เมื่อวานเย็นได้รับโทรศัพท์จากน้องที่รู้จักถามว่าจะช่วยพาอาจารย์ฝรั่งไปกินข้าวไหม ความจริงก็ไม่เคยรู้จักอาจารย์ แต่ก็ตอบรับไปเมื่อทราบแต่ว่ามาจากสถาบันที่มีเพื่อนอยู่ที่นั่น อย่างน้อยก็เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่สามารถทำให้ได้กับคนมาจากต่างบ้านต่างเมือง
ด้วยความฉุกละหุกเลยต้องพาไปร้านอาหาร ก็พยายามเลือกร้านที่คิดว่าสะอาดและใช้ได้เรื่องรสชาติ ร่วมคิดกับน้องที่ถามก็ไปลงเอยที่ภัตตาคารของการบินใกล้สนามบิน
เมื่อไปถึงพบว่ามีที่นั่งทั้งใกล้น้ำกับในห้องแอร์ แต่ก็ต้องเลือกเดินเข้าห้องแอร์เพราะว่าบริเวณริมน้ำเป็นบริเวณที่คนสูบบุหรี่ได้
ปรากฎว่าคิดไม่ผิดเรื่องความสะอาด และอาหารที่รสไม่จัดเกินไปพอที่อาจารย์จะกินได้ แต่กลับเจอสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน คือ เสียง ที่พบว่าทางร้านเอาใจลูกค้าด้วยการมีทั้งการเปิดเพลงบรรเลง เปิดโทรทัศน์ให้ดูหนังจากเคเบิ้ล ซึ่งพอบวกกับเสียงหัวเราะของลูกค้าโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ กับเสียงคุยกันของพนักงาน ทำให้เกิดเสียงอื้ออึงภายในห้องอาหาร มองไปรอบๆ ก็สรุปเองว่าคนอื่นคงชิน เพราะเห็นก็ดื่มกินกันเป็นปกติ
ตามปกติอาจารย์ฝรั่งที่รู้จักมักจะคุยเรื่องความช่วยเหลือหรืองานแบบไม่เป็นทางการไปพร้อม ๆ กับการกิน นอกเหนือจากเรื่องอื่นๆ สัพเพเหระ เมื่อคืนนี้ก็เหมือนกัน แต่การคุยต้องพูดกันเสียงดังขึ้น จนเสียงแห้งต้องสั่งน้ำดื่มเพิ่ม และทำให้ไม่อยากรับประทานอาหาร
เลยบอกตัวเองว่า คราวหน้าถ้าจะพาอาจารย์ฝรั่งไปกินข้าวที่ร้านอาหาร นอกจากต้องคิดทั้งเรื่องรสชาติ ราคา ความสะอาดแล้ว ต้องพิจารณาเรื่องเสียงดังของร้านด้วย...เล็กๆน้อยๆ แต่สำคัญกับความสุขระหว่างการกิน
อาจารย์จันทรัตน์
ร้านอาหาร สวนผัก ที่ใกล้แอร์พอร์ท ก็น่าสนใจมากเลยครับ อาหารสุขภาพ อร่อย บรรยากาศดี ...และสวนที่จัดสวยมาก เงียบดีครับ
อาจารย์คงเคยไปมาแล้ว
ตอนเป็นนักศึกษาผมเคยใช้ ร้านนี้เป็น case stady ในการทำรายงานเพื่อส่งอาจารย์ ประเด็น "อาหารสุขภาพ"
น่าสนใจมากครับ
สวัสดีคะ...แวะมาคะ...
จะได้จดจำเป็นข้อมูล...
ยามที่ได้แวะเวียนไป...
เคยไปหลายร้าน...แต่จำชื่อร้านไม่ได้...เลย
จึงไม่ได้นำมาแลกเปลี่ยน...หากเพียงแต่มาเก็บเกี่ยวอย่างเดียวคะ...
กะปุ๋ม
ขอบคุณค่ะ คุณจตุพร และ Dr .Ka-Poom
เรื่องการกินข้าวนอกบ้านนี่ เข้าไปดูจาก Thai health profile 2001-2004 ของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า พฤติกรรมการกินของคนไทย ซื้ออาหารปรุงสำเร็จเพิ่มขึ้นมากไม่ว่าจะในรูปแบบซื้อจากร้าน ซื้อจากข้างทาง และที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือ การรับรองมาตรฐานยังไม่ครอบคลุม และไม่ได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง
ตรงนี้ทำให้สะท้อนบางอย่าง ว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมสุขภาวะในรูปแบบไหน
พอจะต้องกินข้าวนอกบ้าน เลยกลับมาคิดว่า แล้วร้านที่เราไป เราก็คงต้องเลือกสิ่งที่จะเป็นผลกับสุขภาพแบบองค์รวมมากกว่า การหาร้านที่อร่อยเพียงอย่างเดียว
อีกอย่างนะคะ คุณจตุพร ไปร้านนั้นแล้วนึกถึงคุณจตุพร เพราะไปเห็นวิวัฒนาการเครื่องแบบพนักงานหญิง ที่เปลี่ยนไปเป็นเสื้อกล้ามยืดแนบเนื้อกับกระโปรง...จากชุดที่เคยสุภาพ...
ขอบคุณค่ะ คุณสุชานาถ
อ่านแล้ว...น่ากลัวอนาคตสำหรับคนชอบผงชูรสค่ะ
บางทีผงชูรสก็มาในรูปของ ซุปก้อน ซุปผง ด้วยนะคะ
ที่อาจจะน่ากลัวกว่าหรือพอๆกัน...(ก็ไม่ทราบ..คงต้องศึกษาเพิ่มเติม) คือการใช้ผงต่างๆ เช่นผงเนื้อนิ่ม(สำหรับหมักเนื้อ)
คนเรานี่ทำร้ายตัวเองด้วยการรับประทานอย่างจงใจและไม่จงใจแต่เลี่ยงไม่ได้เยอะขึ้น แล้วก็มักกลัวสารพิษในตัวว่าจะสะสม ทีนี้ก็หาวิธีกำจัดพิษรูปแบบต่างๆที่ไม่ใช่ทิศทางของธรรมชาติ เลยทำให้เป็นช่องโหว่ให้ธุรกิจสุขภาพก้าวเข้ามามีอิทธิพลกับการตัดสินของคนมากขึ้นด้วยค่ะ เช่นการสวนล้างทุกๆวัน บางรายก็สองครั้งต่อวัน โดยไม่รู้ว่าจะทำให้หูรูดทวารเลิกทำงานเข้าสักวัน...
คุณสุชานาถเคยดูโฆษณาผงชูรสไหมคะ
ดิฉันดูแล้ว คิดว่าบริษัทโฆษณาเบี่ยงประเด็นจากความอร่อยของรสชาติอาหารไปสู่ความเป็นครอบครัวอบอุ่นและการจูงใจผูกใจรักใคร่ของคนในครอบครัว....หรืออีกแง่หนึ่งคือผลักดันให้คนกลายเป็นนักบริโภคนิยมด้วยการเสพความรักผ่านการกินไปด้วย
คุยยาวกับเรื่องราวที่มองเห็นค่ะ...เปิดประเด็นสนทนาต่อค่ะ