๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ครูขา...สีหนูหายค่ะ สีหนูกล่องใหญ่ๆขนาดนี้ค่ะ
เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดพร้อมทำท่าทางประกอบ ในขณะที่เพื่อนๆกำลังเก็บของเพื่อเตรียมลงไปเรียนลูกเสือ บาคนก็ออกไปรอหน้าห้องเรียนแล้ว
ครูตุ๊กแก..ฝ้ายไปลืมไว้ที่ห้องนาฏศิลป์หรือเปล่า
ฝ้าย..ตอนไปเรียนนาฏศิลป์หนูไม่ได้เอาไปค่ะ
ครูตุ๊กแก..งั้นเอามาจากบ้านหรือเปล่า นึกดูให้ดี
..เอามาค่ะเมื่อเช่าหนูยังยืมของเขาเลยค่ะ หนูด้วยค่ะ (เสียงเพื่อนๆช่วยกันสนับสนุน)
ครูตุ๊กแก..เอ้า..นักเรียนทุกคนกลับเข้ามาในห้องไปยืนที่โต๊ะตัวเองเอากระเป๋าวางบนโต๊ะ แล้วนั่งลงกับพื้น ฝ้าย ใบเฟิร์น โอปอ ช่วยครูค้นกระเป๋าเพื่อน(ท่ามกลางความงันงงของเด็กๆอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้เรื่องแต่ก็ไม่พบ)
ครูตุ๊กแก..ในห้องเราไม่มีใครเอาไป งั้นเดี๋ยวลงไปค้นห้องอื่นที่หอประชุม แต่นักเรียนห้ามพูดอะไรเลยนะคะ เดี๋ยวคนที่เอาไปเขาจะไหวตัวทันแล้วแอบเอาไปซ่อนก่อน
เมื่อลงไปถึงหอประชุมสถานที่เรียนลูกเสือ ห้องอื่นๆมาครบแล้วขาดแต่ห้องครูตุ๊กแกที่เพิ่งจะลงมา ครูตุ๊กแกจึงแอบคุยกับพี่ที่กำลังทำกิจกรรมกับเด็กๆอยู่ว่าขอค้นกระเป๋าเด็ก หลังจากนั้นก็ให้นักเรียนนำกระเป๋าของตนเองมาวางเรียงตามชั้น เว้นห้องตัวเองเพราะค้นแล้ว และก็ให้นักเรียนกลับไปทำกิจกรรมต่อไป ครูตุ๊กแกกับนักเรียนชุดเดิมก็ช่วยกันค้นกระเป๋า ครูท่านอื่นๆก็มาช่วยแต่ก็ไม่พบ
..ฝ้ายถ้าไม่เจอจะทำอย่างไร
..ขอตังค์แม่ซื้อใหม่ค่ะ...
(ฝ้ายจ๋า สีของหนูกล่องละเป็นร้อยนะจ๊ะไม่ใช่บาทสองบาท และจากการที่ไปเยี่ยมบ้านมา ฐานะของฝ้ายถึงจะไม่จนแต่ก็ไม่น่าจะอยู่ในขั้นที่จะซื้อของราคาแบบนี้ได้บ่อยๆ)
ครูขา...ตรงนี้อีกกองค่ะยังไม่ได้ค้น
ลองค้นดูสิ (แต่ครูน่ะถอดใจแล้วไม่เจอแน่ก็ตรงนั้นน่ะเป็นกองกระเป๋าของห้อง
เราเองทั้งนั้น)
ครูขา...เจอแล้วค่ะอยู่ในกระเป๋าหญิงค่ะ (พร้อมกับสายตานักเรียนที่อยู่บริเวณนั้นจับจ้องไปที่หญิง เด็กผู้หญิงตัวผอมๆสูง ตาโตกลมใสแต่แฝงแววเศร้า)
(พระเจ้า...หากันตั้งนานไม่เจอกลับมาเจออยู่ในกระเป๋าเด็กห้องตัวเอง แล้วทำไมตอนค้นครั้งแรกถึงไม่เจอ )
เจอแล้วก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวพรุ่งนี้จัดการให้...ไปเข้าประจำหมู่ตัวเองก่อน
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณครูอีกท่านเรียกให้ครูตุ๊กแกเข้าสู่ช่วงนันทนาการ แต่นันทนาการในวันนี้เป็นนันทนาการที่อึดอัดใจมาก แต่ก็ผ่านไปด้วยดีจนเสร็จสิ้นกิจกรรม
สงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมครูตุ๊กแกถึงไม่ทำโทษหญิงตอนนั้นเลย จะว่าครูตุ๊กแกลำเอียงก็ได้นะคะ เหตุผลก็คือ สงสารค่ะ สงสารมาก สงสารจนรู้สึกอึดอัดที่จะต้องทำโทษหญิงในวันพรุ่งนี้ แต่ความสงสารก็ขัดแย้งกับความรู้สึกที่เรียกว่า เสียใจเสียความรู้สึกที่รู้ว่าคนที่ขโมยคือ หญิง
ปีการศึกษาที่แล้ว หญิงอยู่ชั้น ป.๑ ครูตุ๊กแกได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านหญิงพร้อมกับครูประจำชั้น ป.๑ของหญิง บ้านของหญิงค่อนข้างจนหญิงอยู่กับตาและยาย แม่และพ่อไปอยู่ที่อื่น ส่วนก็พ่อไม่สบายทำงานไม่ได้ นานๆแม่จะส่งเงินมาสักที ยายเล่าให้ฟังว่าตอนที่แม่หญิงท้อง แม่เขากินยาขับให้ออกแต่หญิงก็(หัวแข็ง)ไม่ออกอยู่จนครบกำหนดคลอดปกติ พูดไปย่าก็ร้องไห้ไป ส่วนหญิงก็ดูเฉยๆซึมๆไม่ค่อยพูดจา นั่นคือสิ่งที่ฝังใจและทำให้ครูตุ๊กแกรู้สึกสงสารหญิงมาตั้งแต่นั้น
ปีนี้หญิงมาอยู่ห้องครูตุ๊กแก ครูตุ๊กแกออกเยี่ยมบ้านหญิงเมื่อวันที่ ๒๐กรกฎาคม ครูตุ๊กแกค่อนข้างดีใจที่ปีนี้หญิงมีพ่อและแม่มาอยู่ด้วย พ่อของหญิงสามารถทำงานได้แล้ว มิน่าล่ะช่วงหลังๆนี้หญิงดูมีความสุข พูดคุยเหมือนเด็กปกติ
ก่อนกลับบ้านครูตุ๊กแกเรียกหญิงมาคุยด้วยการยืนกอดคอหญิงพร้อมกับลูบหน้าลูบหัวหญิงไปด้วย(เพื่อไม่ให้เด็กที่เดินผ่านไปมารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงจะได้ไม่โดนตัดสินว่าเป็นคนผิดตลอดไป และเพื่อไม่ให้หญิงเกิดอาการกลัวจนเกินไป)
เชื่อไหมคะ..ตลอดการพูดคุยซักถามว่าทำไมหญิงถึงทำอย่างนั้น ไม่มีเสียงตอบจากหญิงแม้แต่คำถามเดียว หญิงยังคงยืนนิ่งด้วยแววตาสลดอยู่อย่างนั้น
ครูตุ๊กแกคิดในใจว่าพรุ่งนี้จะต้องทำโทษหญิงจริงๆหรือ ถ้าไม่ทำก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเด็กคนอื่นๆ จะทำก็ทำใจยากเหลือเกิน โอ๊ยยยย กดดันจริงๆ
ครูตุ๊กแกจึงพูดให้หญิงเห็นถึงโทษของการขโมยว่าไม่ดีอย่างไร(ยกแม่น้ำมาทั้ง๑๕สายแหละค่ะ เรื่องเกลี่ยกล่อมนี่ถนัด อิ..อิ..) หญิงพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจจริงหรือเปล่า หลังจากนั้นก็พูดกับฝ้ายและเด็กๆถึงเหตุผลที่หญิงต้องขโมยเพราะไม่มีเงินซื้อ และอื่นๆอีกมากมายเพื่อไม่ให้เพื่อนๆรุมกันเกลียดหญิง(เรื่องหลอกเด็กนี่ถนัดค่ะ)
และสรุปด้วยคำพูดที่ว่า...ตกลงพรุ่งนี้ฝ้ายจะให้ครูทำโทษหญิงหรือไม่
ฝ้ายตอบว่า...ไม่ต้องก็ได้ค่ะ พร้อมกับวิ่งไปเข้าแถวเตรียมกลับบ้าน โอ้โฮ...ความกดดันทั้งหมดมลายหายไปเลยค่ะ โล่งอกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เช้าวันนี้ ๒๓ กรกฎาคม..
หญิงและฝ้ายก็วิ่งมาซื้ออุปกรณ์การเรียนด้วยกันแต่เช้าพร้อมรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเมื่อวานนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อไหมคะ ถ้าฝ้ายไม่บอกว่าไม่ต้องทำโทษหญิงก็ได้ค่ะ เช้าวันนี้เด็กๆจะต้องทวงให้ทำโทษหญิงแน่ๆ และเรื่องนี้ก็จะรู้ไปถึงเด็กๆคนอื่น แล้วหญิงก็จะถูกลงโทษจากสังคมอีกต่อหนึ่ง
ครูขา...หญิงบอกว่าปิยะพงษ์ชวนให้ขโมยสีฝ้ายค่ะแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าหญิง
ปิยะพงษ์เป็นเด็กผู้ชายที่อยู่บ้านติดกับหญิง และที่สำคัญเจ้านี่ตัวแสบประจำห้อง แต่ก็ไม่ได้ร้ายกาจนะคะ แค่แสบๆคันๆ เจอตัวจริงจนได้ แต่ปิยะพงษ์ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ หญิงก็ยืนยันว่าทำ
เอาล่ะสิ ภาวะกดดันมาอีกแล้ว จะทำโทษปิยะพงษ์ก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างสองคนนี้ใครพูดจริงกันแน่ ระหว่างที่สืบสวนกันอยู่นั้นก็มีคดีของปิยะพงษ์ที่เพื่อนๆรุมกันฟ้องเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนจึงลืมเรื่องสีไปซะสนิทเพราะมัวแต่รุมกันฟ้องเรื่องที่โดนปิยะพงษ์แกล้ง(โอ้โฮ..โจทก์เยอะจริงๆ) และเรื่องที่เด็กๆฟ้องนี่เป็นเรื่องที่สมควรจะทำโทษซะด้วย อย่างนี้มานี่เลยเจ้าตัวดี................................................................
สรุปว่าวันนี้ครูตุ๊กแกก็รอดตัวไปที่ไม่ต้องทำโทษปิยะพงษ์เรื่องสีเพราะไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ และเด็กๆก็ไม่ว่าครูตุ๊กแกลำเอียงด้วยเพราะปิยะพงษ์โดนทำโทษจริงๆแต่เป็นเรื่องคดีต่างๆไม่เกี่ยวกับสี โดยที่นักเรียนคนอื่นๆเข้าใจและเหมารวมว่าเป็นเรื่องสีด้วย อิ..อิ..รอดตัวไปทาเคชิ ..
หลังจากนั้นเด็กๆก็กลับมาพูดคุยและร่วมกิจกรรมการเรียนกันตามปกติเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
นี่แหละค่ะ ความใสบริสุทธิ์ของเด็กๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเด็กก็ยังคือเด็ก ลืมอะไรง่ายๆไม่เก็บมาเป็นเรื่องให้ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน เฮ่อ.....เหนื่อยแต่มีความสุข อิ..อิ..^___^..