อ.คิดว่า ความพยายามของพวกเรานั้นเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าเราไม่สรุปงานของเราอย่างตรงไปตรงมา เราก็จะไม่ทราบว่า เราทำอะไรสำเร็จหรือไม่สำเร็จบ้าง ?
เรื่องที่เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาบางคนไม่ประสงค์ให้เราพูดถึงปัญหาบางเรื่องนี้ ก็เป็นวิสัยของข้าราชการอยู่แล้ว ถ้าเขายอมรับในปัญหาที่เรามีอยู่ เราก็จะไม่มีปัญหา แต่ปัญหาของเราก็ยังคงอยู่ เพราะเขาไม่อยากพูดถึงปัญหาของเรา เขาอยากพูดถึงปัญหาของเขา
สำหรับ อ.แหวว นั้น อ.ชัดเจนในสิ่งที่ทำ จึงมีความมั่นใจในสิ่งที่จะทำในแต่ละก้าว และประสบผลสำเร็จอย่างไม่รู้จบ
หากเราไม่ทราบว่า เราทำอะไร ? ทำอะไรก็ไม่เตรียมตัว ? ทำงานแต่ละครั้ง ก็เพียงในวินาทีสุดครั้ง แล้วประสิทธิภาพของงานจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
เหมือนเราพบว่า โอ่งน้ำรั่ว ถ้าเราไม่ทราบว่า รั่วตรงไหน ? เราจะซ่อมอย่างไร ?
ถ้า อ.แหววจะดุ อ.ชล หรือ อ.เตือน หรือ อ.ด๋าว ก็เพราะต้องการให้พวกเขาเป็น "อาจารย์ที่ดี" โดยเฉพาะ อ.ชล และ อ.ด๋าว นั้น จะต้องพัฒนาตัวเป็น "ทนายความ" ที่ดี สำหรับ อ.เตือนนั้น ก็คงจะเป็น "นักนโยบาย" ที่ดี
สำหรับเด็กๆ ไร้รัฐหรือไร้สัญชาตินั้น การเรียนรู้ในปัญหาของเราสำคัญ เปรียบประดุจว่า เราจะต้องบอกคนอื่นได้ว่า เราเป็นโรคอะไร ? ถ้าเราปวดท้อง เราคงจะต้องบอกเขาว่า เราปวดท้อง เขาก็จะให้ยาแก้ปวดท้องแก่เรา ซึ่งเราก็จะหายจากอาการปวดท้อง ถ้าเรากินยาถูกต้อง
คิดดู ถ้าปวดท้อง เราไปบอกเขาว่า เราปวดหัว เขาให้ยาแก้ปวดหัวมา เรากินเข้าไป แล้วมันจะหายได้อย่างไร
วันนี้ อ.ได้คุยกับท่านจาตุรนแล้วถึงโอกาสที่จะแก้ปัญหาของเหล่าคนในสถาบันการศึกษาไทย โดยยุทธศาสตร์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ ซึ่งเรารู้จักดี
สิ่งที่ อ.แหววขอย้ำ ก็คือ
ในประการแรก สิ่งที่ อ.เตือนจะต้องทำ ก็คือ มีบันทึกที่ชัดเจนว่า นักศึกษาใน "ห้องเรียน" ของเรากี่คนที่ยังไร้รัฐไร้สัญชาติ และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาติดขัดอยู่ในขั้นตอนใด ?
ในประการที่สอง สิ่งที่ อ.ชล และ อ.ด๋าว ต้องชัดเจน ก็คือ จะต้องจัดการอย่างไร กับปัญหาที่เด็กในห้องเรียนของเราเผชิญ
หลายเดือนแล้ว คุณจาตุรนเคยเสนอให้ อ.แหววเสนอตั้ง "คณะกรรมการเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาของนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึก
แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าในเรื่องนี้ แต่อย่างใด
วันนี้ อ.แหววได้มีโอกาสเรียนถามท่านทั้งก่อนออกอากาศ และก่อนขึ้นรถจากไปว่า จะมีคณะกรรมการในลักษณะที่ท่านเคยว่ามาได้ไหม ? ท่านตอบว่า อยากทำตั้งนานแล้ว และแนะนำให้ อ.แหววเริ่มต้นคุยกับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ท่านจรวยพร ซึ่งมาในวันนี้ด้วย
สรุปว่า วันนี้ หรือเมื่อวันก่อนในห้องเรียนของเรา อ.แหววก็ได้บอกพวกเราทุกคนว่า ถ้าเราไม่ชัดเจนว่า ปัญหาของเราติดขัดอยู่ที่ตรงไหนบ้าง ? เราก็จะแก้ไขไม่ได้ ? คณะกรรมการที่จะขอให้ตั้งขึ้นก็จะไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ทราบว่า เราปวดหัวหรือปวดท้อง ?
เราคงยังพบอุปสรรคอีกมากค่ะ คงต้องมีสติ คงต้องมีกำลังใจ คงจะต้องมีบทเรียน