เกริ่นนำ Forum 8 ช่วยแสดงความเห็นหน่อยค่ะ


Humanized healthcare

เพิ่งจะผ่านไปไม่นานกับ HA Forum 7th เมื่อมีนาคม 2549 ผ่านมาประมาณ 6 -7 เดือนแล้ว ทางสถาบันฯ ได้เตรียม theme สำหรับการประชุม HA Forum 8th ในปีหน้า ซึ่งได้วาง theme ไว้คือ “Quality and Humanized Healthcare” หรือ “จากคุณภาพ...สู่การดูแลที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์  จึงอยากฟังข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นจากผู้รักการพัฒนาคุณภาพทุกท่านค่ะ พอลล่าได้ตัดข้อความบางส่วนมาจากท่านผู้อำนวยการ

จากที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ได้กล่าวปาฐกถาใน Forum ที่ผ่านมาเรื่อง ระบบบริบาลที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์  หลังจากนั้นก็มีการไปดูงานมูลนิธิฉือจี้ที่ไต้หวัน มีการสร้างเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง  มีการพูดคุยกันในกลุ่มหน่วยงานและสถาบันต่างๆ ว่าปีนี้และปีหน้าจะมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการนำไปสู่การปฏิบัติอย่างได้ผล            HA เป็นกลไกหนึ่งที่เหมาะสมจะเข้าร่วมในการขับเคลื่อนนี้ ซึ่งระบบบริบาลที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์จะช่วยให้เกิดคุณภาพขึ้นทั้งในส่วนของการลดภาวะที่ไม่พึงประสงค์และการเพิ่มคุณค่าด้วยการดูแลที่เป็นองค์รวม            Theme ของการประชุม HA National Forum ครั้งที่ 8 ที่ได้รับการซาวเสียงไว้คือ “Quality and Humanized Healthcare” โดยมีชื่อไทยว่า จากคุณภาพ...สู่การดูแลที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์  และมีชื่อเล่นที่มีหลายคนชอบอีกชื่อหนึ่งว่า ดูแลด้วยหัวใจ ทั้ง ไข้ และ คน            เนื้อหาของการประชุมคงจะมี 3 กลุ่มหลัก ดังนี้           

1) การนำเสนอแนวคิด ทิศทาง และเครื่องมือใหม่ๆ           

2) การนำเสนอประสบการณ์จากพื้นที่           

 3) การเชิญชวนหน่วยงาน องค์กรวิชาชีพต่างๆ ซึ่งมีประเด็นคุณภาพเฉพาะ มาร่วมนำเสนอ            ด้วยเห็นว่าท่านเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับกระบวนการ HA และบรรยากาศของการประชุม National Forum ที่ผ่านมา  จึงใคร่ขอให้ท่านได้โปรดให้ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการจัดประชุม หัวข้อเนื้อหา หน่วยงานองค์กรและบุคคลที่มีผลงานน่าสนใจที่ควรเชิญเข้าร่วมเป็นวิทยากร เพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุดต่อผู้เข้าร่วมประชุม  และขอขอบคุณเป็นอย่างสูง

คำสำคัญ (Tags): #forum8
หมายเลขบันทึก: 48896เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2006 19:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น
การที่จะให้ทุกคนมีทำงานด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์นั้น มนุษย์มักจะยังไม่รู้ว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร หัวใจของความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงคืออะไร มนุษย์ควรเกิดมาเพื่อยกระดับจิตใจของตัวเองให้สูงขึ้นอยู่ตลอด มีศีล และ ธรรม เป็นพื้นฐาน  อยากให้การจัดครั้งต่อไป มีการพูดถึงเรื่องนี้บ้าง
  • เสียดายไม่ได้ไป
  • งานยุ่งมากๆๆ
  • จะไปตามคนที่ไปมาให้นะครับ
  • สบายดีไหมครับ

ตามมาดูว่าเจ้าของบันทึกไปไหน อิอิๆๆ

** พูดถึง "การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์" ที่จริงบุคลากรในวงการ

สาธารณสุข "ถูกฝังหัว" มานานแล้ว ที่จะให้ถือปฏิบัติเช่นนั้น จนหลาย

คนก็กลายเป็น "คนของประชาชน" โดยอัตโนมัติ...(ไม่ได้หยิบยืม

ศัพท์ของนักการเมืองมาใช้หรอกนะ)

** ถามว่า ณ ปัจจุบันทำไมต้องนำมาพูดกันแล้วพูดกันอีก เป็นไปได้ใหมว่า

เป็นเพราะผลพวงจากนโยบาย "การลดคน"ในระบบราชการ ถ้าหากว่า

คุณ Paula wara เป็นพยาบาลหรือแพทย์หรือเภสัชกร คงพอจะเห็น

สายตาของผู้ใช้บริการที่จับจ้องผู้ให้บริการพร้อมกับการรอคอย......

ที่จะได้รับในสิ่งที่แต่ละเจ้าของความคิด แต่ละเจ้าของความคาดหวังต้อง

การ ซึ่งบางครั้งเขาเหล่านั้นลืมไปว่า ผู้ให้บริการเองก็มีหัวใจความเป็น

มนุษย์ที่พร้อมจะแสดงออกมาเป็น "พฤติกรรมบริการ" ตลอดเวลา..แต่

เพียงเพราะความเร่งรีบทำงานแข่งกับเวลา ผนวกกับความไม่ช่างเจรจา

คิดว่าทำงานตลอดเวลาเขาก็เห็นอยู่คงเข้าใจ...ก่อเกิด "ปมมฤตยู"จาก

เล็กๆจนได้ที่...สุดท้ายเมื่อเกิดการร้องเรียน...ยากนักที่จะคลายปม

ทั้งจากใจผู้ให้และผู้รับบริการ แถมยังก่อเกิด "ปมด่างและปมด้อย" ฝัง

ลึกยากจะถ่ายถอน

** สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นในสถานบริการสาธารณสุขภาครัฐหลายแห่งทั่วประเทศ

แม้จะไม่มีการวิเคราะห์สังเคราะห์กันอย่างแพร่หลาย เราก็คงปฏิเสธไม่ได้

ว่านี่คือหนึ่งตัวแปร ที่ก่อให้เกิดปัญหาในระบบบริการ จนนักวิชาการต้อง

คิดค้นวืธีแก้ไขโดยเน้นการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะได้ผล

ในระยะยาวแค่ไหนก็ไม่รู้นะ....เพราะที่แน่ๆ.."คนน้อย..งานมาก..

คุณภาพดี(เยี่ยม)..เปี่ยมด้วยคุณธรรม"..แต่ค่าตอบแทนและสวัสดิการ

คงที่(เอ๊ะ..หรือกำลังจะลดลงนะ) แล้วเป็นไง...บุคลากรเดินออกไป

ถ่ายเทหัวใจความเป็นมนุษย์ แถวๆสถานบริการเอกชนมากขึ้นทุกที บาง

คนต้องเกษียณตัวเองก่อนวาระอันควร...ช่วยวิเคราะห์หน่อยว่าเป็นการ

แก้ที่ตรงประเด็นหรือยัง

มาทักทาย เจอความคิดเห็นข้างบน อึ้งๆๆๆ ขอไปคิดก่อนนะ

สวัสดีครับ

  • น้องพรหล้า
  • แวะมาเยี่ยมครับ
  • สบายดีไหม
  • อย่าทำงานหนักนะครับ
  • เดี๊ยวแก่เร็ว
  • อิอิ

คุณ paula ไม่แก่แล้วครับ เธอ สว คงตัว อิอิๆๆๆ

สพฺพปาปสฺส อกรณํ

กุสลสฺสูปสมฺปทา

สจิตฺตปริโยทปนํ

เอตํ พุทฺธาน สาสนํ . . . ฯ ๑๘๓ ฯ

ไม่ทำความชั่วทุกชนิด

ทำแต่ความดี

ทำใจให้ผ่องใส

นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

Abstention from all evil,

Cultivation of the wholesome,

Purification of the heart;

This is the Message of the Buddhas.

  • แวะมาเยี่ยมครับ
  • เรื่องหัวจิตหัวใจ ผมว่ายิ้มใส่กันบวกความจริงใจ และให้อภัยกันบ้าง และก็ช่วยกันพัฒนาตัวเองตามวิถีทางพุทธ ทำให้ได้จะได้มีความสุขด้วยกัน
  • สวัสดีครับ

เป็นงานที่ต้องเสียสละมาก ถ้าไม่ใช่เพราะใจ คงมาทำไม่ได้นานหรอกค่ะ เพราะงานที่ทำได้รับแรงกดดันรอบด้าน คนมารับบริการก็น่าเห็นใจ โดยเฉพาะภาครัฐ demand>supply

ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านค่ะ

สวัสดีครับ รู้สึกรูปแสงจะเยอะไปนิดส์ เลยจำไม่ค่อยได้ (ซวย เอ๊ย สวยขึ้นครับ)

ความเมตตาคือหัวใจบริการ

มีดวงมาลย์สูงค่ากว่าสิ่งไหน

คนเจ็บปวดต้องการกำลังใจ

เพียงยิ้มให้พูดด้วยโปรดช่วยกัน

  • ตามมาจาก บ้านพี่เอง
  • นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านที่ปรึกษาไปเยี่ยม
  • อ่านความเห็นที่ 5 แล้ว
  • ถ้าไม่มีเวลาเลยแค่ยิ้มไปบ้าง
  • ก็คงผ่อนหนักให้เป็นเบาได้นะคะ

 

ดีครับผมเป็นสมาชิกใหม่ Maxi~Natadeeมารายงานตัวครับ

สวัสดีค่ะคุณpaula ที่ปรึกษา~natadee

วันนี้เด็ก ๆ ของพี่คิมรออ่านบันทึกของน้องพอลล่าค่ะ

และขอให้พี่คิมนำบันทึกนี้มาส่งข่าวให้ค่ะ

http://gotoknow.org/blog/krukim/213331

ขอบคุณนะคะ ..คุณ paula

ที่เข้าไปอ่านบันทึก..และคอมเม้นท์ให้ด้วย!

มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ

ความเมตตาคือหัวใจบริการ

มีดวงมาลย์สูงค่ากว่าสิ่งไหน

คนเจ็บปวดต้องการกำลังใจ

เพียงยิ้มให้พูดด้วยโปรดช่วยกัน

..ใช่ค่ะ..เห็นด้วย..กับคุณเก็จถะหวา

เพียงแค่ ขอมือเธอหน่อย กับรอยยิ้มน้อยๆ แค่นี้ก็พอใจ

จับมือผู้ป่วยซักนิด ยิ้ม(ฝืนยิ้มก็ได้)ให้สักหน่อย

เชื่อว่าผู้ป่วยก็ยิ้มให้คุณเช่นกัน

มาเยี่ยมนะคะ

รักและคิดถึงเสมอค่ะ

อยู่จังหวัดพิษณุโลกค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่ไปเยี่ยมบ้านเรา ชื่อตุ๊กค่ะ น่ารักจังเลยนะ อย่าทำงานหนักนะค่ะ

สวัสดีค่ะ ...P  sunlady_niec

พอลล่าจะแวะไปอีกนะคะ ... อยู่นนทบุรีค่ะ กระทรวงสาธารณสุขค่ะ ลองเข้าไปที่บล็อกเรื่องเล่าของพอลล่านะคะ .... ขอบคุณค่ะ

  • วันนี้เวบ api103.com ที่ดูแลอยู่มันเดี้ยง
  • เลยว่างละ
  • มาทักทายมิตรสหาย
  • ยังคิดถึงอยู่นะครับ
    • สวัสดีค่ะ
    • แวะมาทักทาย ห่างหายไปไม่นาน
    • สบายดีไหมเอ่ย
    • หัวข้อน่าสนใจเชียว เยี่ยม เยี่ยม

    ตามมาเยี่ยมและให้กำลังใจด้วยคนค่ะ

    มาเมนท์ทักทายคนน่ารักค่ะ

    สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะ พี่พอลล่า(สุดสวย)

    กว่าจะหาบล็อกพี่พอลล่าเจอ

    ชอบเนื้อหามากๆเลยค่ะ

    สวัสดีค่ะ น้องพอลล่า

    ขอบคุณนะที่แวะมาให้กำลังใจ สำหรับผู้ที่แอบอ่านเรื่องเล่าของน้อง เหมือนได้รู้จักเลยนะเนียะ ขอบคุณนะ

    สวัสดีครับ แค่ชื่อก็กินขาดแล้วครับ รู้สึกซาบซึ้งมาก ...ผมมีเหตุการณ์ที่ประทับใจการดูแล ช่วยของพยาบาล และอยู่ในความทรงจำตลอดมา ... ตอนนั้นประมาณปี พศ. 2536 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 2 กำลังจะขึ้นปี 3 ที่ มอ.ปัตตานี ช่วงปิดภาคฤดูร้อน ประมาณ มีนาคม - เมษายน ผมไปออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท ที่อำเภอสุคีริน จังหวัดนราธิวาส เพื่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราวที่ โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดนสุคีริน ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักส่วนตัวผม ทุกปี ต้องไปค่ายอาสา ไม่รู้ทำไม ต้องไป แต่ก็ไปทุกครั้งไป เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นประมาณ วันศุกร์ ช่วงสาย ๆ ขณะที่ชาวค่ายฯ ได้ดำเนินการวางผังพื้นที่เรียบร้อยเพื่อเตรียมการก่อสร้าง ก็มีสาวน้อยบอบบางคนหนึ่ง เธอเป็นเลขานุการค่ายอาสาฯ เกิดปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรง ผมอยู่แถว ๆ นั้นพอดี จึงได้รับมอบหมายให้อุ้มเธอไปนอนพัก ในห้องเรียนซึ่งอยู่บนเนินสูงขึ้นไป ประมาณ 50 เมตร  เราสร้างโรงเรียนบริเวณชั้นล่าง เธอนอนปวดท้องอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวัน เธอบอกว่า อาจจะเป็นช่วงเวลาของผู้หญิงประจำเดือน ...เพราะหากเป็นช่วงนั้น เธอมักจะปวดท้องมาก เป็นปกติ จึงไม่มีใครสนใจมากนัก ยกเว้นเพื่อนสนิท ชาวค่ายด้วยกัน ที่ผลัดกันมาดูเธอเป็นระยะ ๆ จึงถึงประมาณ ช่วงบ่าย มีคณะตำรวจ จากในเมือง มาเยี่ยมค่าย หัวหน้าชุดก็เดินเยี่ยม น้อง ๆ นักศึกษา ตามจุดต่าง ๆ และเมื่อท่านทราบว่ามีนักศึกษาคนหนึ่ง นอนปวดท้องอยู่ ก็เมตตา ให้รถกระบะของตำรวจ ไปส่งที่โรงพยาบาลสุคีริน ผมก็ไปกับ เธอด้วยเพราะ เราเป็นเพื่อน เรียนวิชาเอกเดียวกัน ... ระหว่างการเดินทาง  เนื่องจากรถตำรวจเป็นรถกระบะตอนเดียว เธอก็นั่วไปข้างหน้าพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีกหนึ่งคน ผมและเพื่อนผู้ชายอีกคนก็นั่วไปข้างหลัง และเมื่อรถเลี้ยงผ่านชายเขา แห่งหนึ่งตำรวจที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนข้างหลังสองคน ก็ยกปืนขึ้นทำท่าเตรียมพร้อม และบอกพวกเราเบา ๆ ว่า หมอบ ๆ หน่อย เพราะแถวนี้ตำรวจมักจะโดนซุ่มโจมตีเป็นประจำ ผมนี้เราก็ใจหายแว๊บเลย ...เลย พอผ่านจุดนั้นไปได้ ก็โล่งอกไปทั้งคัน เราไปถึงโรงพยาบาลสุคิริน ประมาณ 3 โมงเย็นได้ พยาบาลบอกว่า คุณหมอไปงานแต่งงานที่ จังหวัดปัตตานี  แล้วเราจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องนอนรอคุณหมอ อีกหนึ่งคืน ที่ รพ.สุคีริน  คนป่วยจึงต้องนอนร้องให้ ปวดท้องทั้งคืน รอหมอ ... พยาบาลก็จัดให้เพีบงยาพาราเซตตามอล เท่านั้น เวลาล่วงไปช่วงบ่ายของวันเสาร์ หมอก็ยังไม่มา .... คนป่วยก็นอนร้องให้ บอกว่า ปวดท้อง ๆ อยู่ตลอดเวลา พยาบาลก็เดินมาปรึกษาว่า จะให้พี่ทำเรื่องส่งตัวไปโรงพยาบาลสุไหงโกลกไหม เพราะไม่แน่ใจว่าหมอจะมาตอนไหน พวกเรา...ที่เฝ้าเธออยู่จึงตัดสินใจของให้พยาบาลส่งตัวเธอไป ที่รพ.สุไหงโกลก.. เราไปถึงที่รพ.ประมาณ เกือบหกโมงเย็น...หมอเฉพาะทางกลับหมดแล้ว มีแต่หมอเวรตรวจอาการขั้นต้น และให้นอนฟัง 1 คืน เพื่อดูอาการ แต่พอตอนดึกมีหมอศัลย์เข้ามาดู และใหพยาบาลฉีดยาเพื่อสีบางอย่างเพื่อตรวจดูภายในช่องท้อง และเอ็กซเรย์บอกว่าอาจจะเป็นไส้ติ่ง...แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เราก็เดินตามไปดูที่บอร์ดพยาบาลเห็นพยาบาลกำลังบันทึกหมอสั่งผ่าตัดตอนเช้า 10โมง... บ่าย 2 โมง เธอออกจากห้องผ่าตัด คุณหมอพูดว่า ...เธอเข้มแข็งมาก... ไส้ติ่งแตกประมาณ 3 วัน แล้ว...

    ผมเข้าใจเอาเองว่า ปาฎิหารย์ที่ช่วยให้เธอรอดปลอดภัย คือ การที่เธอเป็นคนที่จิตใจดี อ่อนโยน ชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำให้เธอเป็นที่รักของเพื่อน ๆ และคนที่รู้จัก หลังผ่าตัดเธอต้องอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลเกือบ 2 อาทิตย์ เพราะต้องหมอต้องดูดหนองออกจากช่องท้องทุกวัน และต้องฉีดยาประมาณ 120 เข็ม เรียกว่า เจอเข็มเมื่อไร เธอเป็นจะร้องให้ออกมาทุกที เพราะนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ผมขอขอบคุณพยาบาลที่โรงพยาบาลสุคีรินอีกครั้ง ที่การตัดสินใจถูกต้อง และทันเวลา สามารถ ช่วยเหลือชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ....และเธอคนนั้นคือ ภรรยาที่รักของผมในปัจจุบัน....

    ยังจำกันได้กา พี่พอลล่า อิอิ

    สวัสดีครับคืนนี้มีโอกาสแวะทักทายเดี่ยวมาอ่านครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท