การศึกษาไทยควรเป็นเช่นไร


 

ผู้เขียนขอพูดถึงระบบการศึกษาไทยในฐานะผู้ที่เคยเป็นครูผู้สอนในระดับมัธยมศึกษาและปัจจุบันสอนในระดับมหาวิทยาลัย


1.การศึกษาไทยปี 2020 ผู้เขียนอยากให้เลือกคนที่มีจิตวิญญาณมาเป็นครู การคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นครูนั้นสมัยก่อนจะคัดเลือกคนเก่งๆ คนดีมาเป็นครู ถ้าไปอ่านงานเรื่องการคัดเลือกคนมาเป็นครูจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น มาเลเซีย หรือเวียดนามลองอ่าข้อมูลวิชาการของมศว.จะพบว่า

 

“ ในแต่ละปีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนาม จะรับนักศึกษาวิชาชีพครูเพียงเอกละ 15 คน/ปีเท่านั้น และสิ่งนี้เองที่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การผลิตนักศึกษาวิชาชีพครูเป็นไปอย่างเข้มข้น และสามารถคัดเลือกเด็กที่ต้องการมาเรียนครูได้อย่างแท้จริง ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ค่านิยมของสังคมไทยยังไม่เห็นความสำคัญของวิชาชีพครู โดยเด็กส่วนใหญ่ที่เข้าเรียนในคณะวิชาอื่นไม่ได้มักจะมาเรียนวิชาชีพครูแทน ทำให้ประเทศไทยเราไม่ได้ครูที่เป็นแก่นครู มีจิตวิญญาณครู และมักจะกระทำผิดจรรยาบรรณครูตามที่เป็นข่าวอยู่เสมอ ประกอบกับประเทศไทยเรามีสถาบันการผลิตครูจำนวนมาก ทำให้นักศึกษาที่จบการศึกษาด้านวิชาชีพครูมีมากแต่ตำแหน่งบรรจุมีจำนวนจำกัด รวมทั้งมาตรฐานและคุณภาพของแต่ละสถาบันก็แตกต่างกัน เป็นผลให้นักศึกษาวิชาชีพครูต้องตกงานหรือทำงานไม่ตรงกับปริญญาที่ได้รับเป็นจำนวนมาก”

 

2. ผู้เขียนอยากให้ระบบการศึกษาไทยในเมืองและในชนบทไม่มีความแตกต่างในมาตรฐานการศึกษามากเกินไป ในปัจจุบัน ผู้อ่านจะพบว่าในชนบทขาดครูวิชาหลักๆเช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ครูเก่งๆย้ายเข้าเมือง  รอบรรจุคนใหม่ไปลงไป มีทางไหมว่าจะมีสิ่งจูงใจให้คนดีๆคนเก่งๆอยู่สอนในชนบท มีทางไหมว่าจะทำให้ระบบการเรียนการสอนในชนบทกับในกรุงเทพฯไม่ต่างกันมากนัก คนในชนบทไม่ต้องแย่งกันมาเรียนในกรุงเทพฯ มากวดวิชา  หรือแข่งกันเข้าโรงเรียนดังๆ



 


3. การศึกษาปี 2020 เป็นไปได้ไหมที่จะให้ครูในโรงเรียนสอนนักเรียนเน้นเรื่องทักษะ 21st century skills ครูไม่ต้องทำงานธุรการ หรือรายงานเพื่อประเมินจากสมศ. การทำรายงานส่ง สพป หรือสพม.  กวดวิชาเพื่อให้นักเรียนผ่านการสอบต่างๆ ให้ครูในโรงเรียนได้มีโอกาสหรือมีเวลาเต็มที่ในด้านการจัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียน



 

4. การศึกษาปี 2020 เป็นไปได้ไหมที่จะให้ครูทำการสอนแล้วไม่ต้องประเมินผลงานจากเอกสารเพียงอย่างเดียว แต่ประเมินผลการสอนของครูจากการพัฒนาของนักเรียนในชั้นเรียนจริงๆ ครูไม่ต้องกังวลกับการผลงาน ครูชำนาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญ โดยทิ้งการเรียนการสอนในชั้นเรียนแล้วไปทำแต่ผลงาน 

 



5.การศึกษาปี 2020 เป็นไปได้ไหมที่นักเรียน นักศึกษา นิสิต ได้เรียนอย่างมีความสุข ได้มีโอกาสเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองสนใจ ไม่คิดว่าการศึกษาเป็นยาขม เรียนแล้วไม่มีความสุข ได้เรียนรู้อย่างร่าเริง ได้เรียนในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ ได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับท้องถิ่น สังคมของตนเอง นอกจากนี้สามารถนำเอาเรื่องที่เรียนไปใช้กับชีวิตประจำวันได้

 

 





6.การศึกษาปี 2020 เป็นไปได้ไหมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการควรมีความรู้เรื่องการศึกษา ไม่ใช่ใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ เพราะเรื่องการศึกษาของชาติมีความสำคัญ  ถ้าเปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นไปได้ไหมว่า นโยบายทางการศึกษาที่ดีๆให้คงไว้… ผู้อ่านอยากเพิ่มอะไรบ้างเชิญเลยครับ…ขอบคุณครับ...


ขออนุญาต เพิ่มความคิดเห็น อาจารย์แม่ หรือ ผศ.วิไล  แพงศรี นะครับ

 

  • อาจารย์แม่อยากให้ข้อ 6. มาเป็นข้อ 1. "1.การศึกษาปี 2020เป็นไปได้ไหมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการควรมีความรู้เรื่องการศึกษา ไม่ใช่ใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเรื่องการศึกษาของชาติมีความสำคัญ (ที่สุุด ถ้าการศึกษามีคุณภาพก็จะได้คนในทุกอาชีพที่ดีและเก่ง เพราะคนในทุกอาชีพต้องผ่านมือครูมาทั้งนั้น)  ถ้าเปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นไปได้ไหมว่า นโยบายทางการศึกษาที่ดีๆให้คงไว้" ข้อเรียกร้องนี้วงการศึกษาเรียกร้องมานาน(มีรัฐบาลที่แล้วที่เอาคนที่เคยเป็นครูมาเป็น "รมว.กศ.")  แต่พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลส่วนใหญ่เขาไม่ใส่ใจ อ้างเสมอว่า "ใครเป็นก็ได้เพราะดูแลเรื่องนโยบายเท่านั้น เรื่องที่ไม่รู้ก็ให้ทีมที่ปรึกษาคอยให้ข้อมูล" แล้วก็แย่งกันเป็นรัฐมนตรีกระทรวงที่มีผลประโยชน์มากๆ เอาคนที่เหลือๆ มาเป็นรมว.กศ. แล้วก็บริหารประเทศแบบมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจ เอาด้านสังคมและการศึกษาไว้ทีหลัง บ้านเมืองจึงสับสนวุ่นวาย สังคมล่มสลายอย่างปัจจุบัน วันๆ ได้ฟังแต่ข่าวที่แสดงถึงปัญหาสังคม...นโยบายดีๆ มีหรือเขาจะคงไว้ กลัวว่าจะเป็นการไปสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลก่อน กลัวคนจะว่าคิดเองไม่เป็น เฮ้อ! ในชาตินี้ อาจารย์แม่จะมีโอกาสเห็นการเมืองแนวใหม่ไหมนี่ 
  • ขอเพิ่มหนึ่งข้อ มาเป็นข้อ 2 คือ
  •  2. อยากให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีบทบาทร่วมกันในการจัดการศึกษา เริ่มตั้งแต่
  •  1) ครอบครัวที่ต้องดูแลใส่ใจให้เวลาและให้ความรักความอบอุ่นกับบุตรหลาน สร้างความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองและใฝ่ดี และสนับสนุนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่บุตรหลานเข้าเรียน
  •  2) สถานศึกษาก็เป็นไปตามข้อ 5. และข้อ  ที่ลูกขจิตว่าไว้ คือ จัดการเรียนรู้แบบส่งเสริมพหุปัญญาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยาภาพในด้านที่ถนัดและสนใจเพื่อให้เรียนรู้อย่างมีความสุข และเน้นเรื่องทักษะ 21st century skills 
  • 3) สถาบันศาสนา มีพระภิกษุที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ (รวมถึงศาสนาอื่นๆ มีผู้เผยแผ่ศาสนา) ที่ควรแ่ก่การเคารพศรัทธา เป็นเสาหลักในการพัฒนาด้านจิตวิญญาณให้กับอนุชนและคนในสังคม
  • 4) สื่อมวลชนผลิตรายการที่ไม่เป็นพิษภัยและเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของผู้เรียนให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัยและระดับการศึกษา ลดรายการไร้สาระ น้ำเน่าและมอมเมาเยาวชน 
  • 5) องค์กรต่างๆ ในสังคม ร่วมสนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมดีๆ เพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียนในระดับการศึกษาต่างๆ (ดังเช่นที่ GotoKnow, EGA, SCB และ สสส. ทำอยู่ เป็นต้น) และ
  •  6) สถาบันทางการเมือง  มีนักการเมืองน้ำดี มีความจริงใจจริงจังที่จะทำหน้าที่ๆ ประชาชนมอบหมายมา ให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง มีหลักคิดแบบเอาบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาผลประโยชน์ของตนของพรรคเป็นตัวตั้ง เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน เป็นต้น

ขอบคุณอาจารย์แม่มากครับ ที่เพิ่มประเด็นให้ชัดเจนขึ้น  รออ่านจากท่านอื่นๆอีกครับ ...

7…………………………………………………...

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://eduinveitnam.blogspot.com/2012/03/blog-post_107.html

http://www.youtube.com/watch?v=l0k2Hjusu14


หมายเลขบันทึก: 494430เขียนเมื่อ 11 กรกฎาคม 2012 15:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2013 21:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มาจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (38)

ขอบคุณพี่ครู Rinda มาไวมากๆๆ

อยากให้ครูสอนคนมากกว่าสอนหนังสือ 

คิดถึง สบายดีนะครับ

ขอให้มีความและโชคดีตลอดไป

  • กำลังคิดถึงผอ.อยู่พอดี
  • วันนี้ไปเยี่ยม ผอ นิคมมาครับ
  • ยังพูดถึง ผอ อยู่เลย
  • ขอบคุณมากๆครับ
  • เห็นด้วยมากๆครับ ทุกข้อล้วนสำคัญหมด ถ้าอยากเห็นการศึกษาบ้านเราเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอยากให้ทุกฝ่ายให้โอกาสครูได้มีเวลากับห้องเรียนของตนเองอย่างเต็มที่ครับ..
  • ขอบคุณอาจารย์ครับ

สวัสดีค่ะ..ท่านอาจารย์.เจ้าขา...ยาย..คิดว่า..ถ้าเรารู้อยู่ว่าวันนี้..การศึกษา..การเรียนรู้..ของครูและนักเรียนและนักศึกษา..รวมทั้งผู้บริหาร..ระบบ..ต้นสายปลายเหตุ..ของความเป็นมาทั้งมวล..รวมถึงอนาคต..ที่จะเริ่มเข้ามา..ทุกวันๆต่อเนื่อง...(อนาคตที่ว่าจะดีขึ้น..โดยไม่ต้องรอให้ถึง..ปีที่ว่า..มั้ง..(.ยายธี)..

สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต

  • อาจารย์นำข้อมูลมาทั้งภาพ เสียง และตัวหนังสือเลยนะคะ
  • คงต้องจูนคลื่นให้ตรงกันนะคะเพื่อจะให้ "นักเรียน นักศึกษา นิสิต ได้เรียนอย่างมีความสุข ได้มีโอกาสเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองสนใจ ไม่คิดว่าการศึกษาเป็นยาขม เรียนแล้วไม่มีความสุข ได้เรียนรู้อย่างร่าเริง"

 

เรียน ท่านขจิต ผมอ่านบทความท่านอาจารย์แล้ว มีความเห็นตรงกันครับ และขอเพิ่มความคิดเห็นเรื่องนี้ว่า ปัจจุบัน อาชีพครูของเรายังไม่เป็นวิชาชีพชั้นสูงจริง ๆ ตามที่รัฐ ตั้งเป้าหมายไว้ใน พรบ.42 ครับ ผมเองเคารพในวิชาชีพต่าง ๆ ครับ โดยเฉพาะวิชาชีพชั้นสูงในระบบยุติธรรม มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในระดับสูงจริง ๆ ครับ และมีรายได้ที่เหมาะสม แต่สำหรับวิชาชีพครูนั้น ยังเทียบไม่ได้เลย คงไม่ต้องสาธยายต่อนะครับ พวกเราเองก็ต้องปรับตัวให้สมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูงเช่นกัน ฝากทุกคนไว้ ช่วยๆ กัน นะครับ

น้อยแต่มาก ง่ายแต่งาม นะคะอาจารย์ ขอบคุณค่ะ

ครูดี..ทำให้ดู..อยู่ให้เห็น..เป็นดั่งพ่อ-แม่ รักและใส่ใจลูกศิษย์ด้วยหัวใจครู..

สวัสดีค่ะ ชื่นชมความเห็นค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยมกัน

สวัสดีค่ะ

  • เห็นด้วยกับบันทึกนี้ค่ะ
  • ให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ตนชอบ
  • เรียนรู้เกี่ยวกับสังคมของตน
  • และเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้จริง

สวัสดีครับอาจารย์ ผมตั้งใจมากด ดอกไม้เลยนะครับ ส่วนความเห็นจะตามไปทีหลังครับ

                                  ***... ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า... อีก 7 ปีครึ่งแค่นั้นเอง..... " เป็นไปไม่ได้จ้า "  ...*** 

                 
                                                                         

สวัสดีครับอาจารย์

 ชอบข้อ 6 . ครับ

เรียนอาจารย์ขจิต ชอบตรงนี้(จะคัดเลือกคนเก่งๆ คนดีมาเป็นครู)

แต่ครูที่สอนตอนประถม ดีจริงๆ

อนาคตการศึกษาไทย ดูได้จากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา

แหม เขียนบันทึกดี ๆ แบบนี้ ผมควรต่อยอดนะเนี่ย

เดี๋ยวไปขอคิด ปี ๒๐๒๐ จะมาต่อยอดใหม่ครับ อิ อิ

  • เป็นเพราะเป็นแม่ลูกกันหรือเปล่า ถึงได้รู้ใจกัน เขียนเสนอความต้องการด้านการศึกษาไทยที่เป็นภาพใหญ่ ครอบคลุมทุกด้าน ในแนวที่อาจารย์แม่อยากให้มีใครเขียน แต่ยังอ่านไม่พบ (อาจจะมีแต่ไม่ได้อ่าน) ร่ำๆ จะเขียนเองอยู่แล้ว พอดีลูกชายทำหน้าที่แทน แม้มาค่อนข้างช้าไปหน่อย ก็ต้องขออนุญาตนำไปเป็นตัวอย่างให้กับนักศึกษาล่ะค่ะ และขออนุญาตเสริมเติมแต่งความเห็น ตามที่ลูกขจิตเชิญชวนไว้ ดังนี้  
  • อาจารย์แม่อยากให้ข้อ 6. มาเป็นข้อ 1. "1.การศึกษาปี 2020เป็นไปได้ไหมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการควรมีความรู้เรื่องการศึกษา ไม่ใช่ใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเรื่องการศึกษาของชาติมีความสำคัญ (ที่สุุด ถ้าการศึกษามีคุณภาพก็จะได้คนในทุกอาชีพที่ดีและเก่ง เพราะคนในทุกอาชีพต้องผ่านมือครูมาทั้งนั้น)  ถ้าเปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นไปได้ไหมว่า นโยบายทางการศึกษาที่ดีๆให้คงไว้" ข้อเรียกร้องนี้วงการศึกษาเรียกร้องมานาน(มีรัฐบาลที่แล้วที่เอาคนที่เคยเป็นครูมาเป็น "รมว.กศ.")  แต่พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลส่วนใหญ่เขาไม่ใส่ใจ อ้างเสมอว่า "ใครเป็นก็ได้เพราะดูแลเรื่องนโยบายเท่านั้น เรื่องที่ไม่รู้ก็ให้ทีมที่ปรึกษาคอยให้ข้อมูล" แล้วก็แย่งกันเป็นรัฐมนตรีกระทรวงที่มีผลประโยชน์มากๆ เอาคนที่เหลือๆ มาเป็นรมว.กศ. แล้วก็บริหารประเทศแบบมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจ เอาด้านสังคมและการศึกษาไว้ทีหลัง บ้านเมืองจึงสับสนวุ่นวาย สังคมล่มสลายอย่างปัจจุบัน วันๆ ได้ฟังแต่ข่าวที่แสดงถึงปัญหาสังคม...นโยบายดีๆ มีหรือเขาจะคงไว้ กลัวว่าจะเป็นการไปสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลก่อน กลัวคนจะว่าคิดเองไม่เป็น เฮ้อ! ในชาตินี้ อาจารย์แม่จะมีโอกาสเห็นการเมืองแนวใหม่ไหมนี่ 
  • ขอเพิ่มหนึ่งข้อ มาเป็นข้อ 2 คือ 2. อยากให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีบทบาทร่วมกันในการจัดการศึกษา เริ่มตั้งแต่ 1) ครอบครัวที่ต้องดูแลใส่ใจให้เวลาและให้ความรักความอบอุ่นกับบุตรหลาน สร้างความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองและใฝ่ดี และสนับสนุนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่บุตรหลานเข้าเรียน 2) สถานศึกษาก็เป็นไปตามข้อ 5. และข้อ 3. ที่ลูกขจิตว่าไว้ คือ จัดการเรียนรู้แบบส่งเสริมพหุปัญญาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยาภาพในด้านที่ถนัดและสนใจเพื่อให้เรียนรู้อย่างมีความสุข และเน้นเรื่องทักษะ 21st century skills 3) สถาบันศาสนา มีพระภิกษุที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ (รวมถึงศาสนาอื่นๆ มีผู้เผยแผ่ศาสนา) ที่ควรแ่ก่การเคารพศรัทธา เป็นเสาหลักในการพัฒนาด้านจิตวิญญาณให้กับอนุชนและคนในสังคม 4) สื่อมวลชนผลิตรายการที่ไม่เป็นพิษภัยและเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของผู้เรียนให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัยและระดับการศึกษา ลดรายการไร้สาระ น้ำเน่าและมอมเมาเยาวชน 5) องค์กรต่างๆ ในสังคม ร่วมสนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมดีๆ เพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียนในระดับการศึกษาต่างๆ (ดังเช่นที่ GotoKnow, EGA, SCB และ สสส. ทำอยู่ เป็นต้น) และ 6) สถาบันทางการเมือง  มีนักการเมืองน้ำดี มีความจริงใจจริงจังที่จะทำหน้าที่ๆ ประชาชนมอบหมายมา ให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง มีหลักคิดแบบเอาบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาผลประโยชน์ของตนของพรรคเป็นตัวตั้ง เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน เป็นต้น
  • ขอบคุณค่ะ ที่อนุญาตให้เสริมเติมแต่งความคิดเห็นได้

ครู สอนไม่ตรงวิชาเอก โรงเรียนขาดครูภาษาไทย แต่ส่งครู ฟิสิกส์ ให้ ทั้ง ๆ ที่ ครูเอกภาษาไทยมี ใช้เส้นเอาเด็กเส้นมา ที่ สพม.๓๒ บุรีรัมย์ครับ ผมอยากเพิ่มด้าน ผู้นำ ต้องเก่ง เน้นวิชาการ ช่วยกระตุ้นครู ให้กำลังใจครู โดยมาก จะไปเน้นสถานที่ ในสิ่งที่ได้ ค่าตอบแทนเล็ก ๆน้อยๆ คนที่จะมาเป็นครู เป็น ผอ.ต้องคัดกรองเป็นพิเศษ เห็นด้วยกับสถาบันการผลิตครู ตั้งแต่ยกระดับเป็นราชภัฏ คุณภาพครู ไม่ดี เท่า วิทยาลัยครูในอดีต ขอบคุณครับ

  • ขอบคุณมากครับ
  • พี่ครูธนิตย์มากครับ
  • ผมไปอ่านบันทึกอาจารย์เลยได้เขียนต่อยอดเอาไว้
  • ได้ประเด็นที่ตนเองสนใจด้วยครับ
  • ขอบคุณป้าธีมากครับ
  • ไม่อยากให้รอ
  • ให้ทำเลยครับ
  • เย้ๆๆ
  • ป้าธีสบายดีไหม
  • ช่วงนี้กลับมาเมืองไทยบ้างไหมครับ
  • ขอบคุณอาจารย์น้องพิชชา
  • เอาข้อมูลมาเพิ่ม
  • จะได้ครบในหลายประเด็น
  • อยากให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เรียนอย่างมีความสุขครับ
  • ขอบคุณดร.วรกาญจน์
  • มากครับ
  • อาชีพครูเป็นอาชีพพอเพียง
  • ให้ความดี มากกว่าการรับเงินเดือนสูงๆครับ
  • อาจารย์สบายดีไหมครับ
  • ขอบคุณคุณปริม
  • เล็กน้อย แต่อยากให้ชัดเจนครับ
  • สบายดีไหม
  • การศึกษาบ้านเรากับสิงคโปร์ต่างกันมากเลยนะครับ
  • ขอบคุณพี่ใหญ่
  • เห็นเด็กๆได้ใช้ศักยภาพในการทำงาน
  • การทำความดีแล้วมีความสุขครับ
  • ขอบคุณพี่ณัฐรดา
  • หายไปนาน
  • ใช่ครับ
  • เด็กๆต้องมีศีลธรรมที่ดีงามแบบที่พี่เขียนด้วย
  • ขอบคุณมากครับ
  • พี่krudala
  • บางอย่างการศึกษาเราเรียนเรื่องไกลตัวมาก
  • เลยไม่ได้ประโยชน์จากการศึกษา
  • ขอบคุณมากครับ
  • คุณเพชร
  • แค่แวะมาอ่านก็มีความสุขแล้วครับ
  • ขอบคุณมากครับ
  • พี่ครู Pually 
  • พี่ครูจะ early หรือครับ
  • 5555
  • ขอบคุณพี่ พ. แจ่มจำรัส
  • แค่นี้สำคัญเลย
  • 555
  • ขอบคุณมากครับบังวอญ่า
  • ใช่ครับ
  • ครูที่สอนเด็กเล็กๆให้เด็กได้เรียนรู้
  • ได้ฝึกฝนตนเองตั่งแต่เด็กๆครับ
  • ขอบคุณคุณครู Nopparat
  • มากครับ
  • ผู้ใหญ่บางคนในบ้านเรา
  • น่ากลัวมากๆๆ
  • ขอบคุณมากครับ
  • อาจารย์was 
  • อาจารย์ได้ของจากทีมงานหรือยัง
  • คาดว่าจะส่งไปถึงอาจารย์เร็วๆนี้ครับ
  • ขอบคุณมากครับ
  • อาจารย์แม่
  • ขอเอาความคิดเห็นอาจาย์แม่ไปไว้ข้างบน
  • ได้มีการต่อยอดอย่างชัดเจน
  • ได้ประเด็นครับ
  • ผมยังเขียนขาดในการศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัยครับ
  • ขอบคุรมากครับ
  • คุณแว่นธรรมทอง
  • บ้านเราจัดการศึกษาไม่ตรงตามคนจบ
  • ผมเคยเห็นคนจบเอกภาษาอังกฤษไปสอนสังคม คณิตศาสตร์
  • คนจบพละมาสอนภาษาไทย
  • บ้านเราวุ่นวายมากๆๆ

1. ที่มาของครูปัจจุบันมีปัญหาแน่นอน...
- โครงการผลิตครู คุรุทายาท ครูมืออาชีพ ครูพันธ์ใหม่ ครู...... สารพัดชื่อ ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะกลุ่มนักเรียนที่มาสอบเข้าเรียน เป็นกลุ่มที่อกหักจากการสอบแพทย์ วิศวะ ฯลฯ พูดง่ายๆ ว่า หัวกะทิ เขาเอาไปหมดแล้ว
- เงินสิ ในสังคมปัจจุบันเงินช่วยได้มาก ให้เงินเดือนครูบรรจุใหม่ สตาร์ทที่ 40,000 บาท สิครับ สมองไหลมาแน่นอน ... แต่เจ้านายคนไหนละ ที่คิดจะทำ เพราะทุกวันนี้ ผลประโยชน์ยังไม่ลงตัวเลย

2. ระบบการศึกษาไทย ที่เน้นวิชาการ หลงลืมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ต่างกันกับ ญี่ปุ่น การศึกษาของเขาเน้นพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ที่คนญี่ปุ่นทุกคนต้องมี จากนั้นผลการศึกษาด้านวิชาการจะตามมาเอง แล้วประเทศญี่ปุ่นก็เจริญสู่จุดสูงสุดได้ภายในชั่วครึ่งอายุคน

3. ราษฎรอาวุโส ศ.นพ.ประเวศ วะสี ท่านพูดไว้น่าคิด พี่น้องลองอ่านดูที่นี่ http://www.komchadluek.net/detail/20110418/94900/%E0%B8%99%E0%B8%9E.%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A8%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2.html

4. ครูอย่างลุงรุน จะทำอะไรได้ ได้แต่ทำใจ ถือว่า วันนี้คุยกันเล่นๆ ก็แล้วกันนะคร้าฟฟฟ อาจารย์์์์ขจิต

แวะมาดูทิศทางการศึกษาครับผม

เป็นกำลังใจคะอ.ขจิต

ปรับเปลี่ยนหลักสูตรต้องใช้เวลา

ปรับแก้การเรียน การสอนง่ายกว่าคะ

  • ขอบคุณครูรุน
  • ถ้าให้แบบนั้นจริงๆ
  • ต้องมีวิธีการคัดคนดี คนเก่ง มาเป็นครูจริงๆครับ
  • ขอบคุณอาจารย์โสภณ
  • ที่แวะมาอ่านครับ
  • ขอบคุณมากครับ
  • ทีมงาน EGA 
  • ที่เข้ามา การสอนนั้นครูเราพัฒนาได้ดี
  • แต่ติดที่กรอบ ระเบียบการประเมิน

ชอบบันทึกพี่อ.ดร.ขจิตมากครับ เห็นตรงกันว่า ครูหรืออาจารย์ควรฝึกฝนทักษะในศตวรรษที่ 21 แล้วนำประสบการณ์ตรงมาถ่ายทอดผู้เรียนครับผม

อาจารย์ขจิต เข้าใจการศึกษาไทยอย่างมาก น่าจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาในอนาคตนะคะ

พรุ่งนี้ที่สดใสของพวกหนู...รออาจารย์ช่วยอยู่นะครับ

  • สวัสดีครับอาจารย์
  • ผมเห็นด้วยทุกข้อเลยครับ
  • โดยเฉพาะ "4. การศึกษาปี 2020 เป็นไปได้ไหมที่จะให้ครูทำการสอนแล้วไม่ต้องประเมินผลงานจากเอกสารเพียงอย่างเดียว แต่ประเมินผลการสอนของครูจากการพัฒนาของนักเรียนในชั้นเรียนจริงๆ ครูไม่ต้องกังวลกับการผลงาน ครูชำนาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญ โดยทิ้งการเรียนการสอนในชั้นเรียนแล้วไปทำแต่ผลงาน"
  • ผมว่าถ้าอย่างเป็นแบบเดิมๆ เหมือนการศึกษายังอยู่ในความฝันที่เพ้อเจ้อไปเอง แต่ปฏิบัิติตรงกันข้ามครับ

เด็ก เรียนแล้วมี "ความสุข"===> คือ เป้าหมายสูงสุดแล้วนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ บทความดีดีนี้

อ.ขจิต

เอาคำของหลานมาฝาก

แม่ ไหนน้องลองเปรียบเทียบการเรียนที่ไทยกับที่โน่นให้แม่ฟังหน่อย

ลูก อืม แม่ที่นี่ นักเรียนหลาย ๆ คนเกือบทุกคนอ่านหนังสือ ไม่ก็ค้นเน็ตมาก่อนในเรื่องที่เราจะพูดคุยกัน ตั้งแต่เมื่อคืน มันเหมือนไม่ใช่การเรียนแบบที่น้องเคยเจอในบ้านเรา สิ่งที่เราคุยกันน่ะ ต่างคนต่างหามา มันก็เยอะและเราก็สนุกไงแม่ ครูก็ไม่ได้มาเล็คเชอร์เยอะ ๆ แล้วเราก็ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาจด สิ่งที่น้องรู้ก็ได้พูดให้เพื่อนฟัง แล้วก็ฟังเพื่อนพูด ครูก็พูด สุดท้ายเราได้รู้หลาย ๆ เรื่องเลย

เวลาหมดตอนไหนไม่ทันรู้เลยแม่ สนุกจนลืมเวลา

ไว้จะนำคำลูกเล่ามาเขียนบันทึกค่ะ

รัฐมนตรีศึกษาไม่ใช่ว่ามีหน้าทีนั่งสั่งงานอย่างเดียว  ต้องมีประสบการณ์ เดียวนี้บางแห่งครูขาดแคลน  ครูหนึ่งคนต้องสอนหนังสือ 2 ห้องเรียน  สอนทุกวิชา ไม่ใช่ว่าจบมา เอก ไทย คณิต อังกฤษ แล้วต้องสอนวิชานั้น ครู 1 คน ต้องสอนทุกวิชา  สำหรับโรงเรียนเล็ก ๆ  ส่วนโรงเรียยนใหญ่ ๆ ครูเข้า สอนรายวิชาของใครของมันสอนเสร็จก็หายไป  ต่อไปน่าจะมีการบันทึกว่า 1 คน สอนกี่คาบบ้างนะถ้าจะดีมาก  เกินจากชั่วโมงสอน ก็คิดเงินเพิ่มให้บ้างน่าจะดีไม่น้อย

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับบทความนี้คะ การศึกษาไทยน่าเป็นห่วงมาก อนาคตของชาติ ต้องมารับแนวทางแย่ๆของกลุ่มผู้บริหาร หรือบุคคลสำคัญของการศึกษา ที่เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว ทำดีเอาหน้า สร้างภาพ รวมทั้งกลุ่มผู้ให้ความรู้ที่ ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีจรรยาบรรณความเป็นครู การเป็นอาชีพครู ควรจะรับแต่คนที่เก่งและดี ถ่ายทอดความรู้ได้ เก่งอย่างเดียวสอนไม่เป็นก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ชอบสอน สอนให้มันผ่านๆไปในแต่ละวัน รอแต่จะทำผลงานของตัวเอง ห่วงแต่ตำแหน่ง แล้วอย่างนี้โอกาสการศึกษาในอนาคตจะดีขึ้นได้อย่างไร อนาคตลูกหลานของเราจะเป็นเช่นไร ฝากองค์กรทุกองค์กร กลุ่มทุกกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องด้วยคะ และขอสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มผู้ให้ความรู้ทุกท่าน ที่ดีและมีจิตความเป็นผู้ให้ สุดท้ายขอขอบพระคุณผู้เขียนบทความเป็นอย่างมากคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท