“อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว”


มีวิชาเหมือนมีทรัพย์นับเป็นล้าน

 

“อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว” 

 

 

                  “อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว” บทกลอนอมตะ งดงามทั้งรสคำรสความ เป็นคติในการอบรมสั่งสอนบุตรธิดา ของ พระ ศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ท่านแต่งไว้เมื่อครั้งสมัยอยุธยา หลายร้อยปีมาแล้ว ยังเป็นจริงและใช้ได้ในปัจจุบัน อย่างปฏิเสธไม่ได้

            ก่อนบทนี้ คำกลอน ท่านเขียนไว้ว่า

            “อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์

มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน

จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน

ถึงยากแค้นก็พอยังประทังตน”

            ท่านต้องการสื่อสารในการเสนอความคิด ในเชิง อบรมสั่งสอนบุตรหลาน เพื่อให้ตั้งใจเล่าเรียน หาความรู้ใส่ตนเอง โดยความอุตส่าห์ ขยันหมั่นเพียรในการเรียน  

           ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการเรียน ให้มีความรู้ที่จะนำไปสู่การเรียนในขั้นสูง ซึ่งเป็นการเรียน การศึกษาเพื่อการประกอบอาชีพ

          ในระดับนี้ ผู้เรียนควรรู้ตนเองว่า ถนัดในด้านใด ชอบในเรื่องใด ก็ควรเลือก เรียน เลือกศึกษา ในสาขานั้น ๆ ให้แตกฉาน หากมีความรู้ ความสามารถในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างถ่องแท้ และฝึกฝน จนเกิดทักษะความชำนาญ ถึงเชี่ยวชาญ ก็สามารถ นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการประกอบสัมมาชีพ  เอาตัวรอดได้ เมื่อถึงคราอับจน ก็สามารถนำวิชาความรู้ที่เคยร่ำเรียนมาใช้ประโยชน์ เพื่อแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตได้

            ดังนั้นคำกลอนนี้ บิดามารดา ควรนำมาสอนบุตรหลาน หรือลูกศิษย์ สำหรับ ครู -อาจารย์ ในการที่จะทำอะไร ศึกษาอะไร ก็ให้ตั้งใจ ให้มีความรู้ความชำนาญ ให้สามารถนำความรู้ความสามารถมาใช้ในการดำรงชีพ หรือเสริมสร้างฐานะตนเองให้ทัดเทียม กับบุคคลอื่นได้

            ปัจจุบัน เราเห็นตัวอย่าง ของบุคคล หลาย ๆ อาชีพ ที่นำความรู้ ความสามารถที่เขามี มาใช้จนสามารถ สร้างชื่อเสียงให้ตนเอง และวงศ์ตระกูล เพียงทักษะวิชาใดวิชาหนึ่ง   เช่น วงการมวย กีฬายกน้ำหนัก ฟุตบอล นักเทนนิส การเกษตร การแสดง ฯลฯ

            การเรียนรู้บางครั้งไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในสถานศึกษา โดยตรงเท่านั้น เมื่อเราสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากไม่มีทุ่น อาจปรพะกอบอาชีพ ในด้าน ต่าง ๆ อาจจะทำในครอบครัว หรือ สถานประกอบการ ต่าง ๆ  เริ่มสังเกต เริ่มปฏิบัติ จดจำ นั่นคือการเรียนรู้โดยตรง ในที่สุดก็เกิดทักษะ

            บัวขาว ป.ประมุข หรือสมบัติ บัญชาเมฆ นำความรู้ ความสามารถ ในวิชามวยไทย ซึ่งบัวขาว ได้เข้าสู่วงการมวยไทยอาชีพ ตั้งแต่อายุ ๘ ปี ที่อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ เป็นการฝึกฝน ร่ำเรียนจนเกิดทักษะ นำความรู้เข้าสู่เมืองกรุง ที่มีความชำนาญ  ในวิชามวยไทยมาใช้  ทำให้มีชื่อเสียงโดงดัง โดยเฉพาะในยุโรป และประเทศญี่ปุ่น  บัวขาว ยังได้รับเกียรติ ให้เป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชามวยไทย ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (กำแพงแสน)  และอีก หลาย ๆ คน ที่ไปสอนในต่างประเทศ  ย่อมเกิดจาก การนำวิชาความรู้ที่ได้จากการ ร่ำเรียนฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ จนประสบผลสำเร็จในที่สุด

          บุคคลที่ประสบผลสำเร็จ หลาย ๆ คน นั้น เกิดจากความ ขยันอดทน ในการเรียนรู้ ในสิ่งที่ตนถนัด ในสิ่งที่ตนรัก ฝึกฝนจนให้เกิดความชำนาญ จนสามารถนำวิชาความรู้มาสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ดังคำกลอนที่ว่า “มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน” แต่ทีเห็น ๆ ต้องเปลี่ยนเป็น “มีวิชาเหมือนมีทรัพย์นับเป็นล้าน” ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับ "อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว"...สวัสดีครับ

 

 

(th.wikipedia.org/wiki/บัวขาว_.ประมุข)
 
หมายเลขบันทึก: 501383เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2012 11:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กันยายน 2012 12:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

มาให้กลังใจค่ะ ท่านBlank  แว่นธรรมทอง

หวังว่าท่านคงจะสบายดีนะคะ

 

 “อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว” บทกลอน...อมตะ ...งดงาม..ทั้งรสคำรสความ เป็นคติในการอบรมสั่งสอนบุตรธิดา ของ พระ ศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)  ===> ดีจริงๆนะคะ...ไม่ได้อ่านมานานแล้ว ..ขอบคุณนะคะ

 

ขอบคุณบทความดีดี มีคุณภาพนี้ค่ะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์

เรายิ่งเรียนเราก็จะยิ่งรู้ว่ามีอะไรให้เรียนอีกมากมายจากการเรียนรู้ มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ เมื่อเราได้นำสิ่งที่ได้เรียนมาใช้ ช้าๆ มันจะกลายเป็นปัญญาที่ติดตัวเรา

คนที่คิดว่ารู้อยู่แล้ว แท้ที่จริงเขาอาจยังไม่รู้ คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้มักจะรู้แล้ว ;)

มีความสุขในการเรียนรู้ที่นอกเหนือจากรั้วโรงเรียนค่ะ

นอกเหนือจากความรู้ที่เป็นทฤษฎีแล้ว ก็ยังเหลือวิชาการดำรงชีวิตที่ต้องเรียนและรู้ พร้อมสร้างความเข้าใจไปในตัว...ของมันเอง ซึ่งบางครั้งก็สอบตกและสอบผ่านสับเปลี่ยนกันไปแล้วแต่ความตั้งใจ เวลา สถานที่ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ควรจะดีใจในการวัดผลแต่ละครั้งเพราะครูผมเคยบอกว่า การวัดทางตรงจะทำให้เราทราบความสามารถตนได้เป็นอย่างดี แม้ผลของมันจะเป็นอย่างไรแต่นั่นคือ...ความจริง คือทักษะชีวิต

ตรงข้ามกับ.. รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ใช่มั๊ยคะ..

เดี๋ยวนี้งานสาธารณสุขเป็นแบบนี้ค่ะ  ๑ ครั้งกับการเข้ารพ.ได้เจอแพทย์เฉพาะทางหลายท่าน.. บางครั้งความผิดพลาดเกิดจากประเด็นนี้

 

เห็นด้วยค่ะ ทุกแย่างอยู่ที่ความอดทนและขยัน ทั้งการงานและการศึกษา ทุกอย่างก็จะประสบความสำเร็จ

ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยี่ยม และให้กำลังใจ ความคิดเห็น ที่ดี ๆ สบายดีทุกคน นะครับ ...สวัสดีครับครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท