกว่าสงสารลูกหลานของท่านเองก็ได้ครับ
ผมงงมากเลยนะครับ
ขอบคุณครับที่ช่วยกัน ก็เพื่อสังคมไทยแหละครับ
พอจะทราบการอนุรักษ์ดินเขตร้อนบ้างไหมค่ะ
ใช้ระบบนิเวศธรรมชาติ ไม่พลาด รับรองได้ผลแน่นอน
สงสัยถามมาใหม่ครับ
ความรู้ใหม่สำหรับผมเลยครับคุณครูแสวง
สรุปว่าเหตุของผลที่เกิดขึ้นในเวลานี้ในประเทศแถบร้อนชื้นทั้งในประเทศไทยและอีกหลายๆประเทศในโลก ก็มาจากการศึกษาที่ไม่ได้นำมาประยุกต์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของตัวเอง เรียนมายังไงก็นำมาใช้ทั้งหมด โดยไม่มีการคิดวิเคราะห์ตัวเราเองเลยว่าสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศมีความแตกกต่างกันจากตำราเรียน
ตำราเรียนเวลานี้น่าจะเชื่อได้ว่า 100% มาจากชุดความรู้และงานวิจัยจากประเทศเมืองหนาวและเขตอบอุ่น (ฝรั่ง) อาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ก็จบมาจากเมืองฝรั่ง ข้าราชการระดับสูงก็จบมาจากเมืองฝรั่ง ดังนั้นก็เลยมีการสอนและแนะนำวิธีแบบฝรั่ง โดยไม่ประยุกต์ให้เข้ากับประเทศเขตร้อนแบบเราๆ
สุดท้ายก็เลยเพี้ยนไปหมด
ดีใจมากครับที่ยังมีคุณครูแบบคุณครูแสวงที่ช่วยกันวิเคราะห์และท้วงติงเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา หวังว่าจะมีคนรุ่นหลังโดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ๆจะเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน อย่าไปหลงทางอีก
นอกจากระบบนิเวศธรรมชาติแล้ว ยังมีข้อมูลอื่นอีกไหมค่ะอาจารย์
แล้วการอนุรักษ์ดินเขตร้อนสามารถหาได้จากแหล่ข้อมูลไหนบ้างค่ะ
ทางเวปไซตื ไม่ค่อยมีเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันความรู้ครับ
ข้อมูลที่ผมได้ ส่วนใหญ่มาจากงานวิจัยความเสื่อมโทรมผสานกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน
จึงไม่มีในงานวิจัยสายเดี่ยวครับ
และสังคมโลกปัจจุบันกำลังหลงทางกับงานวิจัยสายเดี่ยว และหลงทางสุดกู่กับระบบเคมี ที่นำไปสู่การทำลายระบบธรรมชาติ
และคนเหล่านี้ยังเชื่อว่าเขาสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ซะอีกด้วยครับ
น่าสงสารจริงๆ
แต่ผลกระทบก็ตกแก่เราทุกคนนะครับ
นี่คือ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในปัจจุบันครับ