ผมได้รับเมล หรือแม้แต่โทรศัพท์จากกัลยาณมิตรบางท่านในทำนองสงสัยถึงการเงียบหายไปของผม เพราะในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้เขียนบันทึกเลยแม้แต่บันทึกเดียว
มิหนำซ้ำยังไม่ได้แวะไปเยี่ยมใครๆ อีกต่างหาก
หนักหน่อยก็คงหนีไม่พ้น การไม่โผล่ไปเยี่ยมเยียนผองเพื่อนจากบันทึกใน “โลกแห่งมิตรภาพ” นี้เลยก็ว่าได้
บางคนถามผมด้วยความห่วงใยว่า ผมเกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจอะไรหรือเปล่า, บางคนเป็นห่วงว่าผมกำลังเผชิญบ่วงทุกข์ใจอันใดหรือไม่, มีปัญหาสุขภาพหรือเปล่า, หรืออื่นๆ อีกจิปาถะ
แต่ทั้งปวงนั้นก็หมายรวมอยู่อย่างเดียวว่า “เหตุใดจึงหายไปจากโกทูโน-โลกแห่งมิตรภาพ” แห่งนี้นั่นเอง
ผมจึงได้แต่บอกไปตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่าพักนี้ผมเหนื่อยมาก
ผมไม่มีเวลาพักผ่อนสักเท่าไหร่
ผมเดินทางไปโน่นไปนี่อยู่ตลอดเวลา
กลับบ้านดึกแทบทุกคืน
บางคืนขับรถข้ามจังหวัดคนเดียวโดดๆ เป็นต้นว่า ออกจากกาฬสินธุ์ตอนสี่ทุ่ม มาโผล่ที่สารคามห้าทุ่มและล่วงไปโคราชจนถึงตีสามต้นๆ
บางคืนโผล่ออกจากโคราชเที่ยงคืน จวบจนตีสามโน่นแหละถึงได้มานอนหมดสภาพในห้องหับอันเงียบเหงา ก่อนจะพาตัวเองดุ่มเดินไปสู่ห้องทำงานที่บางครั้งก็ดูจำเจ-จำใจ
หรือแม้แต่ช่วงนี้ก็จำต้องขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างพื้นที่อันเป็นหมู่บ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์กับมหาวิทยาลัยฯ เพื่อดูแลนิสิตที่ออกค่ายการเรียนรู้ชุมชนในชนิดแบบ “ฝังตัว” อยู่ในหมู่บ้าน
เฉกเช่นวันนี้ผมเองก็เพิ่งกลับมาถึงในช่วงตีหนึ่งเศษๆ นี่แหละ
และนั่นก็คือเหตุผลหลักๆ ที่ผมไม่มีพลังเหลือพอที่จะขับแต่งคลอดบันทึกของตัวเองมาสนทนากับทุกๆ ท่าน
กระทั่งวันนี้ จึงได้รวบรวมพลังใจทั้งหมดอีกยก เพื่อคลอดบันทึกสักบันทึก เพื่อยืนยันว่า “ที่ตรงนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ผมรักและหลงรักอย่างไม่จากจาง”
และจากนี้ไปก็เป็นบันทึกที่ยืนยันได้ว่าชีวิตวันนี้หนักหน่วงยิ่งนักกับการพานิสิตและลูกๆ เรียนรู้วิถีชุมชนแบบชนิดฝังตัว “เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง”
แต่ก็ช่างเถอะ เมื่อเทียบกับความสุขที่ได้รับจากการเรียนรู้ร่วมกับชาวบ้านแล้ว “ที่ว่าหนักหน่วงนั้น ช่างน้อยนิด และเทียบไม่ได้เลยกับความสุขที่ผมและนิสิต ตลอดจนลูกๆ ได้รับมาตั้งแต่แดดอ่อนๆ สู่ร้อนจัดจ้า กระทั่งล่วงสู่ห้วงแดดล่มลมตก และสุดท้ายด้วยคืนค่ำที่ฟ้านวลงามด้วยแสงจันทร์อันอุ่นละไม”
ภาพทุกภาพต่อไปนี้ คงบอกเล่าเรื่องราวได้มากกว่าตัวหนังสืออันเทอะทะ และวกวนของผมกระมัง ..
เชิญเถอะครับ...เชิญดูกันเอง
ภาพเหล่านั้น จะทำหน้าที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของมันเอง
แล้วจะรู้ว่า สิ่งที่ผมและคนรอบข้างได้รับมานั้น มีค่ามากแค่ไหน
บางทีท่านอาจจะหันกลับมาถามตัวเองอีกรอบว่า “วันเดียวกันนี้-ท่านทำอะไรบ้าง และมีความสุขกับมันแค่ไหน...”
กินข้าวป่า..เสวนาภูมิปัญญาชุมชน
ปิ้งปลา..ลาบปลา ..
(หนึ่ง)ตำรา.. (สอง)ภูมิปัญญา : กลวิธีการจับปลาแบบพอเพียง
ตบปะทาย : เฮ็ดบุญดิน เฮ็ดบุญน้ำ-ขอขมาลาโทษ ณ ท้ายหมู่บ้าน
บั้งไฟ..เสี่ยงทายฝนฟ้า
เย็บขันหมากเบ็ง..
หลักปักเขตบ้าน..ป้องกันภยันตราย
ตบปะทาย..ภูมิวัดภูมิวา
เวียนเทียน..
และทั้งปวงนี้ คือภาพชีวิตเนื่องในวันวิสาขบูชาของชาวบ้านในหมู่บ้านอันเป็นบ้านเกิดของผมเอง
เช้ายันค่ำ และล่วงเข้าดึกดื่น..แต่เป็นวันและคืนที่หัวใจของผมแช่มชื่นเป็นที่สุด
สวัสดีคะอาจารย์พนัส
เป็นประเพณีที่ดีงามนะคะ
พี่ไม่ทราบว่ามีหลายขั้นตอนแบบนี้
ทราบแต่ว่าไปวัด เวียนเทียน
ขอบคุณนะคะ ความรู้เพิ่มเติม
เจอกันพรุ่งนี้เช้าคะ
สวัสดียามเช้าค่ะ..อาจารย์แผ่นดิน
รู้สึกสดชื่นกับอาจารย์ด้วยจริงๆค่ะ
เป็นความงดงามของวิถีชีวิตที่ผู้คนต่างโหยหากันนะคะ
ในความคิดของตัวเอง..พบเช่นเดียวกันอาจารย์แผ่นดินค่ะ
หากเราให้เวลาตัวเอง..เราจะพบว่าสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็น "รากเหง้า"ที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
ยังคงเป็นวิถีที่งดงามอยู่ในสังคม..
คืนที่ผ่านมาก็พบเช่นกันค่ะ เมื่อเวียนเทียนในตัวเมืองเชียงใหม่
เห็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นจำนวนมากทีเดียวค่ะ เกือบ 40 % ที่ร่วมกิจกรรม
รู้สึกลึกๆค่ะว่า ตื้นตันใจ..กับภาพงามนี้
หากผู้ใหญ่ไม่ทิ้งเด็ก อะไรๆที่เป็นปัญหาคงผ่อนเบาลงนะคะ
เช่นเดียวกับอาจารย์แผ่นดิน..ที่มีภาพน้องดินน้องแดน..และคนข้างเคียงเสมอ
ขอบคุณสำหรับความงดงามของชีวิตที่นำมาแบ่งปันค่ะ..
ทำงาน คือการปฏิบัติธรรม
ขอให้มีความสุขในการทำงานนะคะ
เรื่องราว ที่เป็นวิถีชีวิตคุณพนัสบันทึกไว้อย่างงดงามที่สุดครับ..
------------------------------------------------
ระลึกถึงครับ เอาไว้เจอกันที่หาดใหญ่ ตอนนี้ก็เตรียมตัวเพื่อไปร่วม gotoknow forum ครับ
อ้อ...น้องมะปรางและน้องสี่ ฝากผมให้ขอพี่พนัสเขียนบันทึก "ความเหลื่อมล้ำ" เด็ดๆ สักบันทึกสองบันทึกนะครับ จะได้เอาไปรวมอยู่ในหนังสือครับ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
ทักทายด้วยระลึกถึง ช่วงนี้หัวฟูและยุ่งมากๆ ค่ะ
แต่ก็เหมือนอย่างที่คุณแผ่นดินเอ่ย คิดเช่นเดียวกันค่ะ
...“ที่ตรงนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ผมรักและหลงรักอย่างไม่จากจาง”
และยังชอบประโยคเดิมๆ อยู่ ... เราไม่เหงา เพราะมีคนให้เราได้คิดถึง ... กัลยาณมิตร ทั้งหลายในที่นี้ ขอบคุณนะคะ
...
อิ่มเอม กับ ทุกบันทึกด้วยหัวใจ และ ภาพมีชีวิตชีวา ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากครับสำหรับภาพเรื่องราวดี
แวะมาตลอด หายไปก็รอคอยอยู่ตรงนี้เสมอครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ พี่ประกาย~natachoei ที่~natadee
ยังไม่ไปถึงไหนเลย..รถดับไปเฉยๆ เลยนั่งแช่อยู่ที่ศูนย์ขอนแก่น..
ง่วงมากครับ-
ดีใจเหลือล้นกับการได้มาร่วมกิจกรรมดีๆ ในวันนี้,
ไม่ใคร่ได้ช่วยอะไรนัก แต่ก็ชื่นใจกับความดีที่งดงามของทุกคนที่ก่อเกิดอยู่ในเวทีวันนี้...
ขอบคุณในมิตรภาพอันงดงาม นะครับ
สวัสดีครับ ศน.อ้วน
ปีนี้เป็นปีที่คึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีนิสิตนักศึกษามาร่วมกิจกรรมกับชาวบ้าน เป็นการกระตุ้นให้ชาวบ้านได้หันกลับมาดู "ตัวตน-รากเหง้า" ของตัวเองอีกครั้งอย่างจริงจัง
หลายๆ กิจกรรม ผมพยายามเชื่อมโยงให้เกิดการ "ถอดความรู้" ร่วมกันระหว่างนิสิตกับชาวบ้าน รวมถึงปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า หลายเรื่องที่ทำๆ กันอยู่นั้น ก็หลงลืม "นัยความหมาย" ของชีวิตและวัฒนธรรมไปอย่างน่าเสียดาย
แต่โชคดีมากครับ กิจกรรมเหล่านี้ ได้ถูกขุดค้นรื้อฟื้นร่วมกันอีกครั้ง และนี่คือปฐมบทของการบันทึกเรื่องราวอย่างเป็นลายลักษณ์ไว้ให้ลูกหลานได้อ่าน-ได้ศึกษา
ผมคงได้เล่าในแต่เรื่องแบบรวมๆ กว้างๆ อีกครั้งในบันทึกต่อๆ ไป นะครับ
สวัสดีครับ พี่ แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช
ยังอยู่ที่ขอนแก่นอยู่เลยครับ-รถเสีย...
ขอบคุณเรื่องดีๆ ที่ช่วยกันรังสรรค์ขึ้นนะครับ..
หวังว่าจะมีครั้งที่สองและต่อๆ กันไป-ยุ่งแค่ไหน ก็จะ "มาช่วยมาเป็นกำลังใจ" เหมือนวันนี้, นะครับ
........
สวัสดีครับ คุณเอก.จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
ขอบคุณความระลึกอันแสนงามที่มีให้นะครับ..
กรณี บันทึกว่าด้วย "ความเหลื่อมล้ำ" จะพยายามนะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะ "เด็ด" แค่ไหน เพราะไม่มั่นใจว่า วิถีที่ดำเนินอยู่นี้เป็นกระบวนการหนึ่งของการ ลดความเลื่อมล้ำเฉกเช่นที่พูดถึงในโกทูโน
ครับ,-จะพยายาม นะครับ
รักษาสุขภาพมากๆ นะครับ
....
สวัสดีครับ..คุณปู poo
ต้องขอบคุณโกทูโนครับที่ทำให้เราและเราได้พบพานกันอย่างไม่รู้จบ, และได้สัมผัสความงามของมิตรภาพอย่างไม่กังขา (แม้ยังไม่พบเจอตัวจริงๆ)
ที่ตรงนี้ ช่วยให้ผมรู้สึกเรื่อยมาว่า "โลกไม่มีเงียบเหงา เพียงเพราะมีคนให้เราได้คิดถึง"
....
เช่นกันครับ,
คิดถึงมากๆ
รักษาสุขภาพและความฝันที่มีชีวิตของตัวเอง นะครับ
-ผมเป็นกำลังใจให้
วันนี้ โชคดี เจอท่านแผ่นดิน ตัวเป็นๆ อีกครั้ง ครับ
หน้าคุ้นๆ ใหมครับ
สวัสดีครับคุณแผ่นดิน
ขอพละกำลังและความสดชื่นจงเกิดกับท่านที่ทุ่มเททำงานเพื่อนิสิตและสังคม...ขับรถตอนเหนื่อยๆ ระวังหน่อยนะครับ ถ้าเหนื่อยมากๆแวะจอดพักสักหน่อยก็จะดีนะครับ..ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ. ขอแค่ได้เขียน
ขอบคุณมากๆ เลยนะครับที่ยังคงติดตามบันทึกของผม..
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าจะเล่าให้ละเอียดสักสามบันทึก
ถ้าไม่พลิกฯ ไม่เกินพรุ่งนี้คงได้อ่าน สักสองเรื่องได้กระมัง
ขอบคุณครับ
วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ควรให้ความสำคัญโดยการถือศีลปฏิบัติธรรม
ฟังหัวข้อแล้วปลื้ม "วันและคืนที่หัวใจแช่มชื่นเป็นที่สุด "
แต่เนื้อหาภายในกลับกลายเป็นการส่งเสริมการทำบาป
มีการจับปลา ฆ่าปลา เผาปลาอย่างสนุกสนาน
ท่านคิดอย่างไรจึงเขียนออกมาเช่นนี้ไม่ไตร่ตรองเลยหรือ
เด็กนักเรียนในเวบนี้ก็มาก
สวัสดีครับ..พี่คิม
ยินดีกับรางวัลสุดคะนึง นะครับ..
ค่ายนี้ หลักๆ คือพานิสิตไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชน โจทย์การเรียนรู้ชาวบ้านเป็นผู้กำหนดขึ้น...
นิสิตไปดู เก็บข้อมูลและวิคราะห์ พร้อมๆ กับแลกเปลี่ยนไปในตัว พอตกดึกก็มานั่งสังเคราะห์ร่วมกัน และไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะนำเสนอต่อชุมชนอีกรอบ พร้อมๆ กับการผลิตเป็นสื่อการเรียนรู้ให้ชุมชนไปในตัวด้วยเหมือนกัน
....
สวัสดีครับ คุณเบดูอิน
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ..
กรณีภาพที่พูดถึงนั้น ถ้าหมายถึงหัวบล็อก หรือหัวบันทึกนั้น น้องในทีมงานที่สำนักงามทำให้ ผมเลือกภาพนี้เพราะดูเป็นธรรมชาติ เป็นภาพที่ผมกำลังกึ่งพูดกึ่งบรรยายให้นิสิตชาวค่ายได้รับฟังในชุมชนแห่งหนึ่ง โดยใช้กระบวนการง่ายๆ ..ภายใต้บริบทของร่มไม้เป็นแหล่งเรียนรู้
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ...อิงจันทร์
ระลึกถึงเช่นกันนะครับ.
ค่ายครั้งนี้ ใช้เวลาอยู่ในชุมชนสิบคืนเลยก็ว่าได้ เราใช้ชีวิตไหลรื่นไปกับชาบ้าน ยึดขนบวัฒนธรรมของชาวบ้านเป็นแบบเรียน ยังไม่ได้เปิดเวทีชาวบ้านอย่างเป็นรูปแบบ
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เริ่มเห็นการตื่นตัวของชาวบ้านที่หันกลับมามองเรื่องราวเก่าๆ ของตัวเองบ้างแล้ว และนั่นก็คือประเด็นที่เราคาดหวังไว้ลึกๆ ส่วนการร่วมถกคิด วิเคราะห์ต่างๆ นั้น จะตามมาในเร็วๆ นี้...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ อ.JJ
ผมเองก็ดีใจเช่นกันที่ได้เจอกับอาจารย์แบบตัวเป็นๆ อีกครั้ง
เพราะที่มหาวิทยาลัย ก็แทบไม่ได้เจอกันเลยก็ว่าได้
ผมเองยังต้องเดินทางเข้าออกระหว่างค่ายกับมหาวิทยาลัยฯ...
วิถีค่าย หรือการเรียนรู้ของนิสิต ก็ยังต้องค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับค่ายนี้ ก็เป็นค่ายที่ฉีกออกมาจากค่ายทั่วๆ ไป เพราะเน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ไม่ใช่การไปค่ายเพื่อสร้างสิ่งใดๆ ในเชิงวัตถุ
กำลังเริ่มถอดบทเรียนร่วมกันระหว่างนิสิตกับชาวบ้าน...
คงได้เห็นเรื่องเดียวกันที่มีมุมมองหลากมุมในเร็ววันนี้แหละครับ โดยเฉพาะมุมมองของคนรุ่นเก่ากับหนุ่มสาวที่เข้าไปเรียนรู้กับชาวบ้าน
....ขอบคุณครับ...
สวัสดีครับ..ผมคนโสตฯครับ
ขอบคุณในกำลังใจและความปรารถนาดีที่มีต่อผมนะครับ
คืนที่ผ่านมา พักเต็มที่ ตอนนี้สดชื่นและมีพลังเหมือนเคยแล้ว กำลังเตรียมที่จะไปประเมินนิสิตที่ฝังตัวอยู่ในชุมชน ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่ก็เชื่อว่า นิสิตจะต้องได้อะไรบ้าง ทั้งในมิติของการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างชาวค่าย และการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านจากอดีตถึงปัจจุบันที่ดูเหมือนจะเริ่มปะติดประต่อในเชิงข้อมูลบ้างแล้ว
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ.. วราภรณ์ ธรรมทิพย์สกุล
ในมุมมองของผมเอง ความเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านนั้น มองกันได้หลายมุมมองมาก บางเรื่องตีความได้กว้างไกล บางเรื่องคงอยู่เป็นปัจจุบัน บางเรื่องจากหายไปตามยุคสมัย
ค่ายครั้งนี้ จึงเป็นการไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชุมชน จัดเก็บข้อมูลในด้านต่างๆ จัดเวทีชาวบ้านสังเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย นำไปสู่การทำแผนหมู่บ้านไปในตัว
เรายึดนาฏการณ์ของชาวบ้านเป็นที่ตั้ง..ถือว่าภาพชีวิตที่เกิดขึ้นเป็นข้อมูลที่ต้องนำมาจัดเก็บและถกคิดร่วมกันอีกรอบ ซึ่งจะมีเวทีแลกเปลี่ยนร่วมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พ.ค. นี้.. ความเหมือนและความต่างระหว่างมุมมองของนิสิตกับชาวบ้านก็จะถูกนำมาเสวนากันแบบมีมิตรภาพ ด้วยกระบวนการของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน...ซึ่งคงได้บอกเล่าในบันทึกถัดไป
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณไอสูรย์ฯ
ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอขอบคุณมากๆ ที่แวะมาให้คำชี้แนะอันดีต่อบันทึกนี้ ถึงแม้ดูฟังดูจะเป็นการติติงซะมากกว่า..กระนั้น ก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
กิจกรรมค่ายครั้งนี้ ผมนำนิสิตไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน โดยไม่ใช่ค่ายที่เป็นการสร้างวัตถุใดๆ...เน้นการกินอยู่ในหมู่บ้านแบบ "ฝังตัว" พบปะชาวบ้าน พูดคุยและจัดเก็บข้อมูลจาก "ปากคำ" ของชาวบ้านเป็นหลัก เพื่อนำมาบันทึกและขยายผลไปสู่หนังสือการเรียนรู้ของคนในชุมชนนั้นๆ...
กิจกรรมวันนั้นก็เช่นกัน...
ชาวบ้านเป็นคนกำหนดรูปแบบเสียทั้งหมด วันๆ เดียวกันนี้ มีโจทย์การเรียนรู้ร่วมกันอยู่หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ การเรียนรู้วิถีของการใช้ทรัพยากรร่วมกันของชาวบ้าน โดยชาวบ้านพานิสิตไปเรียนรู้แหล่งน้ำอันเป็นเสมือน "ธนาคารปลา" ของชาวบ้าน ที่มีไว้เพื่อเพาะเลี้ยงปลาและจะใช้ประโยชน์ในงานบุญต่างๆ รวมถึงการใช้เลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง โดยไม่ต้องเสียสะตุ้งสตางค์ไปซื้อขายมาจากตลาดในเมือง...
เชนเดียวกัน ก็ผูกโยงไปว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นโรงเรียนปลูกข้าวของชาวบ้าน มีการลงแขกร่วมกัน ทั้งการปักดำและเก็บเกี่ยว..แต่ละปีมีการ "เกี่ยวข้าวใหม่ กินปลามัน" ตาม "ฮีตคอง" ของชาวอีสาน เป็นต้น..
....
แน่นอนครับ..ผมอาจดูเหมือนไตร่ตรองน้อยไปสักนิดเกี่ยวกับความเป็นวันวิสาขบูชากับวิถีของการกินปลาและจับปลาในแบบชาวบ้านๆ ..แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาใดๆ มากถึงขั้นการชี้นำให้ในทำนองว่าวันนี้เป็นวันส่งเสริมการทำบาป...
ผมว่า..นักเรียนมีพื้นที่อื่นที่ควรต้องเรียนรู้เป็นหลัก พื้นที่ตรงนี้ก็เป็นพื้นที่ของคนทำงาน แต่ก็อย่างว่า โลกของการเรียนรู้ไม่กั้นขวางสถานะใดๆ ..
และภาพที่นำเสนอนั้น จริงแท้ก็เป็นภาพชีวิตหลักของชาวบ้านที่ต้องบันทึกไว้ว่าเป็นขนบของพวกเขาโดยแท้ ก็ไม่ต่างไปจากวาทกรรมที่กำลังรณรงค์ห้ามดื่มเหล้าเบียร์ในเทศกาลต่างๆ ทางศาสนา หรือมแต่พิธีกรรมต่างๆ นั่นแหละ - แต่เอาเข้าจริง เราต่างยึดปฏิบัติกันได้จริงแค่ไหน และสิ่งที่ผมยังไม่เขียนเลยก็คือ การขยายบันทึกนี้ให้เห็นความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นของชุมชนนี้ ซึ่งผมก็คิดว่า มันเกี่ยวโยงและสัมพันธ์กับไปหมด...
แน่นอนครับ..ผมยืนยันว่า บันทึกนี้ไม่ใช่ส่งเสริมการทำบาป...และเชื่อว่าคนอื่นๆ มีวิถีการไตร่ตรองที่แยกแยะได้ และคิดว่า การแนะนำด้วยความเป็นมิตร คือ วิถีบุญทางใจที่เราควรมีต่อกัน...อย่างจริงใจ ผมเองเสียดายที่คุณไอสูรย์ฯ ไม่แสดงตัวในระบบ ผมจะได้อธิบายอะไรให้มากกว่านี้ และแลกเปลี่ยนกันด้วยความเป็นมิตรมากกว่าอื่นใด
ผมขออภัยนะครับ
แต่คิดว่า ..ผมเขียนแบบไตร่ตรองแล้ว หลงเหลือแต่การขยายความในเชิงวัฒนธรรมชุมชนเท่านั้นเอง
และยืนยันว่า ไม่มีเจตนาชี้ให้เห็นว่า หมู่บ้านนี้ ทำบาปในวันวิสาขบูชานะครับ...
ขอบคุณด้วยความสัตย์จริง...
ขอบคุณมากๆ...อีกครั้ง นะครับ
วันวิสาขบูชา ควรงดการฆ่าทุกชนิด อย่างเคร่งครัดค่ะ ถ้าชาวบ้านจะทำได้ในกรณีนี้จะเป็นค่ายที่มีคุณค่ามากค่ะ นิสิตก็จะได้เข้าใจแก่นของพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น "บาปเป็นทุน บุญเป็นกำไร" ขอให้กำลังใจในการทำงานนะคะ
เหนื่อยก็พัก
หายเหนื่อยก็กลับมาเขียนใหม่นะครับ
สวัสดีครับ..ครูบ้านนอก
ขอบคุณข้อแนะนำดีๆ นะครับ ผมได้ตรวจต้นฉบับการบันทึกข้อมูลของนิสิตแล้ว มีประเด็นเหล่านี้อยู่ในนั้นด้วย ที่ไม่แย้งกับชาวบ้าน เพราะเห็นว่า เป็นการจัดการของชาวบ้านทั้งหมด แต่ข้อเสนอแนะนั้น จะถูกนำเสนอต่อชุมชนในวันที่ 14 พ.ค.นี้
แต่นิสิตได้ถกกันแล้วว่า การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในวันสำคัญเช่นนี้ไม่เหมาะสมยิ่งนัก ละวางได้เป็นประโยชน์สูงสุด แต่ก็มีการแซวกันเหมือนกันว่า ...เพิ่อปากท้อง (บาปน้อยหย่อย)...
ขอบคุณครับ,
ขอบคุณคำเสนอแนะที่สัมผัสได้ถึงมิตรภาพและความงามของจิตใจ
โชคดี ครับ
ถ้าต้องการคงไว้ซึ่งเนื้อหาสาระของชาวบ้าน
ก็ไม่ควรตั้งหัวเรื่องที่เอา "วันวิสาขบูชา" ไปเกี่ยวข้องด้วย เสียภาพพจน์
ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกันชา... คะ
ต้องมีสติในการเขียนนะคะ อย่าให้ขัดกันระหว่างเนื้อหาและการจั่วหัวเรื่องนะคะ
สวัสดีครับ
คุณปรเมศร์ ธำรงค์รัตน์
คุณยุพดี ศรีจันทร์
ขอบคุณในทุกๆ คำแนะนำ ชี้แนะข้างต้นนะครับ ขอน้อมรับไว้ด้วยใจ และเบื้อต้นผมได้ปรับชื่อเรื่องตามที่ควระต้องเป็น แล้วนะครับ
และขอบคุณและขออภัยมา ณ โอกาสนี้อีกครั้ง