วันนี้แจกสมุดให้นักเรียนคนละหนึ่งเล่ม(ซื้อมาจากโลตัสนานแล้วเล่มละ๑บาท) เพื่อลองฝึกให้นักเรียนเขียนบันทึกสั้นๆของตัวเอง(หรือเรียกจดบันทึกดีหนอ..)
ครูขา...เขียนบันทึกความดีใช่ไหมคะ
ก็ใช่ค่ะ...แต่เขียนนอกเหนือจากความดีก็ได้ หนูพบเห็นอะไร เจออะไรในแต่ละวัน หรืออยากเขียนอะไรก็เขียนลงไป อาจเขียนหลายๆบันทึกในหนึ่งวันก็ได้
ครูขา..เวลามีภาษาไทยค่อยเอามาใช่ไหมคะ
ไม่ใช่ค่ะ..การเขียนบันทึกไม่ใช่เขียนเฉพาะในวิชาภาษาไทย เขียนที่ไหน เมื่อไรก็ได้ เช่นวันนี้หนูเรียนวิทยาศาสตร์คุณครูสอนสนุก หนูก็อาจเขียนบันทึกว่า วันนี้เรียนวิทยาศาสตร์สนุกจัง ก็ได้ หรือเขียนความตั้งใจ เช่น วันนี้หนูตั้งใจจะกลับไปอ่านหนังสือให้ได้ ๕ หน้าก็ได้ค่ะ เขียนแบบสั้นๆก็ได้ หรือจะเขียนแบบนี้....แบบนี้....หรือแบบนี้....ก็ได้ค่ะ เข้าใจหรือยังคะ
อ๋อ...เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ
ถ้าเข้าใจแล้วเรามาลงมือทำกันนะจ๊ะ ทำหน้าปกก่อนเสร็จแล้วลองเขียนบันทึกแรกดูสิว่าจะเป็นอย่างไร
(สีกล่องนี้หญิงได้แต่ใดมา...ตอนคุณครูดร.ขจิตมาท่านให้)
(อภิรักล่ะทำอย่างไรจึงได้วานบอก..คุณครูดร.เห็นผมเป็นเด็กดีจึงให้ด้วย ๑ กล่อง)
ในเวลาต่อมา อาห้อย...อาห้อย (เกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย)
ครูขา...หนูเขียนเสร็จแล้วค่ะ
เก่งมากหญิง..ลองออกไปอ่านหน้าชั้นให้เพื่อนๆฟังสิคะ(ตั้งแต่ได้สีจากคุณครูขจิตนี่ทำงานเสร็จเร็วมาก อิ..อิ..)
วันนี้หนูจะวาดภาพให้พ่อ แม่ และย่ายาย(พอได้เหมือนกันนี่นา)
เก่งมากค่ะหญิง ...นักเรียนปรบมือให้หญิงหน่อยค่ะ (๑ ๒ ๓ เยี่ยม)
ครูครับ ผมก็เสร็จแล้วครับ
เก่งมากค่ะ ลองอ่านให้เพื่อนฟังสิคะ
อ่านๆ...........................................
อ่านๆ…………………………..
อ่านๆ…………………………..
ครูขา ครูครับ ผม/หนู ก็เสร็จแล้วค่ะ ออกไปอ่านให้เพื่อนๆฟังเลยนะคะ
คราวนี้แย่งกันออกไปอ่านเลยค่ะ แม้แต่เด็กที่อ่านเขียนไม่คล่องก็รีบอาสาออกไปอ่านบันทึกของตัวเองให้เพื่อนฟัง
วันนี้ผมจะรีบกลับไปทำการบ้าน(อืม..พอใช้ได้เหมือนกันแฮะ..)
ครูขา...ดิวเขาเขียนคำว่าการบ้านไม่ได้หนูก็เลยช่วยสอนเขาค่ะ
ดีมากค่ะ...(มีจิตสาธารณเหมือนกันนะเนี่ย อิ..อิ..)
ครูขา...หนูเสร็จแล้วหนูขออ่านให้เพื่อนฟังนะคะ
ได้ค่ะ..
“วันนี้ฉันมีความสุขมากๆเพราะครูตุ๊กได้สอนนักเรียนเขียนบันทึกของตัวเอง และครูตุ๊กได้แจกสมุดบันทึกให้แก่นักเรียน” (เข้าท่าแฮะคนนี้)
ครูขา...หนูเขียนเพิ่มอีกได้ไหมคะ
ได้ค่ะ แต่ตอนนี้ได้เวลาทานข้าวกลางวันแล้วไปทานข้าวกันก่อนนะคะ..
เฉย...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก (ไม่ได้โทรหาใคร มั่วอีกแล้ว ครูตุ๊กแก)
นักเรียนขา...ไปทานข้าวได้แล้วค่ะ
แต่หนูยังอยากเขียนอีกนี่คะ (ฮืๆๆๆปลื้มใจ ทำไมขยันอย่างนี้ลูกศิษย์ฉัน)
ทานข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยมาเขียนต่อก็ได้ค่ะ
งั้น…ครูครับผมเอาลงไปเขียนต่อตอนทานข้าวด้วยได้ไหมคะ..หนูด้วยค่ะ/ผมด้วยครับ
ได้ค่ะ ก็ครูบอกแล้วการเขียนบันทึกเขียนตอนไหนก็ได้ เห็นอะไร คิดอะไร อยากเขียนอะไรก็เขียน
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..........
เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนภาคบ่าย อาห้อย อาห้อย (มาอีกและเจ้าตัวนี้...)
ครูขา หนูได้เพิ่มอีก ๑๖ ข้อค่ะ
หนูก็ได้ตั้ง ๓๒ ข้อแน่ะค่ะ
เด็กๆกลับขึ้นมารายงานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ (พระเจ้าช่วยกล้วยทอด......ทำไมเขียนเก่งขนาดนั้น...หรือว่าเราสอนไปดี..)
ไหนมาให้ครูดูสิคะ....
๑.หนูเห็นนกบิน
๒.หนูเห็นผีเสื้อ
๓.หนูกินข้าว
๔.หนูไปตลาดนัดกับแม่
๕.หนูวาดภาพ
๖.วันนี้หนูไปทะเลเห็นปู(อึ๋ย..วันนี้อยู่ที่โรงเรียนจ่ะ)
๗.วันนี้วันเสาร์หนูไปขายของกับพ่อ (จ๊ากกกก...วันนี้วันอังคาร)
และหนูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกมากมาย (ให้ตายเถอะโรบิน.. เมื่อเช้ายังเป็นการเขียนบันทึกอยู่เลย ไหงพอทานข้าวกลายเป็นแต่งประโยคซะงั้น...เหมือนที่ทำการบ้านแต่งประโยคมาส่งครูเลย)
นักเรียนขา...แบบนี้เป็นการแต่งประโยคนะคะไม่ใช่การเขียนหรือจดบันทึก การเขียนบันทึกหรือจดบันทึกต้องแบบนี้ค่ะ เช่น ..........อย่างนี้ๆๆๆๆ อย่างนั้นๆๆๆๆๆๆ เข้าใจไหมคะ
อ้าว...ก็ครูบอกเห็นอะไร คิดอะไร อยากเขียนอะไรก็เขียนนี่คะ หนูก็เลยเขียน..
เออเนอะ..ก็เราบอกแบบนั้นเองนิ (ฮือๆๆๆๆๆๆๆ แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ งืดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมซื่อได้ร้ายบริสุทธิ์ขนาดนี้)
สรุปว่า มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เขียนหรือจดบันทึกเป็นบันทึกจริงๆ แต่อย่างน้อย..ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้นักเรียนรักการเขียน รักการอ่าน และได้ใช้ความคิดของตัวเองในการถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือมากขึ้น ถึงแม้ว่าบางคนจะเขียนมาแบบที่ครูต้องใช้ความสามารถพิเศษในการอ่านก็เถอะ แต่เมื่อถามเขาก็สามารถบอกได้ว่าเขาเขียนอะไร ไม่เป็นไรค่ะค่อยๆแนะ ค่อยๆแก้ไขกันไป ไม่แน่นะคะในอนาคตครูตุ๊กแกอาจจะมีลูกศิษย์เป็นนักเขียนชื่อดังก็ได้...ใครจะไปรู้ ...คริ..คริ (ตอนนี้ฝันไปก่อนค่ะ ..^___^..)
ขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ บันทึกนี้ตัวหนังสืออาจแปลกๆเล็กบ้างใหญ่บ้างลองแก้ไขหลายครั้งแล้ว แก้ไม่ได้ แงๆๆๆๆ งืดๆๆๆๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร(ฝีมือตกเห็นๆ)