เป็นครูมา 30 ปีเต็ม ไม่ตรงใจกับหลายเรื่องราว จะบอกผิดหรือถูก ก็อาจเป็นทัศนคติของแต่ละบุคคล แม้แต่เรื่องดีเลว บางคนยังบอกว่าแยกยากเลย ดีของใคร เลวของใคร แค่ไหนดี แค่ไหนเลว เส้นแบ่ง..บางทีสับสนเหมือนกัน ว่าควรแสดงเหตุผลความเชื่อเราหรือไม่?
ความรู้สึกแรกที่ได้ยิน เหมือนครั้งที่ฟังผลสำรวจความคิดเห็นคนรุ่นใหม่ ถ้ายังมีผลงาน จะคดโกง หรือคอร์รัปชั่น ก็ยอมรับได้ “ขอให้ทำงาน แม้จะโกง ก็ยังโอเค” ความหมายประมาณนั้น ควรแล้วหรือ?
การปฏิบัติของผู้คนในสังคม ไม่ต้องมีศีลธรรม คุณธรรม อะไรอีกแล้ว? ต่างคนต่างหาประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบ ตักตวง เบียดบัง นำเข้ากระเป๋าตัวเอง อันที่จริงแค่นี้ก็ควรละอายแล้ว ยิ่งประโยชน์นั้นได้มาอย่างไม่ถูกทำนองคลองธรรม โกงคนอื่น โกงภาษี เรารับได้? มั่นใจได้อย่างไรว่าคนคดโกง ผู้เห็นแต่ประโยชน์ตัว จะมุ่งมั่นพัฒนา สร้างบ้านแปลงเมือง เพื่อคนส่วนใหญ่
เรื่องล่าสุด ทัศนคติต่อพฤติกรรมการทำงาน ฟังแล้วเศร้าใจ หดหู่ เกิดอาการคล้ายกับครั้งที่รู้ว่า “คนรุ่นใหม่ยอมรับคอร์รัปชั่นได้” ถ้าใครพูดก็ไม่รู้ พูดกับใครก็ไม่รู้ คงไม่รู้สึกเช่นนี้ แต่นี่เป็นถึงเบ้าหลอม หรือแม่พิมพ์ของชาติ ผู้ถือแต้มเหนือกว่า ด้วยศรัทธาจากศิษย์ “ผักชีโรยหน้า..ใครก็ทำกันอย่างนี้” ประโยคเชิญชวน สอนให้เด็กๆยอมรับความไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวนั้น
ตลอดชีวิตครูที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นใครสอนเด็กๆให้สยบยอมต่อความไม่ได้เรื่องเหล่านี้ แม้การทำงานแบบผักชีโรยหน้า จะมีมาเนิ่นช้าแล้วก็ตาม “เหลือบแลไปทั่ว ผักชีโรยหน้าด้วยกันทั้งนั้น อย่ากระนั้นเลย เราก็โรยบ้าง ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว” เมื่อความหมายนี้ สื่อไปสู่เด็กๆ เราควรกังวลใจต่อชะตากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปหรือไม่?
ในพจนานุกรมฯ “ผักชีโรยหน้า” หมายถึง การทําความดีเพียงผิวเผิน บางแหล่งข้อมูลใช้ภาษาอังกฤษด้วยคำ “trumpery” โดยอธิบายไว้ต่างๆนาๆว่า เป็นของเล็กน้อย ของเก๊ ของลวงตา กำมะลอ ขี้กะโล้โท้ สวะ เหลวไหล ไร้ประโยชน์ หรือไร้สาระ เป็นต้น
ผักชีโรยหน้าที่เราเข้าใจกัน เป็นการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำแบบสุกเอาเผากิน มักง่าย ไม่ตั้งใจ ไม่เอาใจใส่ในสาระสำคัญของงาน ทำผิวเผินเพียงเบื้องหน้า หรือทำแค่ให้คนอื่นเห็นเท่านั้น ก็แค่ลวงหลอกผู้คนให้ดูเสมือนว่างานสำเร็จลุล่วง หรือมีคุณภาพแล้ว
ถ้าเด็กๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติถูกบ่มเพาะด้วยแนวคิดเหล่านี้ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะประสบความสำเร็จในการทำงาน หรือการประกอบอาชีพได้อย่างไร ใครจะเชื่อถือ ไว้วางใจ หรือให้โอกาสทำงานสำคัญ ผู้จ้างงานรายใดปรารถนาคนทำงานสไตล์นี้บ้าง ถ้ามองในระดับสังคมหรือชาติบ้านเมือง เราจะไปแข่งขันอะไรกับใครได้ ในเมื่องานไม่มีประสิทธิผล อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการทำงานของคน
ทัศนคติในเรื่องอื่นๆด้วย ไม่ใช่แค่การทำงานแบบผักชีโรยหน้า แต่เรื่องนี้ พินิจพิเคราะห์อย่างไร ก็นับว่าเลวร้าย ทั้งต่อตัวบุคคลและสังคมส่วนรวม ที่สำคัญพฤติกรรมการทำงานแย่ๆนี้ขยายตัวไม่หยุด จนสร้างค่านิยมผิดๆให้กับบางคน
เราต้องเข้าใจ ยืนหยัดที่จะอยู่ตรงข้ามกับความเลวร้ายเหล่านั้น ไม่ใช่ระบาดหนักเข้า เพิ่มจำนวนเข้า ก็เห็นเป็นความปกติ แล้วก็ยอมจำนน
หากเป็นเช่นนั้น ชาติบ้านเมืองเรา จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดลองตรอง..
ขอบคุณครับ ขอเผยแพร่ให้นิสิตและเพื่อนครู ดูเพื่อเสริมศรัทธา และปัญญาว่า อะไรคือปรมัตถ์ในชีวิตครับ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ ค่ะ
เป็นการต่อสู้ทางความคิดของผมบ่อยๆเลยเมื่อได้ยินแบบที่พี่ครูบอก
แต่ผมทำไม่ได้ที่จะเป็นแบบผักชีโรยหน้าเลยต้องสอนนิสิตของเราใหม่สอนคนรุ่นใหม่ให้เป็นอีกแบบ
ขอบคุณสำหรับการกระตุกความคิดครับ
พี่ครูสบายดีนะครับ
ผักชีโรยหน้า. เป็นคำเปรียบเทียบที่ ชาญฉลาด..(เป็นภาษาเก่า. ที่ คนปัจจุบัน..นำมาใช้..กับชีวิตปัจจุบัน. ได้อย่างแนบเนียน ถ้วนทั่ว...ในสังคม หยิบโหย่ง..นี้ นะเจ้าคะ..)..
สวัสดีค่ะคุณครูธนิตย์
อารมณ์เดียวกันเลยค่ะ
ความรู้สึกเหมือนอ่านบทกวีเลยค่ะ อาจารย์
กด Like ให้ดอกไม้หมื่น ๆ ครั้ง
ยืนหยัดคุณค่าจากการทำจริงด้วยคนนะคะ
สวัสดีครับ
เป็นอีกหนึ่งความคิดที่ดีครับ
ขอบคุณครับ