โฟกัสกรุ๊บ หลักสูตรใหม่ (หลักสูตร กศน. 2551)

การสอบ NT เป็นเงื่อนไขการจบหลักสูตรกศน. เหมาะสมหรือ ?

วันที่ 13 สิงหาคม 2552

ได้รับเชิญจาก สนง.กศน.จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น 1 ใน 25 คน โฟกัสกรุ๊บ สนทนากลุ่มติดตามการนำร่องการใช้หลักสูตรใหม่ ที่ห้องประชุม สนง.กศน.จ.อย. ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา เจ้าหน้าที่ ครู นักศึกษา โดยคณะทำงานวิจัย-ติดตามจากส่วนกลาง 8 ท่าน นำโดยท่านที่ปรึกษา ดร.ทองอยู่ แก้วไทรฮะ ท่านผู้เชี่ยวชาญ กาญจนาภรณ์ จำปี ดำเนินการสนทนา (Moderator) โดย อ.อุษา เทียนทอง

ข้าพเจ้าได้เสนอให้

1. ลด โดย รวมรายวิชา ให้เหลือจำนวนน้อยลง เป็นรายวิชาละไม่ต่ำกว่า 3 หน่วยกิต เพราะถ้ามีจำนวนรายวิชามากต้องเรียนภาคเรียนละ 9 - 11 รายวิชา นักศึกษาจะสับสน ต้องเก็บคะแนนระหว่างภาครายวิชาละ 60 % กว่าจะครบทุกรายวิชา นักศึกษารับไม่ไหว หลายรายวิชาต้องเรียนให้จบในสัปดาห์เดียว ถ้าจะให้นักศึกษาเปลี่ยนวิธีเรียนเมื่อเปลี่ยนรายวิชาได้ เวลาเรียนในแต่ละรายวิชาต้องแยกขาดจากกันไม่ซ้ำซ้อนกัน เช่นถ้านำรายวิชาที่ 1 กับ 2 มาบูรณาการเรียนพร้อมกัน แต่นักศึกษาบางคนเลือกเรียนรายวิชาที่ 1 ด้วยวิธีเรียนด้วยตนเอง พอจะเรียนรายวิชาที่ 2 ด้วยวิธีพบกลุ่ม ก็ทำไม่ได้เพราะรายวิชาที่ 2 เขาเรียนจบกันไปแล้ว และในอนาคตถ้าแต่ละภาคเรียน นักศึกษาเลือกเรียนรายวิชาใดก็ได้ในหลักสูตร จะมีจำนวนรายวิชาที่เรียนในแต่ละภาคมากมาย ตารางสอบปลายภาคต้องมีครบทุกรายวิชาในหลักสูตรใช้เวลาสอบมากกว่า 1 เดือน

แต่ข้อดีของการมีรายวิชาเล็ก ๆ ไม่เรียนเป็นหมวดวิชาหรือกลุ่มสาระ ก็คือเทียบโอนได้ง่ายและมากขึ้น จึงยังควรเรียนเป็นรายวิชาเหมือนเดิมแต่ลดจำนวนรายวิชาให้น้อยลง เรียนภาคเรียนละไม่เกิน 5 รายวิชา

2. วิธีเรียน 6 + 1 วิธี มีลักษณะเหลื่อมซ้อนกัน แยกจากกันให้ชัดเจนไม่ได้ หลักสูตรเก่ามีปัญหาที่นักศึกษาบางส่วนไม่มีเวลามาพบกลุ่ม พอหลักสูตรใหม่มีวิธีเรียนด้วยตนเองให้เลือก พวกเรากลับกลัวว่าการเรียนด้วยตนเองนักศึกษาจะไม่ได้อะไร จึงกำหนดวิธีเรียนตามเนื้อหา เนื้อหาใดยากนักศึกษาทุกคนต้องเรียนโดยวิธีพบกลุ่ม เนื้อหาใดง่ายจึงให้เรียนด้วยตนเอง ทางไกล หรือตามอัธยาศัย ใน 1 รายวิชามีหลายวิธีเรียน แต่ในแต่ละเนื้อหา นักศึกษาไม่มีสิทธิ์เลือกวิธีเรียน สรุปแล้วไม่ต่างจากหลักสูตรเก่านัก เพราะหลักสูตรเก่าถึงจะเรียนวิธีพบกลุ่ม แต่ใน 1 หน่วยกิต ก็พบกลุ่มเพียง 3 ชั่วโมง อีก 37 ชั่วโมง ก็เรียนวิธีอื่นอยู่แล้ว

ควรลดวิธีเรียนเหลือเพียง 2 - 3 วิธี ใครไม่มีเวลาพบกลุ่ม ก็เลือกเรียนด้วยตนเอง และไม่ต้องมีคะแนนเก็บ ถ้าเขาเรียนด้วยตนเองแล้วไม่ได้อะไร สอบไม่ผ่าน ภาคเรียนต่อไปเขาก็เปลี่ยนไปเรียนวิธีพบกลุ่มเอง

3. ในเรื่องการกำหนดเงื่อนไขให้ต้องสอบ NT นั้น หลายคนไม่เห็นด้วย แต่ข้าพเจ้าเสนอความเห็นว่า เมื่อหลักสูตร กศน. มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่าในระบบ และนักศึกษาสามารถย้ายสถานศึกษาได้ ไม่ต้องเรียนอยู่ที่เดียวไปจนจบ ม.ปลาย จึงควรมีมาตรฐานกลาง การสอบ NT เป็นการคุมมาตรฐานกลาง เป็นการประเมินสถานศึกษา ไม่ใช่ประเมินนักศึกษา เพราะไม่มีผลกับเกรดเฉลี่ยของนักศึกษา ถึงจะสอบได้ศูนย์ก็ไม่เป็นไร แต่สถานศึกษาใดนักศึกษาสอบได้คะแนนต่ำกว่าสถานศึกษาอื่นก็ต้องพัฒนา ข้อสอบ NT เป็นของ กศน. โดยเฉพาะ ไม่ใช่ข้อสอบ O-Net วัดตามมาตรฐานหลักสูตร กศน. จึงเห็นด้วยที่มีการสอบ NT แต่อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติเพราะต้องจัดสอบทุกภาคเรียน เนื่องจากมีนักศึกษาจบทุกภาคเรียน ถ้ายังไม่สอบก็ยังไม่จบ

เขียนใน GotoKnow โดย เอกชัย กศน.ผักไห่
ใน การทำงานของ เอกชัย กศน. อ. ผักไห่

คำสำคัญ (Tags): #การศึกษานอกระบบ#หลักสูตรใหม่

หมายเลขบันทึก: 288942เขียนเมื่อ 19 สิงหาคม 2009 06:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน

ความเห็น (27)

นายวิโรจน์ คุณแอ๋ว ธิราชัย

เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2009 21:21 น. ()

เห็นด้วยอย่างยิ่งในการลดจำนวนวิชาลงเพราะ นโยบายของกศน.นั้นเน้นผู้ที่พลาดหวังจากการเรียนในระบบหรือไม่สามารถเรียนในระบบได้ แต่หลักสูตรใหม่ไม่มีความพร้อมอะไรเลย ทำให้นักศึกษาสับสนวิชาที่เรียนแยะมากจนจำกันไม่ได้ นักศึกษากศน.มิใช่นักศึกษามหาลัยจึงจะเรียนได้ บางคนส่วนใหญ่จะมีภารกิจเพราะไม่ใช่วัยเรียน ถ้าปล่อยแบบนี้นักศึกษาจะเบื่อและหายไปในที่สุดฝากบอก ผู้คิดหลักสูตร 51 ด้วยว่ามีปัญหามาก เพราะท่านไม่ได้ใช้แต่ผู้เรียนเป็นคนใช้

เอกชัย กศน.ผักไห่