ดิฉันมีเพื่อนในอินเตอร์เนตที่นับถือเสมือนพี่ชายอยู่ท่านหนึ่ง เขาทำงานเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในอเมริกา เป็นคนที่อ่านหนังสือมาก โดยเฉพาะหนังสือวรรณกรรม มีภูมิความรู้กว้างขวาง เมื่อได้คุยกับเขา ก็มักจะได้รับความรู้อะไรดีๆมาแทบทุกครั้ง
เราไม่เคยเจอกัน แค่คุยกันทาง MSN เวลาที่พี่เขาเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่ กทม. ก็เคยโทรมาหาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเจอกันสักครั้ง
เวลาที่ดิฉันเขียนอะไรลงโพสต์ พี่เขาก็จะมาพูดคุยวิจารณ์แนะนำให้ บางทีก็เขาจะถามว่า ทำไมเขียนอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการจุดประกายความคิดให้เราได้หลายๆเรื่อง
แต่เวลาที่พี่เขาเข้ามาแสดงความคิดเห็น จะไม่เข้าไปโพสต์ในกระทู้ที่ดิฉันเขียนไว้ แต่จะเข้ามาคุยใน MSN เท่านั้น
ดิฉันเคยถามว่าทำไม ?
เขาบอกว่า " พี่กลัว..กลัวคนอื่นเข้ามาอ่านแล้วจะเข้าใจผิด"
พี่ชายท่านนั้นบอกว่า ตัวหนังสิอที่โพสต์ไว้ในความคิดเห็นนั้น มันไม่มีน้ำเสียง ไม่มีสีหน้า มันเป็นเพียงแค่ตัวหนังสือทื่อๆ ที่คนอ่าน อาจจะแปลความหมายไปตามอารมณ์ขณะนั้น หรือ background ความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้าของตัวหนังสือเหล่านั้น
แค่คำ หรือประโยค เดียวที่เขียนเหมือนกัน อาจจะถูกเข้าใจไปในทางดี ก็ได้ ร้ายก็ได้
ยิ่งการเข้าไปคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน ไม่เคยรู้จักหน้า (หรือจะเรียกว่าคนแปลกหน้า ) ยิ่งคู่สนทนามีความคิดว่าตนเองสูงวัยกว่า คุณวุฒิสูงกว่า ก็จะยิ่งง่ายต่อการรู้สึกไม่พึงพอใจ
ดังนั้นจึงเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เสี่ยงต่อการมีเรื่อง
เพื่อไม่ให้มีเรื่องยุ่งยากมาตามก่อกวนจิตใจ มิสู้ไม่ต้องเข้าไปโพสต์อะไรเลยดีกว่า มีอะไร พึงพอใจข้อเขียนของใคร ก็คือเมล์ไปคุย หรือ MSN คุยกันตัวต่อตัวไปเลย
ทั้งหมดนั่นเป็นความคิดเห็นของพี่ชายท่านนั้น
บางทีในตอนนั้น.. เป็นเพราะสังคมเวบแห่งนั้นคือเวบที่ดิฉันเป็นเวบมาสเตอร์เอง สมาชิกทุกคนจึงพร้อมที่จะเป็นมิตรกับดิฉัน สามารถเข้าไปคุย เข้าไปแหย่เย้าทักทาย เข้าไปทักท้วงแนะนำกันได้ โดยที่ทุกคนตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร ด้วยความอบอุ่น สนุกสนาน ดิฉันจึงยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พี่ชายท่านนั้นคิดลึกซึ้งนัก บางทียังอดคิดไม่ได้ว่า "ทำไมเขาถึงคิดมากจัง"
นั่นคงเป็นเพราะ..ปกติดิฉันไม่ค่อยไปที่ไหน มักจะอยู่บ้าน (เวบ) ของตัวเอง จนกระทั่งได้รู้จัก Gotoknow จึงสมัครมาเป็นสมาชิกของสังคมที่นี่ ยอมรับว่า..การเข้ามาในตอนแรก ก็ต้องปรับตัวพอสมควร บางครั้งก็รู้สึกอึดอัด กับค่านิยมของสังคมใหม่บางอย่าง ที่แตกต่างไปจากสังคม(เวบ)เดิมที่เคยเติบโตมา
ถึงแม้ว่าเกือบ 1 ปีมานี้ ดิฉันก็พอจะรู้ว่า สมควรวางตัวอย่างไร แต่บางครั้งก็อดฉุกคิด ย้อนประเมินตัวเองไม่ได้ว่า มีอะไรที่เราสมควรทำ ไม่สมควรทำ
อย่างเช่น การเข้าไปแสดงความคิดเห็น .. หลายครั้งที่แอบเข้าไปอ่านบันทึกของสมาชิกบางท่าน อ่านไปอ่านไป เห็นสมาชิกท่านอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างสนิทสนม เจ้าของบันทึกก็หยอกล้อกับผู้มาเยี่ยมเยียนอย่างเป็นกันเอง จนตัวดิฉันเอง ก็พลอยรู้สึกรัก และสนิทสนมไปด้วย
แต่บางทีดิฉันก็ลืมไปว่า เขาไม่ได้รู้จักดิฉัน และตัวดิฉันเองต่างหาก ที่รู้สึกสนิทกับเขา (เนื่องเพราะเข้าไปอ่านบันทึกอยู่บ่อยๆ) พอเกิดความกล้า ก็อดจะแสดงตัวเข้าไปโพสต์ความเห็นบ้างไม่ได้ บางทีก็เผลอหยอกเย้าเหมือนที่สมาชิกท่านอื่นทำ.. แต่สิ่งที่ได้มา คือการตอบรับที่เหมือนจะ ห้วนๆ เย็นชา
นั่นจึงทำให้ดิฉันเกิดความคิดขึ้น 2 ประการ
1. เราพิมพ์อะไรผิด อันเป็นการมิสมควรหรือเปล่า ?
2. ตัวหนังสือ ไม่มีน้ำเสียง ไม่มีสีหน้า ที่แท้เป็นเขา เข้าใจสิ่งที่เราพิมพ์นั้นผิดไปจึงไม่พอใจ หรือว่า เป็นตัวเราเอง ที่แปลความรู้สึกในตัวอักษรนั้นผิดไป จนเก็บมาไม่สบายใจ ?
ทุกครั้งที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ดิฉันมักนิยมใช้สัญลักษณ์ อีโมติคอน เพื่อแสดงสีหน้า และความรู้สึก รวมไปกับตัวอักษรที่โพสต์ลงไป
-
^_^ ............. หมายถึง ยิ้มๆ หรือ อมยิ้ม
-
^______^ ............. หมายถึง ยิ้มกว้างงงงงง
-
^O^ ............. หมายถึง ยิ้ม หัวเราะ จนอ้าปากกว้าง
-
O_O ............. หมายถึง ประหลาดใจ ทำตาโต
-
^^' ............. หมายถึง เหงื่อตก
-
^__^'' ............. หมายถึง ยิ้มไปเหงื่อตกไป
-
T_T ............. หมายถึง เศร้า อยากจะร้องไห้
( หมายเหตุ ..อยากเสนอให้ช่องโพสต์ความคิดเห็นนั้น มีเพิ่มการ์ตูนเล็กๆ ที่แสดงหน้ายิ้ม หน้าแดง หน้านิ่วสงสัย ฯลฯ จังเลยค่ะ อย่างน้อย ก็จะเข้าใจง่าย กว่าใช้สัญลักษณ์ เพราะว่าในบางท่าน อาจจะไม่เข้าใจความหมายของมันก็ได้)
อย่างไรก็ตาม.. การสื่อสารโดยที่ผู้ส่งและผู้รับ ไม่ได้อยู่กันตรงหน้า ก็ยังคงเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดเพราะการแปลสารที่ส่งไปคลาดเคลื่อนอยู่ดี
บางครั้ง ดิฉันก็อดย้อนคิดไม่ได้ว่า ...
อะไรคือสาเหตุของการแปลสารคลาดเคลื่อน ?
1. เกิดจากตัวสารเอง ที่ไม่ชัดเจนหรือ ?
2. เกิดจากอคติ ที่ผู้รับสาร มีต่อผู้ส่งสาร ?
ถ้าหากเป็นเพราะประการที่ 2 ก็คงต้องย้อนมามาตนเอง ย้อนไปมองบันทึกที่ตนเองเขียนไว้ มีบทความที่ชวนหมั่นไส้ไหม ?
ทำให้นึกถึงน้องคนหนึ่งในเวบของดิฉัน ตอนที่เขาเข้ามาใหม่ๆ เขาจะก่อเรื่องไปทั่ว เพราะมีความเห็นแตกต่างจากรุ่นพี่บางคน แล้วน้องเขาก็ไม่ยอมคล้อยตาม เพราะเขามีความเห็นของเขา (ซึ่งก็ไม่ได้ผิด) แต่เพราะความคิดเห็นที่แตกต่าง ทำให้เขาถูกหมั่นไส้ ในฐานะคนกลาง ดิฉันขอร้องให้รุ่นพี่ลดอัตตาลง และให้โอกาสน้องคนนั้นในการปรับตัว
เวลาผ่านไป..สังคมค่อยๆช่วยกล่อมเกลาสอนเขา การให้ความรักและความเข้าใจ ในฐาะพี่ที่มีต่อน้อง ทำให้เขาลดความแข็งกระด้างลง ในปัจจุบันนี้ เขาอยู่ในสังคมแห่งนั้นอย่างมีความสุข (แม้ว่าคงยังมีบางคนที่ยังแอบหมั่นไส้เขาอยู่บ้าง แต่ก็พูดคุยกันด้วยดี ไม่มีเรื่องขึ้นอีก) ประการสำคัญ...เขายังสามารถเป็นพี่ที่ดีของน้องๆรุ่นหลังที่เข้ามาใหม่
อคติ.. จึงเกิดขึ้นจากการวางตัวในตอนแรก มันจึงกลายเป็นภาพ ที่บางคนจำไว้ จนลืมมองปัจจุบันว่าภาพเหล่านั้น ความจริงได้จางหายไปแล้ว
วกกลับมาที่นี่กันต่อ.....
สรุปสุดท้าย.. หลายท่านคงสงสัยว่าดิฉันเขียนบันทึกนี้ขึ้นมาทำไม ?
ก็เพราะอยากจะบอกว่า... ดิฉันยอมรับว่า หลายท่านในที่นี้ มีความน่ารัก มีมิตรภาพ และมีความเป็นกันเอง จึงอยากจะรักษามิตรภาพดีๆเหล่านี้ไว้ ดังนั้นหากว่าดิฉันได้เผลอล่วงเกิน สิ่งใด ทำให้ท่านไม่พอใจ ก็โปรดรู้เถิดว่านั่นเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่ตั้งใจ จริงๆ
ขอโปรดให้อภัยแก่ดิฉันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^_^
.....