ในวันพรุ่งนี้ผู้เขียนคงต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อร่วมงานทำบุญงานศพครบ 7 วัน ของ...แวฮามะ..เพื่อนของผู้เขียนซึ่งจากไปเมื่อ 7 วันที่ผ่านมากับเพื่อนๆ ในกลุ่มสมัยเรียนชั้นประถมศึกษา
การจากไปของแวฮามะ หรือมะของเพื่อนๆ ทิ้งข้อคิดบางอย่างไว้ให้ผู้เขียนและผองเพื่อนพร้อมๆ กับการสูญเสีย
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้รับเมล์จากเพื่อนอีกคนที่อยู่กรุงเทพฯ เป็นเรื่องของการให้กระตุ้นเตือนใจให้กระทำการอันใดก็ตามกับคนที่เรารักไม่ว่าจะเป็นการพูดบอกรักเค้าหรือการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมแห่งความรักและความปรารถนาดีต่อคนที่เรารัก “ใครๆ ก็ทราบน่า....แต่ใครจะปฏิบัติล่ะ....(นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)” นั่นเป็นความคิดแรกของผู้เขียนในขณะที่ได้รับเมล์นั้น
ถัดมาประมาณหนึ่งเดือน.....ข้อความในเมล์นั้นได้ย้อนกลับมาให้ผู้เขียนได้ตระหนักคิดถึงข้อเท็จจริงอีกครั้ง เมื่อเพื่อนของผู้เขียน...แวฮามะ...จากไป พร้อมๆ กับการนึกโกรธตนเองที่มิได้กระทำการอันใดในก่อนหน้านี้
ในละแวกบ้านของผู้เขียนจะมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกันมาตั้งแต่เด็กๆ 3 คน คือมะ, ปืน และผู้เขียน ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนั่นเอง ก็พอที่จะไปมาหาสู่กันได้ แต่บ้านของผู้เขียนกับมะอยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตรด้วยซ้ำไป และตรงกันข้ามบ้านของมะคือบ้านของปืน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ในชั้นประถมศึกษาห้องเดียวกัน มะนับถือศาสนาอิสลาม ปืนกับผู้เขียน และเพื่อนคนอื่นๆ นับถือศาสนาพุทธ แต่นั่นไม่ใช่ตัวกีดกั้นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเรา พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดมาจนโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ ณ วันนี้คงเหลือเพียงภาพความทรงจำที่ดีระหว่างพวกเราเท่านั้น
ตั้งแต่เด็กๆ เราเรียน, เล่นด้วยกันมาตลอด จนถึงชั้น ป.4 เมื่อคุณครูภาษาอังกฤษสาวสวยบรรจุใหม่มาจากกรุงเทพฯ พวกเราตื่นเต้นกันมาก เพราะคุณครูมาอยู่บ้านพักและชวนเด็กๆ ในละแวกโรงเรียนให้ไปนอนเป็นเพื่อนคุณครูที่บ้านพักในตอนกลางคืน ผู้เขียนและเพื่อนๆ อีกประมาณ 5 – 6 คนรวมถึงมะด้วยได้ถูกรับเชิญจากคุณครู(นับเป็นเกียรติอันสูงสุดของเด็กในวัยนั้นอย่างพวกเรา) พ่อแม่ของแต่ละคนก็มาส่งกันที่บ้านพักครูและตอนกลางคืนคุณครูก็สอนภาษาอังกฤษให้ นับเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีใครเคยเรียนมาก่อน เสร็จจากการเรียนเราก็เล่นกันต่อตามประสาเด็กๆ จนต่างคนต่างง่วงผล็อยหลับกันไป ในตอนนั้นเด็กผู้ชายตัวผอมแห้งที่โดนเพื่อนแกล้งมากที่สุดเห็นจะเป็นมะ แต่มะก็ไม่เคยโกรธใคร มะจึงเป็นคนที่เพื่อนๆ รักมาก แม้ว่ามะจะเรียนไม่เก่งเท่าเพื่อนๆ คนอื่นๆ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา จนกระทั่งจบชั้นประถมศึกษา เมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษาเราก็ไปเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน แต่อยู่กันคนละห้อง และชีวิตก็เริ่มแยกย้ายกันไปตามเส้นทางชีวิตของใครของมัน จนผู้เขียนมาเป็นครู มะเองก็ก้าวเข้ารับตำแหน่งเจ้าของร้านน้ำชาแทนพ่อ ปืนก็กลายเป็นช่างซ่อมจักรยานยนต์มือฉมังและเจ้าของสวนยางที่ตัดด้วยตนเองในตอนย่ำรุ่ง ทุกครั้งที่เราเจอกันความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนไม่เคยเปลี่ยน แม้ไม่ได้พูดจากัน ขับรถผ่านบ้านกันแค่สายตาและรอยยิ้มที่ส่งให้กันต่างคนต่างก็รู้กันว่าเพื่อนก็คือเพื่อนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง จนเมื่อผู้เขียนย้ายกลับมาทำงานในบ้านเกิด เราพบเจอกันบ่อยขึ้น และแทบจะทุกครั้งที่เจอะเจอมะจะตะโกนเรียกให้ผู้เขียนแวะเข้าไปดื่มน้ำชาที่ร้านเค้า ด้วยคำพูดเดิมๆ ที่คุ้นหู “ครูแอน....ม๊า..มากินน้ำชาร้านเราก่อนมา” นี่คือน้ำใจของมะที่มีให้เสมอมา จนเมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบเริ่มเข้ามาในหมู่บ้านของผู้เขียน มะกลับเป็นคนเดียวที่ผู้เขียนและเพื่อนๆ สนิทใจมากที่สุดแต่กระนั้นพวกเราก็ไม่มีใครกล้าแวะเข้าไปทักทายเพื่อนถึงในร้านเหมือนเก่า ด้วยร้านของเพื่อนมักมีคนแปลกหน้าที่เราเองก็ไม่รู้จักมานั่งกินน้ำชาอยู่บ้าง จึงเป็นความห่างตามสภาพการณ์โดยที่ใจไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น จนมะเริ่มมีอาการป่วยแต่เพื่อนๆ กลับไม่มีใครทราบแม้แต่คนเดียว (ขนาดบ้านใกล้กันแค่นี้) แรกเริ่มเดิมทีด้วยเข้าใจว่าที่มะหายไปจากบ้านเพราะย้ายไปอยู่บ้านภรรยาที่ปัตตานีเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงลูกเล็กๆ ที่เพิ่งคลอดนั่นเอง โดยหารู้ไม่ว่าการจากไปในครั้งนั้นของมะคือภาวะการณ์แห่งการจากไปและไม่กลับมาอีกแล้ว
.......นอนหลับให้สบายเถอะเพื่อน ขอให้ไปพบพระเจ้านะเพื่อนคนดี.....
สิ่งหนึ่งที่หากย้อนเวลากลับไปได้....ผู้เขียนและผองเพื่อนจะเข้าไปเยี่ยมมะหากรู้ว่าเขาป่วยก่อนที่เขาจะย้ายไปปัตตานี และจะคอยให้กำลังใจแก่เขา...เพื่อนที่พวกเรารักแม้จะต่างศาสนากันก็ตาม ด้วยเราเป็นเพื่อนกัน
ณ วันนี้การที่ผู้เขียนได้ตระหนักถึงข้อความในเมล์ที่ได้รับคงสายไปแล้ว.....สำหรับผู้เขียนและเพื่อนๆ ที่จะแสดงออกซึ่งความรักฉันท์เพื่อนที่มีต่อแวฮามะเพื่อนของพวกเรา แต่กระนั้นข้อคิดที่ได้รับระหว่างเรื่องราวของแวฮามะกับผองเพื่อนและผู้เขียน คงยังไม่สายสำหรับผู้อ่านหากจะย้อนถามตนเองว่า ณ วันนี้สิ่งที่อยู่ในใจคุณนั้นคุณได้พูดบอกกล่าวหรือแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่ดีๆ ให้คนที่คุณรักรับรู้แล้วหรือยัง ทำเถอะค่ะ ก่อนที่จะสายเกินไป และคุณก็จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก และจะได้ไม่ต้องมีความคิดนี้แว๊บขึ้นในใจอีก “ใครๆ ก็ทราบน่า....”
วันนี้แปลกจังค่ะ..รู้สึกว่า.เข้าไปอ่านบล็อกใครก็เหมือนจะสื่อในประเด็นเดียวกัน...ในเรื่องชีวิตและจิตวิญญาณ..ปรัชญา.ชีวิต..แนวนี้
ขอบคุณค่ะ..สำหรับข้อคิดดีๆ.สำหรับชีวิต..
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ..ในภายหลัง..กับคำว่า."ถ้ารู้อย่างนี้..."...
หวัดดีค่ะครูแอ๊ว
สวัสดีครับอาจารย์แอน
ผมเองก็เคยมีประสบการณ์เหมือนครูแอนและยังเสียใจมาจนทุกวันนี้ครับ
บางครั้งเราคิดจะทำแต่ก็ผลัดไปว่าต่อโพลกก็ได้มั้ง...การผลัดวันประกันพรุ่ง ครูเคยสอนเสมอว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี...แต่ไม่รู้ใส่เราลืมทุกที...อิอิ
ความเป็นเพื่อนแม้นไม่เจอกันถึงสี่สิบหวาปี เช่นผมกับเพื่อนแมวเพื่อนหมุนลำไพล คุณแฉล้ม สันสีเมืองเกษตรอำเภอเทพา สามคนนี้เป็นเพื่อนนักเรียนกันกับผมตั้งแต่จำความได้ ที่โรงเรียนบ้านครูน้อยที่โคกโพธิ์ แม้จะนานมาแล้วแต่ในใจเรายังมีความเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอครับ ไม่ได้หายไปกับกาลเวลาหรือระยะทาง เจอกันเมื่อไรความทรงจำเก่า ๆ ก็จะผุดขึ้นมาออกดอกเหมือนเดิม...มหัศจรรย์มากครับเรื่องแบบนี้
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะนายช่างใหญ่
สวัสดีค่ะ * บันทึกนี้เขียนได้ซาบซึ้งค่ะ * ชอบ......มะนับถือศาสนาอิสลาม ปืนกับผู้เขียน และเพื่อนคนอื่นๆ นับถือศาสนาพุทธ แต่นั่นไม่ใช่ตัวกีดกั้นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเรา พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดมาจนโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ ณ วันนี้คงเหลือเพียงภาพความทรงจำที่ดีระหว่างพวกเราเท่านั้น.....
สวัสดีค่ะพี่พรรณา
บอกรักด้วยการกอดกันค่ะ...รักกันๆๆๆๆๆๆ
^ ^
งั้นฝากกอดกลับไปสุรินทร์ ด้วยล่ะกันคะพี่กั๊ตจัง....บอกว่า "ฝากมาจากสงขลา" นะคะ ขอบคุณค่า....อิอิอิ
สวัสดีเจ้าค่ะ คุณครูแอน คนสวย คิคิ
น้องจิ แวะมากอดเหมือนคุณครูกั๊ต เจ้าค่ะ คิคิ กอดๆๆๆๆๆๆ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^
หวัดดีจ้า...สาวน้อยคนสวย
หวัดดีจ้ะ...น้องแอน
สวัสดีค่ะ
* ครูพรรณาได้พบนักศึกษาชาวอิสลามคนหนึ่งเมื่อ ๒ ปีก่อน...เขาเรียนเศรษฐศาสตร์ม. รามฯ....ขึ้นรถไฟนั่งใกล้กัน...เหตุที่ใกล้กันเพราะโบกี้ที่เขานั่งมีเขาเพียงคนเดียวอยู่ท้ายขบวน...ตอนเข้ามานั่งใหม่ ๆ ครูพรรณา ( หัวขบวน )...ก็ไม่ค่อยไว้วางใจ...แต่เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วสัก ๑๐ นาที...ครูพรรณา..ชวนคุยถามโน่นถามนี่.....ปรากฎว่าน้องน่ารักมาก...ตื่นเช้าขออนุญาตไปล้างหน้าล้างตาแล้วทำละหมาด....เขาขอพื้นที่จากผู้โดยสารที่นั่งคนเดียว.....ใกล้ถึงอุดรแล้ว...คนลงรายทางไปมากแล้ว...ครูพรรณา...เพิ่งเคยเห็นการละหมาดเป็นครั้งแรก....น้องทำได้น่าศรัทธาค่ะ...ก่อนจากกันครูพรรณา มอบขนมให้ ๑ ถุงไว้กินกลางทาง...เขาขอบคุณและดีใจมากที่พบกันและเป็นเพื่อนคุยกันตลอดคืน....สองข้างทางรถไฟคืนนั้เดือนสว่าง...มีผู้โดยสารไม่หลับไม่นอนอยู่ ๔ คน เป็นคนภาคกลาง ๒ คน คือครูพรรณากับพี่สาว..หนุ่มชาวอุดร อำเภอที่ออกห่างเมืองไปไกล ๆ ( เดินทางต่ออีกเกือบวันกว่าจะถึงบ้าน ) ๑ คน และหนุ่มอิสลามชาวปัตตานี ๑ คน
* สมัยเด็ก ๆ ครูพรรณาก้มีเพื่อนเป็นชาวอิสลามเหมือนกัน...สนิทมากด้วย...แต่เขาอยู่ที่พิจิตร...จนจะกลายเป็นไทยแล้วค่ะ
*ขณะนี้ที่โรงเรียนก็มีลูกจ้างชั่วคราวเป็นหญิงอิสลาม...แต่งงานกับคนไทย...เธอปฎบัติทั้ง ๒ ศาสนา...แนวคิดเธอดีมาก....หนูอยู่ที่ไหนก็ต้องพูดคุยกับคนในสังคม...ถ้ามีงานบุญในสังคมที่เราอยู่แล้วเราไม่ไปร่วมด้วย...คงต้องอยู่คนเดียวในโลกของศาสนาอื่นหรือ....หนูไม่เห็นด้วยหรอกค่ะ...
หวัดดีค่ะพี่อ้อย
หวัดดีค่ะพี่พรรณา
พี่อ็อดคะ
ตอนนี้หากอยากจะทำอะไรดีๆ แล้วนี่...แอนไม่มีกั๊กไว้ (แบบไว้ฟอร์ม)แล้วล่ะค่ะพี่ ทำเลย...หากคิดว่าดีแล้วพิจารณาแล้ว..ดี.. เพราะมีบทเรียนแล้วน่ะค่ะพี่
ในภาพ...เป็นครั้งที่พี่อ้อยมาเยี่ยมที่โรงเรียนแอนค่ะพี่อ็อด...ตอนที่ อ.ขจิต มาช่วยทำค่ายภาษาอังกฤษน่ะค่ะ มีพี่ไมตรี(พี่ยาวเกษตรยะลา) และพี่ปรามรภ์ด้วยค่ะที่มาเยี่ยม อ.ขจิตและค่ายของเรา
ทั้ง 3 ท่านน่ารักมากเลย แต่ไม่กล้ากอดพี่ยาว...อิอิอิ ...(กลัวเป็นเรื่อง5555)พี่ปรารมภ์ก็กอดไม่รอบด้วยล่ะค่ะ อ๊ะ..ล้อเล่นน่ะค่ะ เลยแอบกอดพี่อ้อยคนเดียวก่อน..กอดรอบเลย...
พี่อ็อดขา..พี่กั๊ดบอกว่าถ้าจะไปกอดพี่กั๊ตละก้อ...ให้แอนชวนพี่อ้อยไปกอดด้วยเดี๋ยวไม่รอบทั้งตัว...จริงหรือคะพี่อ็อด ฮาๆๆๆ...อ๊ะ..ล้อเล่นอีกน่ะค่ะ
ดีใจจังค่ะที่ได้รับรู้ข่าวว่าอาการพี่ดีขึ้นแล้ว เป็นปกติแล้ว 3 ซ.ม. ไม่น่ากังวลใช่มั๊ยคะพี่ แค่ 50 บาทเองยังพอไหวค่ะพี่ บางคุณหมอค่าพูดคุยด้วยแพงกว่าที่พี่เจออีกน่ะค่ะ...ดีแล้วค่ะที่อาการดีขึ้น
อา..ขอความกรุณาช่วยบอก..คุณนารี...ให้แอนหน่อยนะคะพี่อ็อด..บอกว่า..ถึงแม้คุณหมอบอกว่าจิ๊บๆ สำหรับ 3 เซ็นต์ แต่ก็วานคุณนารีกรุณาอย่าโลดโผนนักนะคะ...มีน้องๆ หลายคนเป็นห่วงอยู่ค่ะ...ขอบคุณครับผม
สวัสดีครับ
ปกติคนจากไปแล้ว เราจะมีความเสียใจ เศร้า แล้วคิดถึงเรื่องเก่าๆที่เราได้สัมผัสกันอยู่ร่วมกันทำงานร่วมกันเล่นร่วมกัน เป็นอดีตที่มีความสุข
เป็นการรำลึกที่ไม่สามารถหวนคืนชีวิตกลับไปได้
ยิ่งถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่ดีมากๆในสายตาเรา พฤติกรรมดีๆที่น่าจดจำ ยิ่งทำให้เราเศร้าใจยิ่งนัก
และทำให้คิดได้ว่า "คนดี" จะให้ได้ต่อเมื่อได้เสียชีวิตไปแล้ว
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะคุณสิทธิรักษ์
ขอบคุณที่แวะเวียนมาเยี่ยมค่ะ
เพื่อน...เป็นอีกคนที่เติมเต็มประสบการณ์ในชีวิตให้เราค่ะ การมีประสบการณ์ร่วมกันทำให้เกิดเป็นความทรงจำค่ะ เป็นความทรงจำดีๆ ซะด้วย แม้เป็นอดีตก็มีความสุข เช่นเดียวกับที่คุณสิทธิรักษ์กล่าวไว้เช่นนั้นจริงๆ
ขอบคุณนะคะ
หวัดดีค่ะพี่อ้อย
หวัดดีจ้ะ...น้องแอน
อากาศร้อนมากเลยน้องแอน...แวะมากอดน้องแอนอีกรอบจ้ะ ถ้าเจอกันคราวหน้าก็ต้องกอดกันอีกอยู่แล้ว อิอิ...ดูแลตัวเองด้วยนะจ้ะน้องสาวที่คิดถึง
หวัดดีค่ะพี่อ้อย
สวัสดีจ๊ะ น้องแอน คนสวย
สวัสดีค่ะครูแอน
หวัดดีค่ะพี่ปู
หวัดดีค่ะครูมิม
สวัสดีค่ะ..คุณครูแอน
อ.ขจิต แนะนำน้องไก่มานะคะ
อ่านเสร็จแล้วก็รีบโทรหาแม่เลยค่ะ (โทรไปบอกว่าคิดถึงค่ะ)
ตอนนี้น้องไก่ก็มีปัญหากับเพื่อนเหมือนกันค่ะ เค้าไม่เข้าใจ....คิดว่าน้องไก่ไม่มีเวลาให้ โทรไปง้อตั้งหลายครั้งแล้วค่ะ
ขออนุญาตส่งบันทึกนี้ให้เค้าอ่านหน่อยนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ตามมาอีกรอบพี่แอน บันทึกนี้เศร้าจัง........
หว้ดดีค่ะพี่ปู
หวัดดีค่ะน้องไก่
อ้าว....เหรอครับ
มันจะไม่เศร้าสำหรับผมนะ....หากผมจะบอกเค้าซะในสิ่งที่ผมอยากบอก,อยากทำให้เค้า ก่อนที่จะไม่มีเค้าให้บอกหรือให้ผมทำสิ่งดีๆ ให้เค้าไงครับผม
สวัสดีจ๊ะ น้องแอนจ๊ะ
เอ๋า....ทำอะไรเหรอ....คิดมากไปป่าวครับน้อง...
ก็ไปบอกเค้าไงล่ะ...ใครล่ะที่ผมรัก แม่ผมงี้ๆ สาวๆ ผมงี้ ผู้ที่ผมรักเค้าไง ไปบอกเค้าว่าผมแคร์เค้านะ รักเค้านะ ทำสิ่งดีๆ ให้ไง เค้าจะได้ปลื้มผมซะทีน่ะ....คิดอะไรไปไหนน่ะน้อง....
พี่ปู....ฟ้องๆๆ นายขจิตกวนโอ๊ยๆๆมากๆ ว๊ากซ่อมดีมั๊ยคะพี่ 2 ชั้นปีเล่นงานเจ้าน้องจอมกวนทีเดียวกันเลย รับรองไม่กล้าซ่าส์อีกแน่ๆ เลยพี่
เพื่อนๆ แอนคงไปหลายคนน่ะค่ะ อยากไปๆๆ แต่ไปไม่ได้ แงๆๆๆๆ
ครั้งหลังสุดที่ไปรวมตัวกันตอนงานแต่งเจ้าโดม เทคโนน่ะค่ะ มีเกษร ฝน เขียว ถั่วเขียว นายจอย(จาตุรงค์ สุขเอียด) ธนูเดชด้วยล่ะค่ะ กุ้ง เทคโน ส่วนใหญ่เทคโนน่ะค่ะพี่ วันนั้นมี เอกอังกฤษ 2 คน แอนกะถั่วเขียว แฮ่ะๆๆ
ฝากใจไปด้วยคนพร้อมกะพี่นะคะ
ได้เลยจ๊ะ แอน
อ่ะ ระหว่างนี้ฝากปลาทูทอดมาให้กินเป็นข้าวเย็นไปก่อนนะ
หุหุ
ได้เลยจ๊ะ แอน
อ่ะ ระหว่างนี้ฝากต้มยำกุ้งมาให้ถ้วยนุง อ่ะ
หุ หุ
หวัดดีค่ะพี่ปู