อย่างนี้เราทำบุญหรือทำบาป


อย่างนี้เราทำบุญหรือทำบาป

 

เมื่อวานนี้มาอยู่เวรที่ รพ.  มีน้องเวชสถิติ  มาถามชลัญว่า 

“พี่โจ้คิดฆ่าตัวตายมั๊ย”

ชลัญบอกคิด  “แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

“พี่โจ้ไม่กลัวบาปเหรอ  ฆ่าตัวเองมันบาปนะ”

ชลัญบอก  “ก็บาปคนเดียวยังดีกว่าเราฆ่าคนอื่นทั้งเป็นไม่ใช่หรือ”

“อ้าวหนูถามเล่นๆ พี่คิดจริงเหรอ”

ชลัญ “ เปล่า พี่ก็ตอบเล่นๆ” น้องถึงหัวเราะออก

................................................................................

จากสิ่งที่น้องถามมันทำให้ชลัญฉุกคิดถึงเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งซึ่งเรา ว่าเราทำบุญหรือทำบาป  กันแน่  ชักเริ่มสงสัยแล้วซิเป็นเรื่องที่เพื่อนที่เป็นตำรวจเล่าให้ฟังอีกที  จากการระอากับพฤติกรรมที่เป็นภัยสังคมของเด็กคนนี้

          “เมื่อ ประมาณ 12 ปีก่อน  มีหญิงคนหนึ่งติดเชื้อ เอดส์ เข้ามาที่คลินิกนิรนามเพื่อขอร้องให้หมอทำแท้งให้ เนื่องจากเธอเป็นหญิงขายบริการทางเพศ   เพื่อหาเงินมารักษา     พ่อเป็นต้อหินมองไม่เห็น แม่ก็แก่แล้ว พี่อีกคนปัญญาอ่อน      ซึ่งฐานะที่ยากจนนั้นมันบีบให้เธอต้องเลือกอาชีพนี้   ที่คนประณามว่าเป็นโสเภณี  ต่อมาเธอได้พบกับฝรั่งเขารักเธอ  และขออยู่กินกับเธอ  เมื่อเธอตั้งครรภ์นั้น  สามีเธอเสียชีวิตจากโรคนี้ เธอถึงรู้ว่า เธอติดเชื้อนี้เข้าไปด้วย  เมื่อสิ้นสามีเธอก็ไม่มีหลักยึดเงินที่ได้จากสามีนั้นมันไม่ได้มากพอที่จะให้เธอมีชีวิตต่อได้อีก   เธอเลือกที่จะไปทำอาชีพเดิม  โดยมาขอร้องให้ รพ.ทำแท้งให้  ด้วยคุณธรรม  จริยธรรมอันสูงส่งของ แพทย์พยาบาลหว่านล้อมเธอทุกทางที่จะไม่ให้เธอทำแท้ง  แล้วก็สำเร็จเธอรับรู้ว่าลูกเธอมีโอกาสที่จะไม่ติดเชื้อเอดส์จนกระทั่งคลอดเป็นอย่างนั้นจริงๆ  ลูกเธอไม่ติดเชื้อ  แต่ชีวิตเธอไม่ได้ดีขึ้น กลับแร้งแค้นกว่าเดิม  พ่อแม่ทำมาหากินเองไม่ได้  พี่ชายปัญญาอ่อน  เธอตัดสินใจอีกครั้งที่จะไปทำอาชีพที่ทำให้เธอได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวและทิ้งลูกชายไว้กับยายแก่ๆ  ตาที่ตาบอด   มองไม่เห็น  ลุงที่ปัญญาอ่อน  เด็กน้อยเติบโตมาด้วยความแร้งแค้น สำหรับแม่ที่ไปขายบริการทางเพศเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว  เกิดความเครียดหนังจากภาวะสังคมที่บีบคั้น  นอกจากเธอติดเชื้อ แล้ว  เธอยังติดยาเสพติด ใช้ชีวิตเสเพ ทิ้งลูกทิ้งครอบครัว  เพื่อความสุขเท่าที่ตนจะสัมผัสได้  ยายที่เลี้ยงดูเด็กน้อยกลายเป็นคนรับกรรมทั้งหมด  ต้องเก็บของเก่าขาย  หาผักตามทุ่งนาขาย  เพื่อเลี้ยงดูอีก  3 ชีวิตที่ฝากไว้  ต่อมา เธอนั้นเสียชีวิต จากเอดส์  ตอนนี้เหลือเพียง 4 ชีวิตที่ต้องดูแลกันเอง  เด็กน้อยเติบโตขึ้นมาด้วยความแล้งแค้น  ไม่มีใครพร่ำสอนว่าการเป็นคนดีเป็นอย่างไร  ชีวิตที่เติบโตขึ้นมาได้ด้วยปากกันตีนถีบ  กลาย เป็นเด็กก้าวร้าว  ฉก ขโมย  ตั้งแต่ เด็ก  ไม่มีครูคนไหนรับที่จะให้เข้าโรงเรียน เพราะทนกับพฤติกรรมของเด็กไม่ได้  เด็กน้อยคนนี้ ทำทุกอย่างที่เป็นพฤติกรรมที่ตนคิดว่าเป็นการเอาตัวรอดของตัวเอง  ยายเองก็แก่เต็มทีที่จะอบรมสั่งสอนเด็กน้อยนั้น  แค่อีก 2 ชีวิตที่ยายต้องรับผิดชอบมันก็หนักเกินไปแล้ว  ยายจึงปล่อยเด็กไปตามกรรม  บอกแต่ว่า  เด็กมัไม่มีพ่อแม่ก็เป็นอย่างนี้  มันเลว มันก็ไม่ต้องเป็นหลายฉัน ใครจะเอามันไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญ  ฉันไม่รับรู้  ตอนนี้เด็กน้อยคนนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม”

          ชลัญกลับมานั่งคิดว่า  จริงซิ  บางครั้งการทำบาปครั้งแรก  แล้วบาปที่เรานั้น บางครั้งมีอาจเป็นประโยชน์ กับสังคมประเทศชาติซะมากกว่า  ที่ปล่อยให้การกลัวบาปของเรา แล้วกลับมาทำลายสังคมทีหลัง  แล้วแบบนี้อย่างไหนบาปมากกว่ากัน  คนได้รับผลกระทบจากการกลัวบาปของเราคือคนทั้งสังคม  แต่ถ้าวันนั้นมีคนยอมบาป ทำแท้งให้เธอ  อาจจะไม่มีบาปที่เป็นภัยสังคม  ชลัญเริ่มสับสน  ว่า ทางไหนคือทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาบางอย่างที่บางครั้งขัดต่อ คุณธรรม  ศิลธรรม  จริยธรรม การทำบาป ใครช่วยตอบชลัญได้บ้าง...........

 

ชลัญธร 

 

หมายเลขบันทึก: 494147เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2012 13:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม 2012 22:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

อย่างน้อยคุณชลัญและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ได้ให้โอกาสน้องเขาได้มีชีวิตแล้วค่ะ การใช้ชีวิตที่มีให้มีคุณค่าหรือใช้ให้มันเป็นปัญหาต่อตัวเองและสังคมก็เป็นทางเลือกของน้องเขา...

อย่าท้อในการให้โอกาสนะคะ :)

คุณชลัญครับ

ตัวผมเองไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่เวลาเครียดมากๆ เคยคิดว่าเมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมเสียที(มิฏฉาทิฏฐิ)

สำหรับเรื่องนี้อย่าคิดว่าเป็นบุญหรือบาปเลยครับ คิดว่าเป็นภพภูมิหนึ่งที่ผ่านมาให้เราได้พบเจอและรับรู้มัน ปล่อยวางกับมัน เพราะมันเป็นเช่นนั้นเองแหล่ะชีวิต ที่สำคัญ เราทำดีกับเรื่องราวนี้ที่สุดแล้ว...

พอจะเข้ามาตอบคำถามในมุมมองของผม...ด้วยเหตุผลที่คิดไว้...มีความคล้ายกับคุณปริมแล้วครับ....แต่เหตุผลหนึ่งในการใช้ชีวิตของน้องๆ และคนเกี่ยวข้อง....ไม่อยากให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเวร-กรรม...ส่วนการให้โอกาสของผู้ที่มอบชีวิตหนึ่งไว้ให้ได้ใช้ชีวิตบนโลก...ผมว่างดงามอยู่แล้ว....บุ ญ หรือ บ า ป... อาจเป็นเพราะเราให้นัยยะกับมันเองครับ

  • ทุกชีวิต ถูกลิขิตมาแล้วครับ  อย่ากังวลกับเรื่องราวที่ผ่านมาเลยครับ มันมีที่มา และมีที่ไปเสมอ 
  • เรื่องนี้ เหมือนกันพูดถึง ล็อตเตอรี่ เมื่อหวยออกแล้ว ซื้อยังไง ก็ถูกครับ เหมือนกับเรื่องของเด็กคนนี้ มีที่มาจากแม่ ที่ต้องดิ้นรน มียายที่มีข้อจำกัดทางเศรษฐานะในการเลี้ยงดู สุดท้ายก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ให้ได้ จนเป็นปัญหาของสังคม...
  • การที่บอกว่า ถ้าจะมีใครสักคน ที่ยอมทำบาป ทำแท้งให้กับเธอ เพื่อไม่ให้เด็กคนนี้เป็นภัยของสังคมในโอกาสต่อมา ผมก็คงต้องถามครับว่า แล้วจะมีใครบ้างที่รู้อนาคต....ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น...กับเด็กคนนี้ เป็นไปได้ไหม ที่เด็กคนนี้เมื่อโตขึ้น จะรับรู้ถึงความลำบากของแม่....และยาย...ที่ต้องหาค่ำกินเช้า...เพื่อปากท้องของทุกๆคนในบ้าน แล้วเด็กคนนี้พยายามร่ำเรียน ด้วยความตั้งใจ เวลาว่างก็ช่วยเหลือยายเลี้ยงน้อง หาโอกาสทำงานพิเศษเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ส่งเสียตัวเองให้เรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น และในที่สุดก็หางานทำที่มั่นคงได้ เป็นเสาหลักในการดูแลคุณแม่ คุณยาย และน้องๆ ในเวลาต่อมา.....คำถาม คือ...มันเป็นไปได้ไหม...กับเรื่องอย่างนี้....คำตอบคือ มันเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้ พอๆ กับเรื่องราวที่เด็กคนนี้จะเป็นปัญหาสังคมครับ
  • เราไม่รู้อนาคต ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้แม้กระทั่งในอีก 1 นาทีถัดจากนี้ไป จะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วทำไมต้องให้เราเป็นคนตัดสินอนาคตเด็กด้วย....ว่าควรจะให้เขาเกิด หรือไม่ให้เขาเกิด....
  • ตอบยากจังเลย
  • ถ้าเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
  • แต่มีปัจจัยเกี่ยวข้องมาก
  • คงเป้นกรรมของเขา
  • ตอนนี้จองน้องหมวยน้อยแล้วนะครับ

การตัดสินใจก็น่าจะถูกต้องแล้ว ถ้าตัดสินใจไปอีกอย่างก็คงขัดความรู้สึก.. และไม่ใช่ปัญหา

สมมุติ เราคิดว่าการตัดสินใจไม่ให้เด็กเกิด คือการยุติปัญหา เราก็จับคนยากจนมาทำหมันให้หมด ก็น่าจะอยู่ในแนวทางเดียวกัน แต่คงจะไม่ใช่ทางเลือก?

ดังนั้น ปัญหาคือ เราช่วยคนขัดสน อับจน (ทรัพย์สิน, ปัญญา, โอกาส) ได้อย่างไร

ขณะที่ประเทศเรามีเงินเหลือมากมาย (ยกตัวอย่าง แทบเล็ต ถ้าไม่มีก็ไม่ถือว่าด้อยโอกาสอะไร) และโครงการอะไรๆ ในหลักพันล้านขึ้นไป แต่การช่วยเหลือคนยากจนนั้นมีน้อยเกินไปหรือเปล่า... เหล่านี้แหละคือปัญหา...

 

บุญหรือบาป...อยู่ที่ เจตนา...(เฉพาะ P'Ple)

ขอบตุณมากนะคะ สำหรับบทความดีดีนี้ค่ะ

เฮ้อ..ต่างคนต่างความคิดครับ..บางเรื่องต้องอาศัยเวลา โอกาส หรือดวง..ในชีวิตจริงคนที่อยากมีลูกยังมีอีกมาก และในชีวิตจริงเด็กมักจะไปเกิดกับคนจนบ้าง คนที่ไม่อยากมีลูกบ้าง..คนที่มีฐานะหลายๆคนกลับไม่มีลูกเป็นของตนเองทั้งที่ฐานะพอที่จะดูแลเขาได้..โลกใบนี้ยังมีเรื่องแปลกอีกมาก..เดี๋ยวก็มืดแล้ว หลับให้สบายน่าจะดีกว่าน๊ะ ปล่อยวางบ้างก็น่าจะดี..

ชีวิตย่อมดำเนินต่อไปตามเวลาที่เดินไป ย่อมพบกับทุกข์บ้างสุขบ้าง

ชีวิตมีสุขทุกข์คละกันไป ตามที่ กทน.พวงผกา เธอว่าไว้ แค่มีใจเมตตาให้เธอ ก็ถือว่าเลิศประเสริฐแล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน.. คุณพี่คิดว่าไม่มีผิด ไม่มีถูก.. บาปหรือไม่ตอบไม่ได้.. ก็แค่เราคิดว่าใช่ หรือไม่เท่านั้น..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท