กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม หรือดีเอสไอ สรุปสำนวนส่ง ปปช.ให้ดำเนินคดีอดีตนายอำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมข้าราชการสำนักทะเบียนอำเภอแม่แตงรวม 9 คน เป็นข่าวที่น่าเศร้าใจ ความผิดที่ข้าราชการทั้ง 9 ทำ คือร่วมกันทุจริตเพิ่มชื่อคนต่างด้าวในทะเบียนบ้านของสำนักทะเบียนระหว่างเดือน มี.ค. 47-ก.ย. 48 รวม 5,008 คน
ในรายละเอียดของการสอบสวนระบุว่า มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ และชาวบ้าน 75 ราย ให้การรับรองคนต่างด้าวว่าเกิดในประเทศไทย หรือมีพ่อแม่เป็นคนไทย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
จากนั้นคนต่างด้าวจะไปติดต่อสำนักทะเบียนอำเภอแม่แตงขอแปลงสัญชาติ เริ่มด้วยการขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน แล้วนำไปขอสัญชาติไทย และนำหลักฐานการเป็นบุคคลสัญชาติไทยไปขอทำบัตรประชาชน
ค่าใช้จ่ายในการเพิ่มชื่อคนต่างด้าวในทะเบียนบ้าน รายละ 5,0008,000 บาท รวมแล้วเป็นมูลค่าถึง 35 ล้านบาท ผลคือ หลายคนนำญาติที่เป็นคนต่างด้าวไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันต่อนายทะเบียนว่าเป็นคนไทย ขอทำบัตรประชาชน ขยายวงเป็นลูกโซ่
นอกจากนี้ เป็นช่องทางของขบวนอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะการค้ายาเสพติด เมื่อได้บัตรประชาชนเป็นคนไทย และไปก่อคดีจนถูกตำรวจออกหมายจับจะให้ญาติไปแจ้งเป็นคนตาย แล้วเปลี่ยนชื่อสกุล ปลอมเป็นคนไทยอีกครั้ง ทำให้กฎหมายไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะในทางกฎหมายถือว่าคนที่ถูกออกหมายจับตายไปแล้ว นี่คือสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ผู้ที่ทำผิดเป็นข้าราชการและทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ระดับซี 4 ถึงซี 8 ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ และชาวบ้านอีกถึง 75 คนที่อยู่ในข่ายเพราะเป็นคนให้การรับรองคนต่างด้าว ยังไม่รู้ว่าในอำเภออื่นหรือจังหวัดอื่นจะมีคดีทำนองนี้มากน้อยแค่ไหน น่าเศร้าใจที่ “ข้าราชการ” ซึ่งมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ กลับเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว
หมดหน้าที่ของดีเอสไอแล้ว ต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของ ปปช.ที่จะต้องตามเช็กบิล “แก๊งขายชาติ” ให้เข็ดหลาบ.
-------------------------------------------------
ไทยรัฐ ปีที่ 57 ฉบับที่ 17813 วันอาทิตย์ ที่ 29 ตุลาคม 2549
ขายชาติแก๊งใหญ่ [28 ต.ค. 49 - 17:13]
เปิดขบวนการทุจริตบัตรประชาชนที่ อ.แม่แตง
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มมาตรการป้องกันการทุจริตทางทะเบียน หลังพบมีการเพิ่มชื่อคนต่างด้าว กว่า 5,000 คน และออกบัตรประชาชนด้วยวิธีการที่แยบยล ติดตามจากรายงาน
เจ้าหน้าที่งานทะเบียนอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มการตรวจสอบบัตรประชาชนของผู้ที่มาติดต่องานทะเบียนทั้งการย้ายการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านหรือทำบัตรประชาชน โดยเฉพาะรูปถ่ายในบัตร ตรงกับเจ้าตัวหรือไม่ เพื่อป้องกันการสวมบัตร นอกจากนี้ ต้องรายงานข้อมูลด้านทะเบียนให้นายอำเภอทราบทุกวัน เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นมาตรการที่นายอำเภอและข้าราชการฝ่ายทะเบียนชุดใหม่วางไว้ หลังชุดเก่าถูกสั่งย้าย เพราะพบการทุจริตด้านงานทะเบียนเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมีการเพิ่มชื่อคนต่างด้าวเข้ามาในทะเบียนบ้าน กว่า 5,000 คน
รูปแบบการทุจริตขบวนการนี้ แตกต่างจากการสวมบัตรประชาชนที่เคยพบมา โดยจะใช้วิธีให้คนต่างด้าวเข้ามาทำบัตรสีฟ้า หรือบัตรเขียวขอบแดง ซึ่งเป็นบัตรบุคคลบนพื้นที่สูงสำหรับชาวเขาที่อยู่ในประเทศไทย โดยให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้รับรอง จากนั้นจะยื่นขอสัญชาติไทย ซึ่งเป็นอำนาจของนายอำเภอสามารถอนุมัติได้ แต่กรณีนี้ลักลอบทำโดยไม่มีกฎหมาย หรือ มติ ครม. รองรับ ก่อนจะทำบัตรประชาชนอย่างถูกต้อง
อย่างบัตรของผู้หญิงคนนี้ ขอทำบัตรชาวเขา เมื่อ 7 มีนาคม 2548 จากนั้นอีกเพียง 10 เดือน ยื่นขอสัญชาติและทำบัตรประชาชน กลายเป็นคนไทยถูกต้อง จากนั้นจึงแจ้งย้ายที่อยู่ และทำบัตรประชาชนอีก 2 ครั้ง เพื่อป้องกันการตรวจสอบ
ค่าใช้จ่ายในการขอเป็นคนไทยแบบนี้ อาจจะสูงถึงคนละ 50,000 - 100,000 บาท กรณีนี้พบมีการทำบัตรชาวเขาที่ไม่ถูกต้อง กว่า 5,000 ราย ในจำนวนนี้ประมาณ 1,000 คน ที่ขอสัญชาติไทยและทำบัตรประชาชน นอกจากนี้ ยังให้ลูกหลานใช้การตรวจดีเอ็นเอ อ้างความเป็นคนไทยอีกต่อหนึ่งด้วย
แต่ทั้งหมดถูกระงับความเคลื่อนไหวทางด้านทะเบียน ไม่สามารถแจ้งย้ายเข้าออก หรือเปลี่ยนบัตรได้อีก เพื่อรอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เสนอหลักฐานให้ ป.ป.ช.เอาผิดกับข้าราชการชุดเก่า ตั้งแต่อดีตนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ รวม 9 คน กำนันผู้ใหญ่บ้านอีกกว่า 70 คน จากนั้นจึงจะตรวจสอบเพื่อเพิกถอนการออกบัตรที่ไม่ถูกต้องออกไป
สำนักข่าวไทย
[ 2006-10-26 : 17:41:40 ]
หนูป็นอีกคนที่บอกว่าบัตรถูกระงับทั้งที่เกิดในเมืองไทยกลับหาว่าพ่อแม่เป็นต่างด้าวลูกไม่มีสิทธ์ได้บัตรประชาชนพ่อแม่หนูก็เกิดเมืองไทยแค่ไม่เคยได้มีโอกาสได้เรียนหนังสือแล้วนายทะเบียนก็เขียนใส่ให้ว่าเกิดพม่าตอนนั้นหนูยังเด็กเลยไม่รู้หนังสือหนูควรแก้ปัญหานี้ยังไงพอมีทางออกไหมช่วยหนูทีเถอะค่ะ
เรื่องบัตรประชาชนชาวเขา ที่ อ.แม่แตง ---ทางราชการเช่น DSI ตรวจสอบแล้วบอกว่าปลอมกันจำนวนมากแล้วให้ดำเนินคดีกับนายอำเภอฯ ถามว่า แล้วคุณแยกคนที่มีสิทธิ์มีบัตรโดยวิธีไหน และข้อมูลถึงประชาชนที่เกี่ยวข้องที่ไม่ร่วมทุจริตแล้วถูกถอนบัตร ทำไมไม่จัดประชุม ๓ ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหา และต้องรู้ว่าชาวเขา ๆ เขามีลูกกันต้ังแต่อายุ ๑๓-๑๔ ปี มันก็หมักหมมเรื่อรังอยู่ดี ลองเอานะโนบายทำบัตรตอนอายุ ๗ ขวบมาดำเนินการแล้วรอให้เขาอายุ ๒๐ ปีทำบัตรประชาชนดีไหม โปรดอย่าฟังข้อมูลแค่ราชการ
ความจริงเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมากยากแก่คนนอกจะเข้าใจเช่น เอสารทะเบียนประวัติฯถูกแก้ไขเพิ่มเติมว่าเกิดพม่าทั้งที่ความจริงเป็นชาวเขาดั้งเดิมที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศไทยและการแก้ไขนั้นก็ไม่ได้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายและเจ้าตัวก็ไม่รู้เรื่องด้วย แถมเอกสารดังกล่าวก็ไม่ได้ถูจัดเก็บไว้ที่สำนักทะเบียนกลางตามระเบียบแต่ถูกจัดเก็บไว้แค่ที่อำเภอเท่านั้น จึงเกิดช่องว่างให้ข้าราชการแก้ไขเพิ่มเติมได้ง่าย และเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวแล้วข้าราชการที่เข้ามาใหม่ก็เพิกเฉยไม่แก้ปัญหาใดๆทั้งสิ้น แต่ผลของการกระทำการทุจริตก็ตกอยู่กับชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ และผมเห็นด้วยกับท่าน ร.อ.ดร.ประมาณเลิศ อัจฉริยปัญญากุญ เป็นอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพราะชาวบ้านจะได้มีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาดังกล่าวและชาวบ้านเป็นผู้ที่รู้ปัญหาดีที่สุดและถือว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกำหมายสูงสุดของประเทศด้วย(ยังมีปัญหารายละเอียดที่เยอะมากๆยากแก่การที่จะอธิบายสั้นๆ หากอยากรู้ให้ลึกต้องเข้าไปสัมผัสในพื้นที่ครับ สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่อาจไม่เห็น อย่าพึ่งด่วนสรุป ครับ)
พอแมนเปนตางดาวคะแตเราเกดทประเทษไทยแตไมรวาจะทบตรไดไหทตอบหนอยนะคะไปหลายทแลวเคาบอกทไมไดคะ
อยากไดบตรมากคะทไงด รองไหทกวน