บ้าน (13) : หอมกลิ่นโคลนสาปควาย..(กลิ่นอายในชีวิตและตัวตนของผม)


มันเป็นเหงื่อที่ซึมไหลออกมาอย่างก้นบึ้งของชีวิต

วันนี้ตื่นนอนเช้าเป็นพิเศษ เพราะมีภารกิจสำคัญต้องพานิสิตและบุคลากรไปทอดเทียนพรรษาที่วัดชัยจุมพล บ้านขามเรียง ต.ขามเรียง จ.มหาสารคาม 

ไม่สิ,จะเรียกว่าพานิสิตและบุคลากรไปทอดเทียนก็คงไม่ถูกนัก เพราะอันที่จริง พวกเขาเองต่างหากที่เป็นคนพาผมไปทอดเทียนพรรษา 

แต่กว่าภารกิจแห่งใจจะแล้วเสร็จลง  เวลาทั้งปวงก็ล่วงเข้าเกือบๆ จะบ่ายโมงตรง ผมจึงสบโอกาสพาตัวเองปั่นจักรยานกลับมาเอนกายพักในชายคาอันเป็นห้องหับชีวิต  ถัดจากนั้นก็ยันกายลุกเพื่อทำหน้าที่พาสองหนุ่มน้อยไปฝาก “เรียนพิเศษที่บ้านนอก” ที่มีคุณปู่และคุณย่าเป็นครูสอนพิเศษ 

ครับ,เป็นปกติโดยแท้เมื่อเทศกาลเข้าพรรษามาเยือนคราใด  ผมแทบไม่มีโอกาสได้กลับไปสัมผัสอุ่นไอและกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมเช่นนี้ ณ บ้านเกิดของตัวเอง  เพราะภารกิจแห่งการงานได้ตรึงยึดผมไว้อย่างแน่นหนา.. 

ครั้งนี้น้องดินและน้องแดน ยังยืนยันในเจตนารมณ์ของการกลับไปพักชีวิตและเรียนรู้ชีวิตที่ชายทุ่ง โดยมีเปรยบอกอย่างนุ่มเนียนในทำนองว่า “บางทีคุณปู่อาจพาไปเวียนเทียนและจุดดอกไม้ไฟเหมือนปีที่แล้วด้วยก็เป็นได้” 

 

 

ผมออกเดินทางจากมหาสารคามในราวๆ บ่ายสามต้นๆ และจอดรถคู่ชีพบนแผ่นดินเกิดในราวๆ เกือบจะห้าโมงเย็น -

ทันทีที่ขนสัมภาระต่างๆ ขึ้นสู่รวงรังอันสมถะเสร็จสิ้น ผมและลูกๆ เดินลัดเลาะดูชมต้นไม้ที่ปลูกไว้อย่างตื่นเต้น บางต้นหยัดยืนกายคล้ายกำลังบอกว่า “ไม่ต้องห่วง...ผมกำลังโต”  แต่จำนวนไม่น้อยเลยที่ดูจะออกอาการ ผมไม่ไหว...ร้อนแล้งเหลือทน” ส่วนอีกกลุ่มก็ชัดเจนแล้วว่า “ตายสิ้น”  (ไม่หลงเหลือลมหายใจของการยืนต้นแตกกิ่งใบอีกต่อไป) 

ปีนี้, ฝนฟ้าดูเย็นชาเป็นที่สุด ต้นไม้ที่ปลูก หรือแม้แต่ผืนแผ่นดินแห่งท้องทุ่งดูเหมือนเป็นคนรักที่ถูกทอดทิ้งจากแผ่นฟ้าอยู่ไม่น้อย 

ครับ, มันคือปรากฏการณ์แห่งการเรียนรู้ระหว่างความเป็นมนุษย์โลกกับธรรมชาติ  เช่นเดียวกัน ก็เรียกได้ว่าคือผลพวงแห่งชะตากรรมที่เราต่างล้วนมีส่วนต่อการเสกสร้างไว้ทั้งสิ้น

 

ก่อนพระอาทิตย์หย่อนตัวลงจากปลายแผ่นฟ้าอันแสนไกล  ผมและลูกๆ ช่วยกันออกแรงรดน้ำต้นไม้กันอย่างแข็งขัน  บางขณะก็หยอกเล่นกับเจ้าสุนัขแสนซื่อตัวเดียวที่เหลืออยู่ รวมไปถึงการเล่นหัวเล่นหางกับวัวสองถึงสามตัว (ที่เริ่มคุ้นชินกับตัวตนของผมแล้ว...)และนั่นยังรวมไปถึงการเดินทอดเท้าไปดูหนองน้ำที่เริ่มแห้งขอด

ทั้งหลายทั้งปวงนั้น พลอยให้เสื้อที่ผมใส่มาชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งไต่ปีนขึ้นมาจากหนองน้ำ
       ครับ, มันเป็นเหงื่อที่ซึมไหลออกมาอย่างก้นบึ้งของชีวิต ซึ่งผมรู้สึกได้อย่างไม่กังขาว่า “นานมากเลยทีเดียวกับการไม่เคยได้รู้สึกว่าความเปียกชื้นและกลิ่นเหงื่อที่ว่านั้นยังเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในตัวตนของผม” ... 

เฉกเช่นกับกลิ่นโคลนสาปควาย (วัว) ที่ติดแน่นอยู่ในฝ่ามือก็เข้มข้นไม่ต่างกัน เพราะไม่จำเป็นต้องยกมือขึ้นสูดดม,ไม่จำเป็นต้องมีลมพวยพัดอย่างแรงลุก กลิ่นที่ว่านั้นก็โชยแรงราวกับถูกแต้มไว้ที่ปลายจมูกของผมเอง 

ครับ, มันอาจไม่ใช่กลิ่นที่หอมชวนแช่มชื่นของใครๆ เท่าใดนัก  แต่สำหรับผมแล้ว  มันเป็นกลิ่นที่มีความสด,มีชีวิต และมีเสน่ห์อย่างมหาศาล และที่สำคัญเลยก็คือ มันเป็นกลิ่นอายแห่งความอบอุ่น,มีพลัง และสามารถเตือนความจำผมได้เป็นอย่างดีว่า ”ผมเป็นใคร,มาจากที่ไหน, กำลังเดินทางไปที่ใด, และมีความสุขในระดับใดกับความเป็นปัจจุบันของชีวิต...”

 

 

 .........................................................

หมายเหตุ

ผมมีความสุขมากกับการพาตัวเองที่เต็มไปด้วยกลิ่นโคลนสาปควายเดินดุ่มๆ เข้าไปในร้านจำหน่ายสินค้า ณ ปั้มน้ำมันหรูแห่งหนึ่งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ...
(คล้ายกับเป็นการประกาศศักดาว่า กลิ่นนี้...เป็นกลิ่นอายแห่งชีวิตที่ปราศจากการปรุงแต่งโดยแท้)

๒๔ กรกฎาคม ๕๓

 

หมายเลขบันทึก: 378498เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2010 23:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (33)

มันเป็นกลิ่นอายแห่งความอบอุ่น,มีพลัง และสามารถเตือนความจำผมได้เป็นอย่างดีว่า ”ผมเป็นใคร,มาจากที่ไหน, กำลังเดินทางไปที่ใด, และมีความสุขในระดับใดกับความเป็นปัจจุบันของชีวิต...”

 

อ่านแล้วชอบจังค่ะ

ความสุข ถ่ายทอดได้ ซื้อหาไม่ได้

 

กลิ่นความสุข ที่ไม่ต้องอาศัยลมพวยพัดอย่างแรงลุก...

เห็นภาพแล้วได้บรรยากาศดีค่ะ กลิ่นโคลนสาบควาย

เมื่อตอนเด็ก ๆ ดิฉันก็เคยสัมผัสชีวิตแบบนี้

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดินมาร่วมรับเอากลิ่นโคลนสาบควายด้วยค่ะเพราะมันกำลังจะหายไปกับเครื่องทุนแรงสมัยใหม่นะคะ คุ้นเคยมากค่ะที่เล่ามานี่ ตัวเองก็อยากจะมีเวลาไปย้อนรอยแบบนี้อีกครั้งค่ะ เราจะไม่ค่อยเห็นเด็กๆสมัยนี้ไปท้องทุ่งลุยนา และเที่ยวเล่นเอาบรรยากาศกลิ่นโคลนนะคะ แต่เค้าชอบไปเดินห้าง กลิ่นกายหอม ที่เค้าว่าหอม แต่เรา ฉุนกึก อิอิ..

กลิ่นวัวค่ะ ตอนเด็กชอบแอบกอดลูกวัว

ตัวมันจะมีกลิ่นเฉพาะของมัน  ชอบ

แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เวลาจะออกนอกเส้นทางก็ไม่มี

ดีจังค่ะ ที่อาจารย์มีโอกาสพาลูกๆ ไปสัมผัสกลิ่นโคลน สาบควาย

สวัสดีครับ พี่ภูสุภา

เหมือนที่เคยเขียนไว้ในบันทึกครับ  หากมีคนถามว่าความสุขคืออะไร  คำตอบแรกที่ผมไม่ลังเลที่จะตอบก็คือ..."การไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง" ...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่nana งาน พสว.ศอ.8

สมัยยังเป็นเด็ก  ครอบครัวผมดูเหมือนไม่คุ้นชินกับการเลี้ยงควายเลยก็ว่าได้  มีควายเพียงไม่กี่ตัว  มีไว้ใช้แรงงานเท่านั้น  ส่วนวัวค่อนข้างมีมากกว่า 5 -10 ตัว   ทุกวันนี้เลยเลี้ยงวัวกันมาโดยตลอด...

เพื่อนๆ สมัยเรียนมัธยมก็ยังแซวผมเสมอว่า...เด็กเลี้ยงวัว...
ฟังดูก็ไม่โกรธนะครับ...เพราะมันรู้สึกชัดเจนในตัวตนของเรา

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อ.rinda

เราย้อนกลับไปยังอดีตไม่ได้  ทำดีที่สุดก็คือเรียนรู้วันนี้ และอยู่กับวันนี้อย่างมีตัวตนเท่านั้นเอง  แต่บ่อยครั้งเหลือเกินครับที่ผมเลือกที่จะหวนคิดคำนึงถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องราวชีวิตและท้องทุ่งในวัยเด็ก  เพราะมันช่วยให้ตัวเอง มีชีวิตชีวา มีพลังชีวิตที่จะดำเนินและขับเคี่ยวกับสิ่งรายรอบตัวของปัจจุบัน...

วันนี้ในทางกายภาพและชีวภาพ แทบเรียกได้ว่าท้องทุ่งเปลี่ยนไปจากอดีตเกือบสิ้นเชิงแล้ว...
แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปก็คือ...ตัวตนของเราเอง ซึ่งหมายถึงยังรักและผูกพันกับท้องทุ่งเสมอมา

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ  ครู ป.1

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมผมนะครับ
ตอนนี้ ขอตัวไปทอดเทียนพรรษาร่วมกับนิสิตและบุคลากรก่อนนะครับ...

เดี๋ยวเอาบุญมาฝาก..

 

บ้านป้าแดง ก็แล้งเหลือเกิน

สวัสดีค่ะ

  • อ่านบันทึกอาจารย์แล้วคิดถึงบ้านจริง ๆ ค่ะ
  • ลูกชาวนา มีกลิ่นโคลนสาบความติดตัวอยู่เหมือนกันค่ะ
  • และก็ไม่คิดจะล้างออกด้วยค่ะ
  • ภูมิใจและคิดว่าคงเก็บกลิ่นโคลนสาบควายนี้ไว้กับตัวตลอดไป
  • รวมทั้งถ่ายทอดให้กับน้องต้นน้ำ ต้นกล้า เหมือน ๆ กับที่อาจารย์ได้ปลูกฝังให้กับน้องดิน น้องแดน
  • ขอบพระคุณบันทึกที่ทำให้ระลึกถึงชีวิตวัยเยาว์  ระลึกถึงกลิ่นโคลนสาบควาย

สวัสดีค่ะ

    อ่านจบทุกตัวอักษร ก็ทราบได้อย่างดีค่ะว่าผู้เขียนอยู่ในสถานที่ที่เล่าให้ทราบนี้มีความสุขมากแค่ไหน  ดีใจด้วยนะคะที่มีเวลาพักผ่อนอย่างอิ่มใจ พาน้องดิน น้องแดน มาอยู่กับความสุขธรรมชาติที่แท้จริง กับผู้ที่รัก อยู่รอบกาย อย่าลืมนำภาพการไปทำบุญกับคุณปู่คุณย่ามาฝากด้วยนะคะ

                         

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

...เป็นบันทึกที่ได้กลิ่นอายของท้องทุ่ง และเป็นความสุขทางใจที่ไม่ได้ซื้อหา

...ว่าแล้วเย็นนี้ก็จะไป บ้านตา ยายทวด สองผู้เฒ่า ที่นั่งรอลูกหลาน จะไปรวมตัวกันในวันเข้าพรรษาเพื่อเอาสิ่งของต่างๆนานา ไปไว้ให้ท่านนำไปวัด

...มีความสุขกับการทำบุญค่ะ....

สวัสดีครับ ป้าแดง pa_daeng

ปีนี้ท่าจะแล้งน่าดู
ที่บ้านใช้วิธีปลูกข้าวแบบหยอดหลุมเลยนะครับ ปีนี้ทั้งปีคงไม่มีโอกาสได้ปักดำกันแล้ว
สู้อุตส่าห์ตั้งใจจะกลับไปดำนาอย่างจริงจังสักหน่อย  พลอยต้องรอไปอีกปี

นี่กระมังครับ-โลกร้อน..
และนับวันยิ่งจะร้อนขึ้นทุกขณะ

...

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ

 

สวัสดีครับ  พี่อิงจันทร์ ณ. เรือนปั้นหยา

ผมเป็นคนลูกทุ่งทั้งหัวใจเลยก็ว่าได้
ชอบนิยายของไม้เมืองเดิม..
หลงรักตำนานรักแห่งทุ่งแสนแสบของเจ้าขวัญกับเจ้าเรียม..

ในความเป็นอีสาน
ก็หลงรักบักคูนในนวนิยายเรื่องลูกอีสาน ของลุงคำพูน บุญทวี
หลงรักเจ้าคำอ้าย จากนวนิยายเรื่องคำอ้ายของยงค์ ยโสธร...
หลงรักเพลงอีสานบ้านเฮาของครูเพลงเทพพร เพชรอุบล..

และอื่นๆ อีกมากมาย...
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือกลิ่นแห่งรากเหง้าของแผ่นดินเกิดล้วนๆ

ขอบคุณครับ



สวัสดีค่ะ...

คนที่จะเป็นคนเต็มคน...ย่อมไม่ลืมรากเหง้า...ฐานเดิมของตนเองค่ะ...ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ ...ที่อ่านแล้ว...เตือนสติไม่ให้ตนเองลืมบ้านเกิดของตนเองค่ะ...ปีนี้ฝนแล้งไปทุกที่เลยนะค่ะ...ที่พิษณุโลก ฝนเริ่มตกมาได้ 2-3 วันแล้วค่ะ...เบาร้อนไปนิดหนึ่ง...

สวัสดีค่ะ

  • อ่านบันทึกนี้แล้วสุขใจเสมอ...ขอขอบคุณนะคะที่มีบันทึกดีๆให้อ่าน
  • ตัวพี่เองก็ลูกหลานชาวนา...กลิ่นเหงื่อของพ่อยังอยู่ในความคิดคำนึงเสมอมา
  • จากบ้านมานานวันอาจารย์มาถ่ายทอดความรู้สึกทำให้ใจหายทุกครั้ง
  • ได้แต่ให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าคงอีกไม่นานเราคงได้กลับไปรับใช้คนบ้านเราบ้าง
  • โดยเฉพาะพ่อที่รอคอยอยู่ข้างหลัง....ดูแล้วชาวนาภาคไหนๆก็เหมือนกันนะคะ

สวัสดีครับ

ได้บรรยากาศมากเลยครับ อ่านแล้วคิดถึงบ้าน แต่ก็คงยังต้องไปเข้าร่วมขบวนประเพณีแห่เทียนพรรษาพรุ่งนี้ครับ

สวัสดีค่ะอ.แผ่นดิน

*** ทอดเทียนพรรษา ....คำนี้เพิ่งเคยได้ยิน

*** ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ความหมายของชีวิตจริงมากขึ้น ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • แวะมาติดตามการตอบคอมเม้นท์ของอาจารย์ค่ะ
  • เจอเม้นท์ตอบของอาจารย์แล้วอดไม่ได้ที่จะเสวนาด้วย

ผมเป็นคนลูกทุ่งทั้งหัวใจเลยก็ว่าได้
ชอบนิยายของไม้เมืองเดิม..
หลงรักตำนานรักแห่งทุ่งแสนแสบของเจ้าขวัญกับเจ้าเรียม..ในความเป็นอีสานก็หลงรักบักคูนในนวนิยายเรื่องลูกอีสาน ของลุงคำพูน บุญทวี
หลงรักเจ้าคำอ้าย จากนวนิยายเรื่องคำอ้ายของยงค์ ยโสธร...
หลงรักเพลงอีสานบ้านเฮาของครูเพลงเทพพร เพชรอุบล..และอื่นๆ อีกมากมาย...ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือกลิ่นแห่งรากเหง้าของแผ่นดินเกิดล้วนๆ

  • ทั้งหลายทั้งปวงที่อาจารย์กล่าวมา ทำให้ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่า....
  • ทำไมงานเขียนของอาจารย์ถึงได้น่าอ่าน อ่านแล้วเพลิดเพลิน มีกลวิธีในการสอดแทรกแนวคิดแง่งามไว้ให้ได้คิดเสมอ
  • และงานเขียนที่อาจารย์กล่าวถึง ก็เป็นงานเขียนที่อิงจันทร์ได้สัมผัสมาแล้วอย่างละเอียดบ้าง ไม่ละเอียดบ้าง โดยเฉพาะลูกอีสาน ของคำพูน บุญทวี
  • เพลงอีสานที่ครูอิงชอบ ชอบฟังเพลงของบานเย็น รากแก่น อังคนางค์ คูณไชย ค่ะ ได้กลิ่นไอของอีสานดีแท้ ๆ โดยเฉพาะเพลงนี้ค่ะ  
  • อีสานบ้าเฮา-อังคนางค์ - บานเย็น
  • ขอบพระคุณค่ะ ครูอิงมีความสุขมากค่ะที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องบ้านนอกคอกนา  และเรื่องเพลง
  • มีความรู้สึกว่าบล็อกเพลงที่ทำอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระจนเกินไปค่ะ
  • สวัสดีค่ะพี่แผ่นดิน
  • วันหยุดยาวววว อย่างนี้สบายดีใช่ไหมละคะ
  • สงสัยจะไปเที่ยวเพลิน น่าอิจฉาจังเลย
  • เห็นภาพแล้วก็คิดถึงตอนเด็ก ๆ เนอะคะ ยังจำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ กลางนาหน้าบ้านมีปลาหมอว่ายเต็มท้องนาไปหมด ผักบุ้ง ผักกระเฉด ไม่ต้องซื้อหา  ดอกแคขึ้นเต็มหน้าบ้าน  อาหารเช้าเย็นของทุกวันไม่ต้องออกไปตลาด เดินดุ่ม ๆ ไปกลางนาเดี๊ยวเดียวก็ได้กับข้าว...ต่างกับเดี๊ยวนี้นะคะต้องพึ่งตลาดตลอด
  • เฮ้อ บ่นๆ  ๆๆ ๆ  อีกระ   ฝากความคิดถึงพี่สาวด้วยนะคะ...

สวัสดีค่ะ...

   * อิจฉาเล็กๆ นะคะที่ได้สัมผัสกับชีวิต...ที่เป็นชีวิตจริงๆ...

   * ตัวเองเกิดที่กรุงเทพฯ...โตที่กรุงเทพฯ...จึงไม่เคยสัมผัสค่ะ...

   * ภูมิใจด้วยจังค่ะ...กับการประกาศศักดาว่า กลิ่นนี้...เป็นกลิ่นอายแห่งชีวิตที่ปราศจากการปรุงแต่งโดยแท้...

                            

สวัสดีครับ พี่ดากานดา น้ำมันมะพร้าว

ตอนนี้น้องดิน,น้องแดน ใช้ชีวิตวันหยุดอยู่กับคุณปู่และคุณย่า  ส่วนผมใช้ชีวิตอยู่ที่มหาสารคาม  เพราะมีราชการให้ปฏิบัติ  พรุ่งนี้ถือจะขับรถไปรับกลับมายังมหาสารคาม  ผมคงไม่มีภาพกิจกรรมงานบุญที่บ้านเกิดให้ดู  แต่ตอนนี้ก็กำลังเขียนบันทึกที่ผมและนิสิต รวมถึงเจ้าหน้าที่ได้ไปจัดขึ้นที่วัดรายรอบมหาวิทยาลัยฯ

ครับ,เป็นความสุขในการใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง
เป็นการพักผ่อนผ่านการงานของชีวิตในอีกรุปแบบหนึ่งที่ชีวิตผมสัมผัสและคุ้นชินมานานและนานมากแล้ว

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่ปิ่นธิดา

จริงเหมือนที่บอกครับ  บางทีการงานได้พรากผู้คนในครัวเรือนห่างไกลไปจากกัน  ก็ได้เทศกาลสำคัญๆ นั่นแหละที่ชัดโยงให้แต่ละคนสัญจรกลับมาเยือนมาพบพานและร่วมกิจกรรมแห่งเครือญาติร่วมกัน  เป็นการเติมเต็มชีวิต ก่อนพาตัวเองออกไปสู้เผชิญกับความฝันของแต่ละคน...

ความห่างไกล ทำให้เราเห็นตัวตนและสายใยที่มีต่อบ้านอย่างแจ่มชัด
และการกลับบ้านแต่ละครั้ง ถึงแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวแห่งเวลาก็เถอะ, บ้านก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้มองเห็น "ตัวตน" ของเราอย่างชัดเจน...

อบอุ่นเสมอในยามคิดถึงบ้าน...

ขอบคุณครับ

หวัดดีค่ะ คนบ้านเดียวกัน ดีใจที่ได้รู้จักและขอบคุณสำหรับภาพถ่ายสวยๆ ขอร่วมเป็นกองเชียร์ค่ะ

...ขอบคุณ คุณ แผ่นดิน ภาพและเรื่องราวโดนใจมากครับ

...ทำให้หลายๆคนได้กลิ่นเก่าๆกลับมาอีกครั้ง

...ทำให้หลายๆคนคิดถึงบ้านที่แสนไกลและไกลออกไปตามปัจจุบันชีวิตที่ดำเนินอยู่

...ยังจำกลิ่นนั้นได้เสมอครับ

ฝากเพลงให้อาจารย์ฟังก่อนนอนค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาอ่านบันทึกใหม่ของอาจารย์ค่ะ เห็นไฟล์ขึ้นแล้ว แสดงว่าเตรียมพร้อม

  • คิดฮอดอ้ายแหน่เด้อ - เทพพร เพชรอุบล
  • สวัสดีค่ะ

    • อ่านบันทึกแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชนบทแบบนี้
    • แม้ว่าเราจะอยู่กันคนละภาค...   แต่ชีวิตในชนบทจะคล้ายคลึงกัน
    • บ้านพี่ภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงภูเขา   ไม่ค่อยมีควายให้เห็นมีแต่วัว  
    • พี่เลี้ยงมาเมื่อตอนเด็กๆ สนุกสนานมาก วันเสาร์-อาทิตย์  พาวัวไปกินหญ้าที่ทุ่งนา  ตกเย็นก็แล้วพาไปอาบน้ำในคลอง
    • หาปลา  หาหอย และผักริมคลองมาประกอบอาหาร  ไม่ต้องซื้อเหมือนสมัยนี้
    • เป็นบรรยากาศที่ลูกๆพี่ไม่ได้เจอ  พี่เป็นลูกชาวสวนจนๆ  ที่ต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด    แต่เขาเป็นลูกครูที่ไม่มีเวลา   ไม่มีจิตสำนึกในการปลูกฝังวิถีชีวิตแบบนี้ให้เขา  สนับสนุนแต่ให้เรียนในเมือง  เคยชินกับสังคมเมือง 
    • ไม่แน่ใจว่าสายเกินไปหรือไม่ท่จะดึงเขากลับบ้านเกิด
    • ขอบคุณสำหรับความคิดดีดีที่นำมาแบ่งปัน

    สวัสดีครับ อ.บุษยมาศ

    ยังไงๆ ปีนี้ก็เชื่อว่าฝนน่าจะแล้ง  ชาวนาแถวบ้านหลายคนทำนาโดยการหยอดหลุมกันแทบทั้งสิ้น เพราะไม่มีน้ำให้สูบมาทำกล้า และไม่กล้าพอที่จะรอฝนหฃังพรรษา...

    ชาวนา ยังมีชะตากรรมากมาย ทุกวันมีทั้งทำนาไว้กินเองและทำนาเพื่อขาย  ผมว่าที่โชคดีก็คือกลุ่มที่ได้ทำนาในผืนนาตัวเอง แต่คนโชคร้ายคือการเช่าที่นาคนอื่น แถมเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่มาก ไหนยังต้องเผชิญกับนก หนูแมลงกัดกินจนเสียหาย สุดท้ายก็ขายข้าวไม่พอใช้หนี้...

    นั่นคือความจริงที่เจ็บปวด..

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีครับ พี่Preeda

    ผมชอบหวนคิดถึงภาพชีวิตในวัยเด็กเสมอ ยิ่งภาพชีวิตตอนที่โลดเล่นอยู่ในท้องทุ่ง ยิ่งเป็นภาพชีวิตตที่ผมหลงรัก และผูกพัน...
    ผมเองก็กลับบ้านน้อยมาก เพราะในวิถีการงานไม่เคยมีวันเสาร์อาทิตย์ให้หยุด มีกิจกรรมให้ดูแลและลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
    หากแต่ระยะหลัง  ผมเริ่มตัดสินใจพาตัวเองกลับบ้านบ่อยครั้งขึ้น  กลับไปรดน้ำต้นไม้ กลับไปดูกระท่อมหลังเล็กๆ ไปดูคุณพ่อกับคุณแม่ในแบบฉบับชาวนาพันธุ์แท้ที่ลงแรงสร้างความฝันรอผม...

    สิ่งเหล่านี้คือความสุข คือนิยามการใช้ชีวิตที่ผมโหยหา และชัดเจนขึ้นเรื่อย..

    ผมเป็นกำลังใจให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รักและปรารถนาให้มากที่สุด นะครับ

    สวัสดีครับ คุณพลาย

    ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...
    เข้าพรรษาทีไร  คิดถึงค่ำคืนการเวียนเทียนในวัดเป็นที่สุด
    ฟ้ากระจ่างนวลงาม...ลมพัดสดชื่น
    แถมยังได้เวียนเทียนใกล้ๆ กับสาวๆ..

    แต่ทุกวันนี้การเวียนเทียนดูเหมือนสาวๆ หายไปหมดแล้วครับ หนุ่มๆ ก็ไม่ใคร่สนใจเข้าวัดเวียนเทียน...

    แต่ยังดีที่ลมหายใจแห่งประเพณีและวัฒนธรรมยังคงดำเนินไป  จึงได้แต่เป็นแรงใจว่า ขอให้ความงดงามทางวัฒนธรรมคงอยู่สืบไปอย่างไม่รู้จบ

    ขอบคุณครับ

    อ่านบันทึกอาจารย์ทีไร มีความสุขกับการอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและเห็นคุณค่าของบ้านเกิด

    คนส่วนใหญ่เมื่อมีหน้าที่การงานพร้อม ก็จะฝังตัวอยู่ในเมือง ทิ้งบ้านเกิด

    อาจารยพนัส คนนี้ยังกล่อมเกลาลูกๆ ให้รักพื้นเพตนเอง ศรัทธาครับท่าน

    สวัสดีค่ะอาจารย์

    อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วมีความสุขค่ะ ในชนบท อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อากาศดี มีความอบอุ่นค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีครับ อ.กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

    จริงๆ คำว่า "ทอดเทียนพรรษา" ก็เสมือนเป็นภาษาพูด,ภาษาปากที่คนอีสานเรียกประเพณีที่ว่าด้วยการ "ถวายเทียนพรรษา"  ซึ่งในบันทึกนี้  ผมใช้คำพื้นถิ่นมาเขียนเพื่อย้ำให้เห็นวิถีชุมชนด้วยวาทกรรมของชุมชนไปในตัว...

    ขอบคุณครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท