เมื่อเดือน มิถุนายน 2552 นี่เอง ได้รับการประสานงานจากโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเขตอำเภอแก่งคอยของเรา โรงเรียนต้องการให้โรงพยาบาลไปอบรมให้ความรู้แก่นักเรียน โดยผู้ที่มาถ่ายทอดมาจากหลายหน่วยงาน และ หลากหลายเรื่อง เช่น พระมาสอนธรรมะ, ทหารตำรวจ อบรมเรื่องวินัยและกฎจราจร,หน่วยบรรเทาสารธารณภัย ให้ความรู้เรื่องการป้องกันอุบัติภัยต่างๆ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ฟังดูแล้วเด็กๆคงได้รับความรู้กันแบบหัวบวมแน่ๆ ใช่ไหมครับ
หลังจากได้มาเข้าร่วมโครงการ การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ 2 ครั้ง ครั้งแรกในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ 2 ในจังหวัดสระบุรี ทั้ง 2 ครั้ง มีความประทับใจมากได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆที่ไม่เคยทราบมาก่อน บรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นกันเอง กลับมาทำงานที่ รพ.ก็เริ่มร้อนวิชาครับ ก็นั่งนึกนะครับว่าเราจะเริ่มอย่างไรเพราะที่ผ่านมาเราทราบว่าบางอย่างเราก็ทำอยู่แต่ไม่ค่อยจะเป็นกระบวนท่าซักเท่าไหร่ สิ่งที่สถาบันและอาจารย์ได้ถ่ายทอด แนะนำมา ทำให้ผมเกิดความคิดเรื่อง การจัดการความรู้ อยู่ในหัวเกือบตลอดเวลา เหมือนกับว่า อาจารย์ได้จุดประกายไฟแห่งการเรียนรู้ให้แล้ว เวลาเรารู้อะไรเราก็อยากถ่ายทอด หรือนำมาพัฒนางานของเรา และแล้ว สนามการประลองวิชาของอาจารย์ก็เกิดขึ้นครับ
ศึกครั้งนี้ ยังมีของโรงพยาบาลอีกครับ ซึ่งได้รับเรื่องการป้องกันโรคติดต่อ, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยเราวางแผนเป็น 3 ฐาน ครับ ฐานโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, ฐานการปฐมพยาบาล, และฐานการป้องกันโรคติดต่อครับ ส่วนผมได้ช่วยฐานโรคติดต่อครับ โดยมีทีมงานอีก 2 ท่าน คือ พี่น้ำชา และ น้องเอ๋ โดยขั้นแรกก็ปรึกษากันในทีมและเล่าเรื่องการจัดการความรู้ที่สถาบันสอนผมมาเลยครับ โดยผมเสนอว่าอยากให้เป็นบรรยากาศที่เป็นกันเอง ไม่เน้นแบบห้องเรียน มีกิจกรรมสันทนาการบ้าง ทีมงานก็เห็นด้วยครับ เข้าทางพี่น้ำชากับน้องเอ๋เลยครับ ต่อมาก็แอบขโมยกิจกรรมสูตรคูณของอาจารย์บ้าง กิจกรรมนับเลขบ้าง บรรยากาศก็ดีครับ เด็กๆให้ความร่วมมือดีครับ ต่อมาก็ให้แบ่งกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มที่เข้าฐานนี้ก็มีประมาณ 50 คน ก็แบ่งได้เป็นกลุ่มย่อย 5 กลุ่มครับ โรคคิดต่อเน้นที่กำลังเป็นปัญหาเลยครับ โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้แต่ละกลุ่มได้ระดมสมอง รวบรวมความรู้ที่สมาชิกช่วยกันกลั่นกรอง ระดมสมองกันออกมาและก็ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอครับ รู้สึกว่าน้องๆที่ได้มานำเสนอไม่รู้สึกเคอะเขินหรือกลัวผิดเพราะ เป็นการรวบรวมความคิดของคนทั้งกลุ่มแถมได้รับความรู้จากกลุ่มอื่นด้วยครับ แล้วสุดท้ายผมก็จะสรุปให้ครับ โดยเน้นให้นำไปปฏิบัติเพื่อการป้องกันตัวเองและครอบครัว โดยมี KM เป็นเครื่องมือ วิธีการก็ด้วยการเล่าเรื่องแล้วใช้กระบวนการระดมสมองจากสมาชิกในกลุ่ม สอดแทรกด้วยกิจกรรมสันทนาการ
เด็กๆแต่ละกลุ่มก็จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป มีกลุ่มหนึ่งที่ผ่านฐานธรรมะมาแล้ว ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ หลังเริ่มกิจกรรมได้สักพัก พี่น้ำชาก็ให้ทุกคนนั่งตามสบายหลับตาสูดลมหายใจเข้า ออกลึกๆ 10 ครั้งหลังจากนั้นก็เล่าเรื่อง พี่อ่อนผู้ด้อยโอกาส ชีวิตพี่อ่อนที่ปัญญาอ่อนสมชื่อ ขากพิการต้องนั่งรถเข็น วันหนึ่งพระมีพระมาเทศน์พี่อ่อนหายไปนานกลับมาเปียกทั้งตัวเหมือนเปียกฝนทั้งที่อากาศร้อน พร้อมน้ำอัดลมขวดใหญ่ผลไม้ และของถวายพระ2-3 อย่าง ระหว่างทางที่เข็นรถต้องข้ามทางรถไฟที่ขรุขระ ระยะทางไกล ทราบภายหลังว่าพี่อ่อนตั้งใจไปซื้อของมาถวายพระ เผื่อเกิดชาติหน้าพี่อ่อนจะได้ปัญญาดีกว่านี้ และสุขภาพแข็งแรงไม่ต้องนั่งรถเข็น พี่น้ำชาก็ยกตัวอย่างว่าน้องๆมีโอกาสได้เล่าเรียน มีมือและเท้าครบไม่พิการแบบพี่อ่อน จงไขว่โอกาสนั้นเสีย ด้วยเทคนิดการเล่าเรื่องของพี่น้ำชา และอุปมาอุปไมย พร้อมยกตัวอย่างให้ดู ทุกคนนั่งฟังตาแป๋วเหมือนถูกมนต์สะกด แอบเห็นบางคนมีแววตาเศร้าๆ คล้ายคิดได้ เรียกว่าสะกดทั้งกลุ่มได้เลยทีเดียว เลยทำให้ผมได้เรียนรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มก็ต้องใช้เทคนิคที่ต่างกันไป
ตลอดระยะเวลา 2 วันของการทำกลุ่มพี่น้ำชาและน้องเอ๋ หากิจกรรมมาสอดแทรกแทบจะไม่ซ้ำกันเลย ทำให้ดึงดูดความสนใจในการทำกลุ่มจากเด็กได้ไม่น้อยทีเดียว และพบว่าบรรยากาศของการถ่ายทอดความรู้ได้รับความร่วมมือจากเด็กๆเป็นอย่างดีแบบเป็นกันเอง มีการแสดงความคิดเห็นโดยไม่กลัวว่าจะผิด ผู้รับการอบรมแทบไม่รู้สึกว่าเรากำลังสอน มันเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันครับ นี่แหละครับเมื่อวิชาของผมมันร้อน
ร่งชัย หงส์เวียงจันทร์
กลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน
โอ๊ะ โอะ กล่องเม้นท์มันโดน
ต้องลดอายุก่อนเม้นท์นะคะเนี่ย อิอิ
ขอบคุณค่ะน้อง AJ
แวะมาเม้นท์กานเสมอ
มาชม มาเชียร์ "ชา" กลุ่มงานเวช ฯ
ชาวสาสุข" มาเป็นกำลังใจครับ
ขอบคุณค่ะ ผู้เฒ่า แล้วอย่าลืมมาเชียร์ กันอีกนะ
สวัสดีค่ะ อ.ขจิต อาจารย์น่ารักเสมอ ขอแอบขโมย กิจกรรมไปใช้ กับนักเรียนโตๆ ที่ รพ.บ้างนะคะ ขอบคุณมากค่ะ