ผมนำชื่อบทความที่ ท่านอาจารย์ประเวศ เขียนในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ มาขึ้นหัว เพราะเรารอคอยพ.ร.บ. ฉบับนี้มาไม่ต่ำกว่า ๖ ปี
พรบ. สุขภาพแห่งชาติ ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วนะครับเมื่อ ๔ มกราคม ๒๕๕๐
มาตราที่เกี่ยวกับเรื่อง การตาย เปลี่ยนจากมาตรา ๑๐ เป็นมาตรา ๑๒ มีข้อความดังนี้
บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้
การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฏกระทรวง
เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามเจตนาของบุคคลตามวรรคหนึ่งแล้วมิให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและให้พ้นจากความรับผิดชอบทั้งปวง
อ่านรายละเอียดทั้งหมดของ พ.ร.บ. ที่ http://www.openbase.in.th/node/1230
อ่านความเป็นมาว่า ทำไมถึงใช้เวลากว่า ๖ ปี จึงสำเร็จ ที่ http://www.hsro.or.th/index.php?show=view&doc=682
อ่านรายงานที่มาของ พรบ. แล้ว รู้อะไรไหมพี่
ดีใจที่มีส่วน stop some event (as I told you) ไม่ให้มีเรื่องราวยึกยักต่อไป มิฉะนั้นคงจะมีปัญหาที่เราเองก็ไม่อยากมีชื่อว่าเกี่ยวข้อง (คงไม่ใช่เรา แต่เป็นผมซะล่ะมากกว่า)
วันจันทร์หน้า (26 กพ.) มูลนิธชีวันตารักษ์จะไปเข้าพบ หมอมงคล และทีม (เข้าใจว่า อ.อัมพลก็คงจะอยู่ในทีม) เพือจะได้สาน idea Mega Humanized Health care project ต่อซะที
สวัสดีครับ พี่นนทลี
เด็ก อายุ 18 ปี ป่วยโรคเอดส์ เรื้อรัง ไม่กินยา ไม่อยากรักษา
หยุดยาต้านที่เคยกิน ตอนนี้ป่วยหนัก ใส่เครื่องช่วยหายใจ
มีสิทธิ
ทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ไหมคะ
เขาพูด แต่ตอนนี้ เขียนไม่ได้ ได้แค่ลืมตา รู้ตัว
พี่ รวิวรรณ ครับ