เมื่อลูกสาว...ออกนอกบ้าน


เมื่อ 2 วันที่แล้ว  ได้รับโทรศัพท์จากคุณแม่ของนักเรียนท่านหนึ่ง  ความจริงคุณแม่ท่านนี้ก็เป็นลูกศษย์ของฉันในอดีต  ปัจจุบันสอนรุ่นลูก  และกำลังจะได้สอนรุ่นหลาน (เฮ้อ)  มิน่าลูกศิษย์กำลังจะเรียกคุณครูยาย 

น้ำเสียงฟังดูสั่นเครือ  บ่งบอกถึงความทุกข์และสะเทือนใจพอสมควร  เธอขอมาพบฉันที่บ้านเป็นการส่วนตัว...ฉันตอบตกลง

woman_crying_1.jpg sad image by leighaaxann

สิบนาทีต่อมาเธอมาถึงบ้านฉัน  พร้อมกับหยิบสิ่งของสิ่งหนึ่งออกมาให้  มันคือแผงยาคุมกำเนิด...ที่เธอแอบไปเปิดดูกระเป๋าถือลูกสาวเล่นๆ แล้วพบกับมัน  เธอจึงถือวิสาสะหยิบเอามาให้ฉันดู

อาจารย์ขา...แล้วจะให้หนูเข้าใจว่าอย่างไร  หนูจะทำอย่างไรดีคะ  มันหมายความว่าอย่างไร ?  คำถามถูกยิงออกมาเป็นชุดๆ  จนฉันตอบไม่ทัน 

ลูกสาวของเธอ...กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5  หน้าตารูปร่างสะสวย คุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นคนมีหน้ามีตาในชุมชน  มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง  เป็นที่รู้จักของคนในชุมชน  เธอพลาดหวังกับลูกสาวคนแรกที่ผันตัวเองไปเป็นสาวทอมอย่างยั่งยืนไปแล้ว  เธอจึงมีความหวังว่าลูกสาวคนที่สองคงจะไม่ทำให้เธอและสามีเสียใจอีก

 

มือของเธอเริ่มสั่น  น้ำตาพร่างพรู  อาจารย์ขา...หนูไม่มีกำลังใจทำงานแล้วค่ะ  หนูจะทำอย่างไรดีคะ ?

ฉันให้เธอตั้งสติและพยายามไตร่ตรองดูว่า แผงยานี้เป็นของเธอ  ของเพื่อน  หรือ เธอเอามาเพื่อใช้ทำอะไร 

และลองทบทวนเหตุการณ์ในอดีตดูสักนิดว่า...ลูกสาวมีโอกาสออกนอกบ้านในยามวิกาลบ่อยไหม  เพราะอยู่โรงเรียนเธอไม่เคยหนีเรียนและมีพฤติกรรมผิดปกติ  นอกจากคบเพื่อนในห้องเดียวกันเท่านั้น

เธอทบทวนแล้วบอกว่า...มีหลายครั้ง...ใช่...ทุกครั้งเธอจะโทรมาถามที่อยู่ของเพื่อนในห้องเสมอ  เพราะลูกสาวบอกว่า  ไปงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน  ซึ่งบางครั้งเพื่อนคนนั้นกำลังจะเข้านอน  ไม่ได้จัดปาร์ตี้ดังกล่าว 

พฤติกรรมโกหก ปิดโทรศัพท์  ร่วมด้วยทุกครั้ง...แน่นอน...ตอนนี้เธอมีรุ่นพี่มีจีบ

 

ฉันบอกให้เธอเข้มแข็งและถามเธอว่า  เธอร้องไห้เพราะเสียใจและเชื่อว่าลูกสาวเสียความบริสุทธิ์แล้วใช่ไหม   ตอบตอบใช่ค่ะ  เธออยากให้ลูกสาวของเธอบริสุทธิ์ผุดผ่อง...สมกับที่เธอเฝ้าทนุถนอมดูแลมาเป็นอย่างดี

ฉันขอให้เธอยอมรับความเป็นจริงในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น  เพราะการยอมรับความเป็นจริงของสภาพและสังคมในปัจจุบันยากที่วัยรุ่นคนหนึ่งะรักษาพรมจรรย์ไว้ได้...แม้จะมีแต่ก็อาจมีน้อย...ขอให้เธอคิดบวกว่า...อย่างน้อยลูกสาวก็ยังรู้จักป้องกันตนเอง  โดยใช้ยาคุมกำเนิด

เธอกดดันกับสังคม  สัมพันธภาพของแม่กับลูกที่ห่างเหิน  ครอบครัวที่ไม่ยอมรับ  ตำหนิติเตียนทั้งสามีและคุณปู่คุณย่า  คุณพ่อที่เกรี้ยวกราดอารมณ์รุนแรง

เธอจะฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร

 

รุ่งเช้า...ฉันใช้เทคนิคพูดคุยกับนักเรียน...เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเสียความบริสุทธิ์กับชายคนรักคนแรกเมื่อปีที่แล้วแค่ 1 ครั้ง  เพราะผู้ชายไม่ได้รักเธอ  ส่วนคนปัจจุบัน  2  ครั้ง  ด้วยโอกาสและบรรยากาศพาไป  เธออยากจะเล่าเรื่องการคบเพื่อนชายให้คุณแม่ฟังเหมือนเพื่อนๆ  แต่ก็ไม่กล้า  และกลัวคุณแม่ดุ  เธอทราบว่าแผงยาของเธอหายไป  คุณแม่ต้องรู้แล้วแน่ๆ  แต่เธอไม่ทราบจะทำอย่างไร  ฉันแนะนำให้เธอยอมรับความเป็นจริงกับคุณแม่  เมื่อมีโอกาสและขอโทษ  ประพฤติตัวใหม่  ตั้งใจเรียน  เธอลังเล  แต่ก็ยอมรับ

ฉันโทรกลับไปแต่ยังไม่ทันเล่าให้คุณแม่ฟัง  ปรากฎว่า  อาการเธอหนักกว่าเดิม

"อาจารย์ขา...หนูเจอแผงยาคุมที่ใช้หมดแล้วถึง 3 แผง  แล้วตอนนี้เธอออกจากบ้านตั้งแต่บ่ายโมง  ตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้วเธอก็ยังไม่กลับมา  ดูเธอไม่แคร์แม่เลยค่ะ"

ฉันได้แต่หวังว่า...ขอให้แม่กับลูกหันหน้าเข้าหากัน  ยอมรับซึ่งกันและกัน

แล้วความสุขก็น่าจะเกิดขึ้น

ช่วงนี้ปิดเทอมเสียก่อน...คงต้องให้การช่วยเหลือดูแลต่อไป

ท่านจะมีความคิดเห็นอย่างไร

ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 302904เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2009 11:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ฝากคุณครู...บอกคุณแม่ให้เข้มแข็งมากกว่านี้นะค่ะ ทุกปัญหาแก้ไขได้...แม้ผลลัพธ์อาจไม่ใช่อย่างที่เราคาด...แต่เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว....ก็ต้องรับมือให้ได้ ความรักของแม่ต่อลูกสู้กับเรื่องนี้ได้แน่นอนค่ะ

สวัสดีค่ะ

*** นักเรียนปัจจุบัน ลื่นไหลไปตามกระแสสื่อ-ค่านิยม ไม่คิดอะไรมากกับการทำผิด ดิฉันใช้เวลาอยู่กับปัญหาเด้กๆ ที่มีพฤติกรรม เช่นนี้มากจนไม่มีเวลาพัฒนาตนเองทางวิชาการ กลายเป้นคนอ่อนด้อยในสมรรถนะ ทำต่อไปเถอะค่ะ ไม่มีใครเห้นเรา แต่ก็ยังมีเราที่มองเห็นว่าทำอะไรอยู่ เด็กในสังคมทุกวันนี้น่าเป็นห่วงค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • อ่านแล้วสะเทือนใจ  ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่เข้มแข็ง
  • และยอมรับความจริงให้ได้
  • และขอเป็นกำลังใจให้คุณครูด้วยนะคะในการช่วยเหลือสองแม่ลูก

เป็นกำลังใจให้คุณแม่ เข้มแข็ง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน

เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว ต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ

เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้

ทำใจให้ยอมรับ พูดคุยกับลูกสาว(ด้วยอารมณ์สงบ) ดูเหมือนลูกสาวอยากจะเล่าให้คุณแม่ฟัง แต่กลัวคุณแม่ดุ

ถ้ามีโอกาสได้พูดคุยกัน คิดว่าต่อไปหากมีอะไรลูกสาวต้องกล้าที่จะเล่าให้คุณแม่ฟังก่อนที่จะเกิดเรื่องนะคะ

"ความรักของครอบครัว" น่าจะสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ค่ะ

เป็นกำลังใจให้พี่ครูอรวรรณด้วยค่ะ ^___^

สวัสดีค่ะ  คุณ noktalay

  • ขอบคุณมากค่ะ  

สวัสดีค่ะ  คุณ กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

  • ขอบคุณมากค่ะ 

สวัสดีค่ะ  ครูโย่ง  (คนสวย อิอิ)

  • ขอบคุณมากค่ะ 

สวัสดีค่ะ  น้องหนึ่ง Hana

  • ขอบคุณมากค่ะ 

สวัสดีค่ะ  พี่ครูคิม

  • ขอบพระคุณมากๆ นะคะ

 

 

วัยรุ่นคะ โดยเฉพาะรุ่นพี่มาจีบ ไม่ทันเขาแล้วคะ เพราะเขาโชกโชนมาก่อน  ด้วยผู้ชายทำไปแล้วไม่มีอะไรเสียหายเท่าผู้หญิง เลยได้ใจคะ  ใช้ประสบการณ์ที่เคยทำไม่รู้จะกี่คนแล้ว

ตามเหตุการณ์น่าสงสัยว่าคงนัดพบกันแล้วคะ และคงถูกรุ่นพี่สอนกินยาคุมคะ  จะให้เลิกกันคงเลิกคะ  ถ้าจะเลิกเปลี่ยนโรงเรียนก็นัดเจอกันได้อีก 

ทางที่ดีสืบให้ได้ว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นใคร แล้วนำมาพูดกัน คือตกลงกัน จะแต่งงานกันแท้จริงหรือเปล่า ถ้าแต่งกันแท้จริง ก็คงต้องหมั้นรับรองกันไว้  ถ้าไม่รับหมั้นถือว่าไม่มีความจริงใจ ก็สอนลูก ว่าเขาหลอกกินฟรีแล้วหละ พูดยังไงหละถึงจะสุนทรีย์เรียบเคียงเอาคะ อย่าพึ่งด่า แกล้งพูดที่เล่นทีจริงเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง อย่าตีโพยตีพาย เด็กจะตื่น เดี๋ยวขนข้าวของไปอยู่ด้วยกัน ไม่ยอมเรียนต่อยุ่งอีก

สมัยแต่ก่อนผู้หญิงผู้ชายแค่แตะตัวกัน ก็จับแต่งงานกันเลย เพราะสมัยก่อนไม่มียาคุม กลัวแอบรักลอบ มีมารหัวขน เลยจับแต่ง  เขาก็อยู่กันได้ เพราะมีที่นามากมาย มาช่วยกันทำ  สมัยนี้ไม่มีที่นา  ถ้าแต่งกันช่วงนี้ จะเลี้ยงกันอย่างไร

แต่ทุกวันนี้มันไปไกล ไม่แตะแค่นั้น แต่ลองของเลย น่าเป็นห่วงจริงๆ โดยเฉพาะคนที่มีลูกสาวคะ  แต่ยังดีที่รู้จักมียาคุมคะ  ถ้าไม่รู้จัก  เดี๋ยวจะได้เลี้ยงหลานเร็วๆนี้แหละคะ

เมื่อโลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว คนที่โชคดีมีลูกฉลาด  รู้จักเอาตัวรอดก็รอดไป แต่เด็กที่อวดฉลาด มักจะพลาดพลั้ง เพราะคิดว่าตนเองเก่ง พี่สุเม้นท์มากแล้ว ตรงประเด็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดึกแล้ว ตาลาย ยายก็ลาย ไปหละคะ  คิดถึง คิดถึง ไปเห็นที่บล็อคครูคิมเลยกดตามมาคะ

สวัสดีค่ะ  พี่สุ

  • ความคิดเห็นของพี่สุ  และหลายๆท่าน  มีคุณค่ามาก
  • ขอขอบพระคุณมากค่ะ
  • จะน้อมรับและนำไปใช้เป็นแนวทางในการให้ความดูแลช่วยเหลือทั้งสองแม่ลูกต่อไปค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • ปัญหาทุกอย่างแก้ได้นะคะ
  • เชื่อเรื่อง กฏแห่งธรรมชาตินะคะ
  • ทำความดีไว้มากๆๆ บอกเธอนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ ที่นำกำลังใจไปให้

ทุกอย่างไม่สาย ถ้าทุกฝ่ายช่วยกัน

น้องคงต้องการคนเข้าใจนะคะ..

คุณแม่...คุณครู..ช่วยน้องด้วยค่ะ

สวัสดีครับครู อรวรรณ "ปัญหาสังคม และครอบครัว ที่ศาสนาไม่อาจเยียวยา" อยู่ที่พ่อแม่ ที่ต้องตั้งสติมั่นในการแก้ปัญหา บางครั้งต้องยอมโง่อย่างชาญฉลาด ต้องรู้เท่า รู้ทัน รู้กัน รูแก้ ใช้วิธีการเหมือนที่ครูเปิดปากให้เด็กเล่า และคอยชี้ คอยแนะ และทำให้เด็กรู้สึกว่าปัญหาของเขา คุยกับเราได้ อย่าไปกดดัน ข้ามขาด จะเพิ่มความรุนแรงของปัญหาขึ้นครับ (นึกให้ได้ว่าเสียตัวยังดีกว่าติดยาครับ)

สวัสดีค่ะพี่อรวรรณ

 อ่านแล้วเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะมีลูกสาวเหมือนกัน

ไม่อยากให้เกิดเรื่องทำนองนี้...ทุกข์ใจเหลือเกิน....การให้เวลากับลูกๆมากแค่ไหนนะ...วัยที่อยู่ม 5...เพื่อนๆรุ่นเดียวกันเตรียม ent. แต่ลูกสาวเรา....

คงต้องหันหน้ามาคุยกัน เรียกทั้งสองคน พ่อแม่สองฝ่ายมารับรู้...คิดว่าสังคมคงซุบซิบช่วงแรกๆ...และคงลืมๆไป มาตั้งตัวใหม่นะ....

หลงรักท้องฟ้าแล้วค่ะพี่...

สวัสดีค่ะ  น้องแดง

เที่ยวสนุกไหมคะ  เอาใปด้วยตลอดเวลานะคะ

ลุ้นไม่ให้ฝนตก 

ขอบคุณมากนะคะที่ให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำที่มีค่า

พี่จะพยายามช่วยให้เขาบ ม.6 ให้ได้ค่ะ  ช่วยด้วยนะคะ  สู้ๆ

 

 

  • ธุ  คุณครูอรวรรณค่ะ..

วัยรุ่นเป็นวัยที่....  อืม..ต้อมไม่รู้จะใช้คำใดมาอธิบาย    เพียงแต่รู้สึกว่าเป็นวัยที่เชื่อมต่อในการก้าวย่างที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่กับเด็กน้อย    ด้วยความคิด  ด้วยวุฒิภาวะ และด้วยอะไรหลายอย่างเขาหรือเธออาจจะตัดสินใจพลาดไป   สำหรับเด็กสาวๆ นั้นเธอคงจะให้ความสำคัญกับความรักของวัยหนุ่มสาว   สำหรับเด็กหนุ่มคงจะต้องการมีความสัมพันธ์เพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นเป็นของฉัน หรือเพราะด้วยเหตุผลใดก็ตาม    อาจจะแม้กระทั่ง..รู้เท่าไม่ถึงการณ์    ซึ่งทั้งหมดนี้เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้   นอกจากหาวิธีรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น

พ่อ..แม่..บุคคลในครอบครัวจะสำคัญยิ่งในการที่จะช่วยกันประคับประคองให้เด็กสาวก้าวย่างไปให้ได้ในก้าวต่อไปค่ะ    อย่างน้อยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็จะทำให้คนเป็นผู้ปกครองได้ตระหนักคิดและทบทวน

เป็นกำลังใจให้นะคะ...

เป็นข้อคิดที่ดีและมีคุณค่ามากค่ะน้องต้อม

ขอบคุณมากนะคะ

มีลูกสาวคนเดียวเหมือนกันค่ะ

นี่ก็นั่งอ่านพร้อมๆ กัน....แล้วคุยกันว่า

  • อนาคตของลูกสาว...
  • แม่ทุกคนอยากให้ลูกประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนก่อนที่จะมีความรักและการใช้ชีวิตคู่ต่อไป
  • ให้กำลังใจคุณแม่ท่านนี้ค่ะ...ขอให้ผ่านเรื่องร้ายๆ นี่ไปให้ได้ค่ะ

เรื่องนี้  ก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ  ผมว่าคงต้องมาตรวจสอบสภาพจิตของตัวเราเองก่อนครับ ว่าจิตสงบใหม จิตนิ่งดีพอใหม ที่จะตัดสินใจใดๆ  เพื่อที่จะได้ตัดสินใจไปด้วยเหตุผลล้วนๆ โดยไม่มีอารมร์มาเจือปน

ธรรมะสวัสดีครับ

  • ให้กำลังใจคุณแม่  ยิ่งเกิดเหตุการณ์ยิ่งต้องและเข้าใจลูกให้มาก
  • ลูกเองก็ควรรักษาความรักของแม่ให้มากที่สุด
  • สิ่งใดที่ผิดพลาดไปแล้ว  จงใช้เป็นบทเรียนของชีวิต
  • ถ้าทุกข์มากระทบ  ขอให้ธรรมะจงกระเทือน

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท