ครั้งหนึ่ง
ผู้เขียนได้มีโอกาสชมภาพยนตร์ขนาดสั้น
ความยาวเพียงสิบนาที เรื่อง ด.เด็ก ช.ช้าง
เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลเรื่องสั้นยอดเยี่ยม
ในเทศกาลเรื่องสั้นครั้งที่หก
สะท้อนเรื่องราวชีวิตของครูและนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง
เปิดฉากที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง
กล้องจับภาพไปที่บริเวณก๊อกน้ำ
น้ำกำลังไหลหยดดังติ๋ง ๆ
ตรงส่วนที่ชำรุดขาดการดูแล พัดลมติดเพดานเก่า
ๆ รุ่นโบราณ
กำลังส่ายเสียงดังออดแอดบ่งบอกอายุการใช้งาน
ที่ห้องเรียนนักเรียนชั้น ป.๑
คุณครูผู้หญิงสูงวัย
หน้าตาเคร่งเครียดแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในชีวิต
หน้าตาเฉยชา ปราศจากรอยยิ้ม
มีข้อความบนกระดานให้นักเรียนวาดรูปสัตว์อะไรก็ได้เป็นเวลา
๑ ชั่วโมง เด็ก ๆ
ต่างขะมักเขม้นวาดรูปอย่างตั้งใจ จนหมดเวลา
คุณครูดูนาฬิกาแล้วให้นักเรียนนำงานมาส่ง
คุณครูค่อย ๆ
ตรวจผลงานนักเรียนทีละคน ๆ เด็กวาดรูปกุ้งบ้าง
ไก่บ้าง ลิงบ้าง ภาพไหนไม่สวยก็ให้ ๖ คะแนน
ดีหน่อยก็ ๘ - ๙ คะแนน
ตรวจไปตรวจมา ไปพบสมุดเล่มหนึ่ง วาดรูปช้างได้สวยมาก
ครูหยุดพิจารณาพลิกกลับไปดูชื่อที่ปกสมุดวาดเขียน
เปิดผลงานเก่า ๆ ดู ทำท่าลังเล มองแล้วมองอีก
ให้ ๑๐ คะแนน แล้วก็ยังลังเลอีก
เปิดดูชื่อ
ดูผลงานเก่า....เสร็จแล้วก็ตัดสินใจนำยางลบมาลบคะแนนออก
ลบจนกระดาษแทบขาด....
"ธำรงกุล มานี่ซิ รูปช้างนี่เธอวาดเองหรือเปล่า"
"ผมวาดเองครับ"
เด็กชายพูดด้วยความมั่นใจ
"เธอให้ใครวาดหรือเปล่า
เธอให้พี่เธอวาดหรือเปล่า..เธออย่าโกหกครูนะ"
"ผมวาดเองจริง ๆ ครับ
ผมไม่มีพี่" เด็กชายยืนยัน
"เป็นไปไม่ได้หรอก
ตั้งแต่ครูเป็นครูมาสิบกว่าปี ยังไม่เคยมีใคร
วาดรูปช้างได้สวยขนาดนี้
แล้วครูก็ไม่เคยให้คะแนนใครเต็ม
เธอบอกความจริงมาดีกว่า"
"ผมวาดเองจริง ๆ ครับ" เด็กชายพยายามชี้แจง
คุณครูถือสมุดวาดเขียนของธำรงกุล
แล้วเดินไปถามเด็กที่โต๊ะเรียนทีละคน ๆ
จนหมดห้องประมาณสามสิบกว่าคน "สมชาย เธอเชื่อไหม
ว่าธำรงกุลวาด ... มาลีเธอเชื่อไหมว่า
ธำรงกุลวาด......" ไม่มีเด็กคนไหนที่ตอบว่า เชื่อ
แม้แต่คนเดียว
ขณะที่ครูเดินถามเด็ก กล้องจับภาพไปที่โต๊ะเรียนของ ธำรงกุล ซึ่งมีภาพช้างที่เขาวาดทิ้งไว้แล้วไม่เอา มีร่องรอยการใช้ยางลบดินสอที่ลบภาพเป็นเศษยางลบอยู่บนโต๊ะ
"ธำรงกุล เธอไปวาดรูปช้างใหม่นะ ครูให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมง"
เด็กชายเดินคอตกไปรับสมุดคืน แล้วเดินไปที่โต๊ะ ขณะที่คุณครูเดินไปดูเขาวาดภาพพร้อม ๆ กับที่เด็กนักเรียนทุกคน ต่างเดินมารุมดู"ธำรงกุล" ผู้น่าสงสารกันหมดทั้งห้อง..
หนังค่อย ๆ ปิดฉากพร้อมกับเสียงท่องสูตรคูณของเด็ก ๆ
ยังคงแว่วดัง..
แล้วค่อย ๆ ... ลบเลือนไปเรื่อย ๆ สองหนึ่งสอง
สองสองสี่ สองสามหก
สองสี่แปด....เหมือนหนึ่งต้องการสะท้อนอะไรบางอย่างให้คนชมค่อย คิดตาม...
.............................................
ภาพยนตร์จบแล้ว หากแต่ผู้เขียนยังรู้สึกซึมซับอารมณ์ของเด็กชายธำรงกุลเป็นอย่างดี.. บ่อยครั้งที่เด็กส่งงานผลงานดีเกินคาด...แต่ก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจเด็ก โชคดีที่ตนเองไม่เคยทำอย่างคุณครูในเรื่อง.... เพราะการกระทำดังกล่าวย่อมสร้างตราบาปและบาดแผลทางใจฝังลึกในตัวเด็ก ศักยภาพและพลังสร้างสรรค์จะหยุดชะงักทันที...เพราะความรู้สึกเกลียดชังมาแทนที่... โปรดอย่าทำลายเด็กแม้จะไม่เจตนาก็ตามที
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่http://www.kudson.com/clm.phpaction=detail&contentid=10§ion=35&columnid=685&cid=
ขอบคุณภาพ จากอินเทอร์เน็ต
เด็กๆต้องการโอกาสและกำลังใจจากคนรอบข้างนะคะ..ขอบคุณค่ะที่นำมาแบ่งปัน..
น่าสงสารธำรงกุลนะคะ
สมัยดิฉันเป็นเด็กก็เคยเจอสภาพแบบนี้ค่ะ คือทำการบ้านคณิตศาสตร์ซึ่งมีหลายข้อ แต่ละวันจะต้องมีผิดบ้างถูกบ้าง แต่มาวันหนึ่งทำการบ้านถูกหมดทุกข้อ ในขณะเด็กเก่งประจำห้องเขาทำถูกไม่หมดทุกข้อ ครูจึงถามว่าเธอลอกใครรึปล่าว เมื่อปฏิเสธ ครูไม่เชื่อจึงให้ไปทำโจทย์ข้อนี้ใหม่ที่หน้ากระดานดำ ก็ทำได้เพราะเข้าใจ แต่ความรู้สึกเคล้าย ๆ ที่คุณบรรยาย เหมือนกับโดนดูถูกอย่างแรง
สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยม สบายดีนะคะ
เด็กในวันนี้ ก็คือผู้ใหญ่ในวันหน้าแหละคะ น่ารักนะคะ มอบให้คะ
-อย่าพึ่งคิดดูถูกความสามารถของเด็กคะ วันไหนเด็กเกิดรักและสนใจในวิชานั้นขึ้นมา เขาก็ต้องตั้งใจขึ้น และพยายามทำให้ถูก หรือให้ดีขึ้น เด็กอาจกลับใจ ตั้งใจเรียน แต่ครู ยังมองเด็ก เหมือนเดิม คือไม่เก่ง ไม่น่าจะใช่ ไม่เชื่อถือเขา อย่ามองข้ามนะคะ มีวันพัฒนาขึ้น ถ้าเขาชอบ ทำอย่างไรจะให้เขาชอบ
-เหมือนพี่สุนี่แหละ อยู่ดีๆ ก็มานั่งเขียนกลอน หาภาพประกอบ ซึ่งคนอย่างพี่สุ น่าจะไปเขียนวิชาการ หรืออะไรที่ควรจะมากกว่านี้ แต่คนเรา มีส่วนเปลี่ยนแปลงคะ ถ้ารักและเกิดชอบขึ้นมา และมันไม่ได้ใช้หัวอะไร ให้หนักสมอง เป็นสุนทรีเบาๆ เข้าใจง่ายๆก็ทำได้ดี เพราะเกิดชอบ
-เด็กๆ ก็เหมือนกัน วันดีคืนดี เกิดรู้ใจตนเองว่าชอบ เขาก็ทำดีเองคะ และครูทั้งหลายจงดีใจถ้าเด็กตั้งใจทำ แม้จะสวยหรือไม่สวย เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เด็กจะมุ่งมั่นเองคะ
-เป็นความรู้สึกของพี่สุคะ น้องครูวราภรณ์ธรรมทิพย์ได้ให้ข้อคิดแก่บรรดาครูแล้วหละคะ
-ขอบคุณสิ่งดีๆ มามอบให้กันนะคะ พี่สุยังไม่ได้เขียนเรื่องใหม่หรอกคะ คิดถึงและหายปวด ตะขาบกัด เลยมาเยี่ยมคืนคะ คนดี ไปหละ
สวัสดีครับ ธรรมทิพย์
นำภาพน้ำค้างยามเช้าๆมาฝากค่ะ
มาชม
เก่งจริงตัวแค่เนี๊ย...วาดช้างได้สวยงาม...อิ อิ อิ
แต่เป็นความสวยงามในจินตนาการนะครับ...ยังวาดเองให้สวยงามไม่ได้...
การเชื่อใจตน และเชื่อใจคนเอง
อยู่ในเวลาที่เหมาะ และเหตุที่ควร
..
คนที่เชื่อแต่ใจตน ไม่เชื่อใจคนอื่น ยิ่งเป็นเด็กไม่เชื่อใจเค้าไม่ทำให้เค้าภูมิใจ เชื่อมั่นในตนเอง ให้ใครจะอยากคิดอยากทำ
.
เหมือนการสอน คงต้องสอนให้เด็กเป็นตัวเด็กเอง คงมิใช่สอนอยากที่เราอยากให้เค้าเป็น
จงเชื่อว่าเค้าทำได้ แล้วเค้าจะได้
...
เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
.
ขอบคุณครับ ที่เล่าสู่กันอ่านครับ
คุณธรรมทิพย์
ไม่น่าเชื่อว่าจะพบพี่ที่นี่ จำพิมได้ไหมคะ แวะมาอ่านเรื่องราวของเด็กๆค่ะ