KMในบ้าน...1) เมื่ออยู่ร่วมกันดีๆไม่ได้ ก็ต้องแยกกันอยู่!....


ชื่อเรื่องน่าหวาดเสียวนะคะ แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ พี่เม่ยรับรองได้ว่า "win win" ค่ะ
ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ....แต่วิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านของครอบครัวเรานั้น  ต้องผ่านการระดมสมองกันว่าจะทำอย่างไรดี จะตัดปัญหา หนีปัญหา หรือว่า แก้ปัญหา ก็ว่ากันไปตามบริบทของเรื่องนั้นๆเสมอ......
ถ้ายังพอจะจำกันได้ เมื่อช่วงต้นปีนี้ บ้านเรามีกิจกรรม KM ในบ้านอยู่เรื่องนึงค่ะ (ลิงค์)
ก็เรื่องการวางแผนหาลูกหมามาเลี้ยงเพื่อไล่เจ้าแมวตัวดีของลุงข้างบ้านไงคะ  และสุดท้ายเราก็ได้ลูกหมามาเลี้ยงถึงสองตัว คือเจ้าหยิบผิด(แมม) กับเจ้าหยิบถูก(มอม) นั่นเอง....ตอนนี้เจ้ามอม-แมม ทั้งสองโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วค่ะ  ซนมากขึ้น และดื้อมากขึ้นทุกวัน
Fence7
และในที่สุดก็ได้สร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นในบ้านเราจนได้...
ทุกๆวัน...เจ้าตัวแสบทั้งสองจะเที่ยวทำลายข้าวของ  ไม่ว่าจะเป็นรองเท้านักเรียน รองเท้าพละ ของเด็กๆ รวมถึงรองเท้าแตะคู่โปรดของคุณพ่อบ้าน ก็ต้องมีอันพังยับเยินไปถึงห้าคู่แล้วค่ะ ในรอบสองสามเดือนที่ผ่านมานี้
ความจริงเราก็พยายามระมัดระวังแล้วนะคะ  คุณพ่อบ้านถึงกับ "ยกชั้นวางรองเท้า" ให้สูงระดับศีรษะของพวกเราแล้ว  แต่เมื่อไรที่ลืมหยิบขึ้นไปเก็บวางบนชั้น  ชั่วพริบตาเดียวก็สายไปเสียแล้ว
ส่วนต้นไม้ที่ปลูกไว้ในกระถาง ก็ถูกขุดกระจุยกระจายถึงขั้นล้มกระถาง กันเลยทีเดียว
เสื้อผ้าที่รอซักอยู่ในตะกร้า ก็ถูกเจ้าสองตัวปีนขึ้นมาคุ้ยกระจุยกระจาย  แถมมันยังเลือกเฉพาะเสื้อผ้าของคุณพ่อบ้านออกมา "ฟัด" จนไม่เหลือชิ้นดี
ก็เรื่องนี้นี่แหละค่ะ ที่ทำให้คุณพ่อบ้านทนไม่ไหวอีกต่อไป  ต้องเรียกประชุมสมาชิกในบ้านเป็นการด่วน เพื่อช่วยกันคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
เราประเมินสถานการณ์กันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ เพราะเรากักบริเวณเจ้าตัวแสบทั้งสองไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านนอกบ้าน  มันจึงได้แต่เล่นอยู่ในบ้าน และแน่นอนที่สุด ของเล่นทั้งหลายก็ต้องหามาจากในบ้านนั้นเองค่ะ
มีหลากหลายวิธีที่เราช่วยกันเสนอในโต๊ะประชุมค่ะ
  • วางยาเบื่อไปเลย  พี่เม่ยเสนอด้วยความเจ็บใจ แต่ความจริงก็ไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอกค่ะ  เด็กๆในบ้านไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำได้ดูจะเป็นการ ตัดปัญหา ไปได้เลย
  • เอาใหม่  เราพามันไปเที่ยววัดที่ไกลๆบ้าน แล้วทำเป็นลืมทิ้งไว้ที่วัดซะเลย  วิธีนี้ไม่ผ่านอีกเช่นเคยค่ะ 
  •  เราลองปล่อยให้ออกไปเล่นอยู่นอกบ้านบ้างได้ไหม คุณพ่อบ้านสั่นหน้าค่ะ คงเกิดปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเลยค่ะ ไหนจะไปไล่กัดเด็กๆ  กัดไก่ กัดต้นไม้ กัดรองเท้าของข้างบ้าน โห เรื่องใหญ่แน่นอน
  • เราทำคอกกั้นหรือล่ามโซ่มันไว้เลยดีไหม  เด็กๆไม่ยอมค่ะ สงสาร กลัวมันจะไม่มีความสุข...เฮ้อ!
ในที่สุดก็มาลงตัวที่ความคิดเห็นจากคุณพ่อบ้านที่เสนอว่า ถ้างั้นเราก็จำกัดบริเวณให้มันอยู่ห่างๆเราหน่อยก็แล้วกัน  โดยการทำรั้วแบ่งเขตแดนระหว่างหมากับคนให้ชัดเจน ให้กลายเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกัน แทนที่จะเป็นบ้านเดียวกัน.....
เข้าท่าค่ะ  ความเห็นนี้ผ่านการอนุมัติจากโต๊ะประชุม
ก็ในเมื่ออยู่ร่วมกันดีๆไม่ได้  เห็นทีจะต้องแยกกันอยู่แล้วล่ะ......
คุณพ่อบ้านเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ (เช่นเคย)....ด้วยการเริ่มสำรวจพื้นที่บ้านเพื่อหาบริเวณแบ่งเขตแดนค่ะ....
หมายเลขบันทึก: 54594เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2006 21:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ คุณเม่ย

  • ครูอ้อยอ่านชื่อบันทึกแล้วตกใจ  แต่พออ่านแล้วน่ารัก 
  • ดูภาพแล้วยิ่งน่ารักมากๆ 
  • ที่ว่าน่ารักเพราะความคิดของคุณเม่ยในความรู้สึกของครูอ้อยน่ารักจังเลย 
  • อ่านคำกลอนก็ดูดี  แต่ครูอ้อยด้นกลอนไม่เก่งเลยไม่กล้าต่อกลอนด้วยค่ะ
  • คุณพ่อบ้านผู้รับผิดชอบโครงการก็น่ารักเชียวค่ะ  ฝากบอกด้วยค่ะ 
  • ขอบคุณค่ะ

เพิ่งเข้ามาอ่านน่าสนใจเชียวค่ะ เด็กๆ กับลูกหมา ผู้ใหญ่กับลูกหมา  กลิ่นรองเท้ากับลูกหมา....น่ากินจัง....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท