"แม่....วันนี้นะ วงเล้าโลม(ชื่อวงดนตรีที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ค่ะ พี่เม่ยก็เพิ่งรู้จักวันนี้แหล่ะค่ะ) มาแสดงที่โรงเรียนนะ.... โหย..หนุกมากกกก!"
"ยิ้มนะ กรึ๊ดจนเหนื่อยเลย ขี่คอเพื่อนขึ้นไปกรี๊ด..ด..ด. ด้วย"
"เรารวมกลุ่มเต้นกันด้วยนะ.....โอ๊ย หนุก หนุก...."
"เนี่ย! พอคอนเสิร์ตจบนะ ยังอารมณ์สนุกค้างอยู่เลย....ไม่อยากให้เลิกเลย...อยากดูอีกจัง...วันหลังถ้ามีอีกจะดูอีกดีกว่า..."
คุณพ่อบ้านเอ่ยขึ้นว่า..."น่าสนุกเนาะ เนี่ย...ลูกรู้ไหม คนที่เค้าเที่ยวเทค เที่ยวกลางคืน เค้าสนุกกันมาก จึงมีอารมณ์สนุกค้าง พอถึงเวลาก็ต้องไปเที่ยวทุกวันไง ทำแบบนี้นานๆครั้งได้ แต่ทำบ่อยๆระวังจะสนุกกันเพลินจนไม่อยากเรียนหนังสือนะ "
"เงียบไว้ก่อน คุณพ่อบ้านสอนไว้" พี่เม่ยจึงได้เรียนรู้จากคุณพ่อบ้านอีกแล้วค่ะ ...ว่า....
งานนี้ยกคุณความดีให้คุณพ่อบ้านครับ...เป็นครอบครัวที่น่ารักจริงๆครับ
อยากให้พ่อแม่...ได้อ่านบันทึกแบบนี้(เห็นภาพไปด้วย) เรื่องเล่าจากประสบการณ์เล็กๆ สนุกๆแต่ แฝงด้วยหลักการที่นำไปใช้ จริงได้ในชีวิตประจำวัน
มองได้ ๒ มุมครับ เรื่องนี้
เป็นเรื่องของ เหตุผล และ ความเข้าใจ
ขอบคุณครับผม
ถ้าเป็นคุณเมตตา คงจะบอกว่า "ไม่ต้องเล่าแม่ไม่อยากฟัง" น่าเกลียดจริงๆ ขี่คอเพื่อนขึ้นไปกรี๊ด ทำได้ไง เรามักตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เราไม่ทำ ดีนะคะที่พี่เม่ยเขียนเรื่องเล่า ของน้องยิ้ม กว่าลูกปลาจะสาว ดิฉันคงได้บทเรียน สอนน้องปลาอีกพะเรอ..ขอบคุณค่ะ
แน่นอนมากเลยคะ...
เชื่อในความคิด...ความดี...
ในสมองน้อย.น้อย...หากแต่ยิ่งใหญ่ในบางครั้ง...
เรามีวิธีอีกมากมาย...
ที่เราสามารถใช้...กระทำกับเขา...
บางครั้งเด็กตัวน้อยๆ...อาจเป็นครู...
ให้เราได้เรียนรู้...การปฏิสัมพันธ์กับเขาได้อย่างดียิ่งนะคะ
น่ารักกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ มีคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าใจลูกอย่างงี้ น้องยิ้มโตขึ้นต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด รู้จักคิดแน่นอนเลยค่ะ ตัวเองบางครั้งเวลาเจออะไรเครียดๆ ไม่กล้าเล่าให้คุณแม่ฟัง กลัวแกจะเครียดไปกับเราด้วย ดีไม่ดีคุณแม่จะเครียดกว่า ทำให้เราเครียดเข้าไปใหญ่ จะเล่าแต่เรื่องสนุกๆ เลยรู้สึกว่าบางครั้งเหมือนเราห่างๆ กัน แต่พอมาอยู่ไกลเหมือนได้คุยกันมากขึ้น เรียกได้ว่าคุยกันเยอะกว่าตอนอยู่บ้านซะอีก
เชื่อว่าเด็กทุกคนจะดีได้ด้วยการสั่งสอนจากความรักของคนในครอบครัวค่ะ เด็กไทยมักถูกปิดกั้นจากกรอบของความคิดที่ผู้ใหญ่บอกว่าดี แต่เด็กก็ยังเป็นเด็กจะยังไม่เชื่อค่ะ (ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ) ต้องให้เค้าได้คิดเอง แล้วเค้าถึงจะเชื่อ และคิดเป็น
อ่านบันทึกพี่เม่ยทีไร ได้ข้อคิดในการดูแลลูกทุกครั้งเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สำหรับประสบการณ์ดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันกัน หลาย ๆ ครั้งตัวเองคิดว่า สิ่งที่ตัวเองได้จากการอ่านบันทึกลักษณะนี้ มันทำให้เรารู้สึกว่า ผู้เขียนมีความตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ ออกมาจากใจ เป็นการถ่ายทอดที่ไม่เสแสร้ง อ่านทีไรเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ (จริง ๆ อยากใช้คำว่า เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว) ถ้าพี่เม่ยสังเกตนะคะ จะเห็นว่า ดิฉันไม่กล้าที่จะ comment บันทึกของพี่เม่ยเลย ทั้ง ๆ ที่จะเป็นบันทึกแรก ๆ ที่ตัวเองเลือกอ่าน เพราะอ่านแล้วได้ความรู้สึกอิ่มทุกครั้ง (ว้า วันนี้อารมณ์ไหนเนี่ย)
อ้อ ดิฉัน ได้ลองไปเปิด web เพื่อหาชื่อวงเล้าโลม จนเจอแล้วคะ กลัวเชยอะ
รู้ป่ะหล่ะ แฟนจ๋ายเล้าโลมอยู่ ม.ว.นู่มายน่ะไม่สวยเลย