ชีวิตบนถนนน้ำ


การทวงสิทธิของธรรมชาติ ทำให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
หลังจากที่เตรียมตัวกับการอยู่บ้านในสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา จนถึงวาระสำคัญจริง ๆ คือวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ช่วงเวลาที่น้ำเพิ่งเอ่อเข้ามาบนถนนสุขาภิบาล ๕  ผู้เขียนก็ตัดสินใจออกจากบ้านย่านคลองสามวาที่อยู่ติดใกล้ชิดกับคลองพระยาสุเรนทร์ การตัดสินใจครั้งนี้รวดเร็วมาก เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งที่การตัดสินใจเตรียมตัวที่จะอยู่บ้านผจญกับน้ำท่วมใช้เวลากว่าสองสัปดาห์

 

 

การตัดสินใจออกจากบ้านชั่วคราวหรือที่ภาษาทางการนิยมใช้กันคือคำว่า "อพยพ" ฟังดูแล้วให้ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ราวกับว่าเป็นสภาวะจำใจของครอบครัวที่ต้องจากถิ่นฐานที่เคยอยู่อาศัยมาช้านาน และการจากไปสู่ถิ่นฐานใหม่ก็ดูเหมือนจะใช้เวลายาวนาน  แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว พลิกวิกฤติเป็นโอกาสขึ้นมาทันที

 

 

หากสอบถามผู้ประสบภัยหลายท่าน ย่อมได้คำตอบเดียวกันว่าไม่มีใครอยากทิ้งบ้านมาอย่างแน่นอน  แต่น้ำท่วมเมืองกรุง ไม่เหมือนน้ำท่วมต่างจังหวัด ผู้เขียนขอยืนยันเพราะได้เดินทางผ่านประสบการณ์ในช่วงเวลาเกือบเดือนมานี้ด้วยตัวเอง  กล่าวคือผู้เขียนได้ออกจากบ้านไปสิบกว่าวันเพื่อไปเก็บข้อมูลงานวิจัยที่เขื่อนราษีไศล และเห็นภาวะน้ำท่วมที่นั่นด้วยสายตาของตนเอง ทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างภาพที่เห็น มันไม่ใช่น้ำหลากตามฤดูกาล แต่คือน้ำท่วมเพราะเขื่อน สถานการณ์ไม่ต่างจากชีวิตคนกรุงที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

 

 

ผู้เขียนขอเริ่มต้นเล่าเรื่องนับตั้งแต่วันที่จากไปจากเมืองกรุง ก่อนหน้าเดินทางหนึ่งวันคือวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ผู้เขียนกลับบ้านในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ตระเวนตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ เห็นน้ำไหลแรงและปริ่มอยู่ริมคลอง ประกอบกับน้ำไหลเอ่อออกมาบริเวณถนนสุขาภิบาล ๕ แล้ว  ผู้เขียนยังคงเชื่อว่าหมู่บ้านของผู้เขียนซึ่งอยู่สูงกว่าคลองพระยาสุเรนทร์ ๒ เมตร จะปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันก็คิดว่าหากติดเกาะ โดยที่เดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้ ก็ขอออกไปทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นสิ่งที่จะต้องทำอยู่แล้วจะดีกว่า นั่นคือ "การลงพื้นที่วิจัย"

 

 

ผู้เขียนจัดเตรียมหนังสือ อุปกรณ์การเก็บข้อมูล กล้อง เครื่องเทป คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ โคมไฟ กระดาษ กระเป๋าเสื้อผ้า เสื่อ หมอน ช้อน ชาม มีด ฯลฯ  ข้าวของที่จำเป็นใส่ในรถ และปรากฎว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้ใช้หมด ตอนแรกคิดว่าเรา "เว่อร์" จริง ๆ  คงเพราะฟังรายการหนึ่งตอนดึก ๆ ของไทยพีบีเอส จำชื่อรายการไม่ได้  ฟังไปเก็บของไป แต่ได้ความว่าผู้ดำเนินรายการแนะนำว่าให้เตรียมของอพยพไป สรุปว่าให้ถือเสมือนว่ารถเป็นบ้านหลังที่สอง อย่าได้คิดว่าไปเที่ยว อพยพกับไปเที่ยวไม่เหมือนกัน การอพยพนั้น เราอาจจะไม่สามารถกำหนดได้ว่า "ค่ำนี้จะไปนอนไหน"  และ "ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา"  ขอให้ไปให้พ้นจากพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ที่เราเคยอยู่...เราอยู่ไม่ได้ชั่วคราว  จะยากดีมีจน อารมณ์นี้คงไม่ต่างกัน "ไม่อยากไป แต่ก็ต้องไป"

 

 

ผู้เขียนจะขอข้ามเหตุการณ์ที่ไปใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัดโดยจะขอเก็บไว้เล่าในบันทึกต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการลงพื้นที่วิจัยของผู้เขียน มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำท่วมอยู่บ้าง แต่ออกจะให้ความรู้สึกที่น่าประทับใจในวิถึชีวิตของชุมชน ซึ่งคนละอารมณ์กับวิถีชีวิตชาวกรุง อันเป็นความจริงที่ผู้เขียนได้กลับมาเผชิญอีกครั้งในวันนี้

 

 

ผู้เขียนไปอยู่ที่สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ เดินทางไปที่ศรีษะเกษวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ ไป ๆ มา ๆ ระหว่างจังหวัดสุรินทร์ ศรีษะเกษ อุบลราชธานี อยู่สิบกว่าวัน เป็นช่วงเวลาที่เข้าถึงพื้นที่และพื้นที่ได้เข้าถึงจิตใจผู้เขียนอย่างแท้จริง และในที่สุดผู้เขียนก็ต้องกลับมาทำงานในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และเข้าไปสำรวจบ้านของตนเอง หลังทิ้งถิ่นฐานไปสิบกว่าวันในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

ผู้เขียนนำรถมาจอดริมทางด่วน เห็นป้ายรถเล็กห้ามผ่าน ใจระทึกทีเดียว จะได้เห็นภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะเห็นมาก่อนในชีวิต

 

บริเวณใกล้ทางด่วน เป็นหน่วยให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสถานีตำรวจคันนายาว

การเดินทางจะมีทั้งรถทหาร รถตำรวจ รถของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนอำนวยความสะดวก อาสารับ-ส่งผู้คนที่เดินทางไปมาบนถนนสุขาภิบาล ๕ อย่างคึกคัก

 

 

Mc Donald's ติดป้ายว่า "เปิด ปกติ" สร้างความรู้สึกประหลาดใจและประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็น คุณกล้าเปิด เราก็กล้าลุยไปทาน

 

 

 

ตำรวจ ทหาร บริการประชาชนอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย มองไปทางไหน ก็เห็นแต่รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะประกาศเชิญชวนให้ผู้ประสบภัยที่เดินทางสัญจรไปมาขึ้นรถอาสา

 

เด็ก ๆ สนุกสนานกับการพายเรือ เล่นน้ำ ทำให้ชีวิตบนถนนน้ำมีสีสันสดใส

 

 

ช่วงเวลาเย็น เป็นเวลาจ่ายตลาดและเดินทางลุยน้ำกลับบ้าน

 

ชีวิตที่สัญจรไปมาบนถนนน้ำ (คลำ) สร้างความสำราญให้ผู้ประสบภัยด้วยกันเอง

 

 

 

ใกล้ถึงบ้านผู้เขียนเข้าไปทุกที รอยยิ้มที่มีอยู่ตลอดการเดินทางเข้าบ้านกว่าชั่วโมง (เดิมใช้รถยนต์ส่วนบุคคลใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที) เริ่มจางลงทีละนิด ด้วยอาการลุ้นระทึกว่าน้ำท่วมถึงบ้านแค่ไหนแล้ว

นับว่าผู้เขียนเป็นผู้ประสบภัยที่โชคดีคนหนึ่ง น้ำท่วมถึงแค่ที่จอดรถ

หลังจากเข้าไปสำรวจบ้านตนเองว่าเข้าไปอยู่ได้ไหม ได้คำตอบว่าเข้าไปอยู่ได้ แม้ว่าจะเดินทางไม่สะดวกเท่าไรนัก ก็ตัดสินใจกลับเข้าไปอยู่เป็นปกติ วันไหนมีงานเข้าก็เดินทางออกไปทำงานโดยอาศัยรถหกล้อของโครงการหมู่บ้านจัดสรร มีเวลาเข้าออกแน่นอน

 

ท้องฟ้าแจ่มใสเสมอ หากภายในเรามีพลังศรัทธาในความสวยงามแห่งชีวิตและธรรมชาติรอบตัว  ที่ที่เรายืนเหยียบ เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ การทวงสิทธิของธรรมชาติ ทำให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต

 

 

 จากวันนี้ ถึงวันหนึ่ง กว่าจะรู้ซึ้งถึงความหมาย อาจจะต้องประสบทุกข์เจียนตาย
                            ชีวิตคงไม่สาย หากภายในเข้าถึงธรรม

 

 

ณ วันนี้มีบางเขตที่น้ำแห้งและมีการ Big Clean แล้ว แต่ก็มีบางเขตที่ยังมีน้ำท่วมขังเหมือนถูกลืมอยู่ ผู้เขียนเข้าใจจิตใจของผู้ประสบภัยที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะแห้ง และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้ำที่สูงไม่ลงสู่ที่ต่ำและไม่มีการระบายออกไปบ้าง สิ่งนี้ฝืนธรรมชาติ ฝืนความรู้สึกของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก และก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าขอเป็นกำลังใจให้แก่กัน เพราะขณะนี้น้ำที่ท่วมอยู่บนเส้นทางจราจรรอบบริเวณที่พักอาศัยของผู้เขียนก็ยังไม่ลดลงเช่นกัน เพียงแต่ความเป็นอยู่ไม่ลำบากลำบนอะไร อย่างมากก็แค่ไม่ไปไหน อยู่กับบ้าน หากหลายท่านมีทางเลือก ก็ขอให้เลือกทางที่ปลอดภัย สบายใจ และไม่เบียดเบียนตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอดทนต่อความลำบากจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไป

 

คำสำคัญ (Tags): #น้ำท่วม
หมายเลขบันทึก: 468817เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2011 17:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

ขอให้น้ำลดกลับคืนสู่สภาวะปกติไวๆ นะคะ ลำบากแค่ไหน หากใจมีธรรม ก็จะทำให้เรามีกำลังใจ ไม่ทุกข์มาก

"พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส" จริง ๆ ครับ ;)...

ฟ้าลิขิตให้ต้องลงพื้นที่วิจัย ธรรมชาติจึงจัดสรร

บ้านพ่อกับแม่ผมที่โน้น ก็รอดอุทกภัยครั้งนี้ครับ (ไม่น่าเชื่อ)

อาจารย์นพลักษณ์ ๙ ดูแลสุขภาพครับ ;)...

  • ขอบคุณคุณNopparat Pongsuk Ico48 มากค่ะที่แวะมาเป็นกำลังใจให้ค่ะ น้ำขึ้น อีกไม่นานก็คงจะลง เราได้บทเรียนมากมายจากภาวะนี้และไม่อยากให้คนไทยลืมอะไรง่าย ๆ ค่ะ หวังว่าจากนี้ไปจะทำให้เราได้เรียนรู้กับการปรับตัวเข้าหาธรรมชาติค่ะ
  • ขอให้มีความสุขมาก ๆ ค่ะ
  • สวัสดีค่ะท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๑๐ Ico48 ไม่ได้พบกันไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ดูเหมือนหายไปยาวนาน การใช้ชีวิตที่ไม่คุ้นเคยต่างจังหวัด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน ทำให้รู้สึกว่าแต่ละวันผ่านไปช้ามากค่ะ และมักจะมีคำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ตอบก็คือ "ค่ำนี้จะนอนที่ไหน"
  • แม้ว่าจะมีเงินจ่ายค่าโรงแรมที่พัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรากำลังท่องเที่ยว เป็นความรู้สึกว่าเรากำลังหนีอะไรมาเพื่อหาเรื่องทำสิ่งที่มีประโยชน์แทนที่จะอยู่เฉย ๆ กับบ้าน
  • ดีใจและคิดว่าตัดสินใจได้ดีที่สุดแล้วยามนั้นที่ไปลงพื้นที่ มีเรื่องราวสนุกสนานมากมายค่ะ เป็นความเปิ่น ๆ ของคนกรุง ที่ใช้ชีวิตลูกทุ่ง แบบไม่ได้ท่องเที่ยว แต่ไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้าน
  • ขอบคุณสำหรับความห่วงใยในสุขภาพนะคะ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ หากเราป่วยยามนี้ การเดินทางไปหาหมอ หายาลำบากมาก และก็ดีใจที่ประคองร่างกายไม่ให้เจ็บป่วยในช่วงนี้ค่ะ
  • บุญรักษาท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๑๐ ค่ะ

ยินดีต้อนรับกลับมาบ้านที่ 1 บ้านที่ 2 นะคะอาจารย์

ใจมั่นคง ก้าวเดินทางไหนก็ใช้ชีวิตได้เหมาะควร...ในทางที่มีโอกาสเลือก

สบายใจในฤดูน้ำนองเต็มถนนคลอง

สาธุอนุโมทนาบุญที่ทำมานะคะ

มาให้กำลังใจสู้ภัยน้ำท่วมด้วยคนค่ะ

ให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะค่ะ

ต้องดูแลตัวเองดีๆและรักษาสุขภาพนะค่ะ

ลูกสาวที่เรียนอยู่ที่นครปฐมกลับบ้านมาก่อนน้ำท่วมไม่กี่วันเองค่ะ

และตอนนี้อยู่ที่บ้านภาคใต้

จะกลับปลายเดือนนี้ค่ะ

 

ขอส่งกำลังใจให้นะคะ ถ้าน้ำไม่ท่วม คนไทยคงไม่รู้จักเพื่อนบ้าน

งานนี้ทำให้คนไทยมองหน้า มองตาคนข้างบ้านมากขึ้นนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ขอให้นับเป็นประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดจะพบเห็น

และหวังว่าจะมีให้เห็นไม่บ่อย....

เก่งจังค่ะ  ที่ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี

 

 

ถือว่าโชคดีเถิดนะ ได้ร่วมฝ่าฟัน..น้ำท่วมไทยแลนด์

ท้องฟ้าแจ่มใสเสมอ หากภายในเรามีพลังศรัทธาในความสวยงามแห่งชีวิตและธรรมชาติรอบตัว  ที่ที่เรายืนเหยียบ เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ การทวงสิทธิของธรรมชาติ ทำให้เราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
จากวันนี้ ถึงวันหนึ่ง กว่าจะรู้ซึ้งถึงความหมาย อาจจะต้องประสบทุกข์เจียนตาย
ชีวิตคงไม่สาย หากภายในเข้าถึงธรรม

มาเป็นกำลังใจครับ

 

สวัสดีค่ะ

มาเป็นกำลังใจ

ดีใจที่ทราบข่าวคราวตามบันทึก ยิ่งยินดีอย่างยิ่งที่ทราบที่ปลอดภัยทุกประการ

เดินทางไปทำงานอย่างปลอดภัยและรักษาสุขภาพนะค่ะ

  • ขอบคุณคุณหมอธิรัมภา Ico48 ที่กรุณารับขวัญกลับบ้านหลังที่สอง (g2k) ค่ะ
  • การเดินทางของชีวิตช่างมีค่าเหนือกาลเวลาจริง ๆ ค่ะ เราได้เก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ ไว้ในความทรงจำ และหยิบฉวยมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ที่ผิดพลาดไปได้เป็นอย่างดี
  • บุญรักษาคุณหมอเช่นกันนะคะ

สวัสดีครับ

  • ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
  • "ถึงลำบากกาย.. แต่ไม่ลำบากใจนะครับ"

สวัสดีค่ะ

พี่ดาอ่านไปก็ช่วยลุ้นไปด้วย ว่าบ้านน้องจะปลอดภัยไหม

แล้วตอนนี้อยู่ไหนค่ะเดินทางตลอดเลย  คิดถึงเสมอนะคะ

 

  • ดีใจกับคุณ Bonnie Ico48 ด้วยนะคะที่ลูกสาวปลอดภัยซึ่งมาจากการตัดสินใจล่วงหน้าที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ
  • จากนี้ไปอะไรที่เลวร้าย เราก็คงจะรับมือกันได้หมดนะคะ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริง ๆ
  • ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย และเข้าใจธรรมชาติเป็นสิ่งที่คนมองข้ามและต้องหันกลับมาใส่ใจให้มากกันแล้วล่ะค่ะ
  • ขอบคุณที่แวะมาเป็นกำลังใจนะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณsila นะครับ

..

บนความทุกข์ ก็ยังคงมีร่องรอยของความสุขเจือปนเสมอ

ขอบคุณมากนะครับ

  • ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาให้กำลังใจยามน้ำท่วมค่ะ
  • แวะเข้ามาในบันทึกเก่า ๆ นี้อีกครั้ง เพราะช่วงนี้ฝนเริ่มตกหนักแล้ว 
  • กลับมารำลึกบทเรียนที่จะเป็นภูมิคุ้มกันสิ่งที่อาจจะกลับมาทดสอบเราอีกครั้งค่ะ 
  • รู้สึกซาบซึ้งใจในความปรารถนาดีของกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท