ตรวจคนเข้าเมืองที่ดีทรอยท์


ประสบการณ์ส่วนตัวตอนตรวจคนเข้าเมืองที่ดีทรอยท์ มิชิแกน

เนื่องจากนั่งอยู่แถวหน้ามากๆ พอลงจากเครื่องมาปุ๊บ ก็เตรียมถือเอกสารพาสปอร์ตกับ I94 แล้วก็ใบ customs immigration ไว้เรียบร้อย เดินไปตามทางที่ชี้ว่าตรวจคนเข้าเมือง แต่อย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว เพราะเครื่องลำนี้เข้าประเทศสหรัฐจุดแรกที่เมืองนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น citizen หรือไม่ ก็ต้อง ตม. อยู่ดี

ตอนเข้าคิว คนที่เป็นซิติเซ่นก็ไปเข้าแถวของเขา ซึ่งสั้นกว่าคนต่างชาติมาก และเครื่องบินก็ลงหลายลำติดกัน ดังนั้นแถวจึงไม่มีว่าง แต่ตัวเองโชคดี ตอนเดินผ่านเจ้าหน้าที่เขาเปิดแถวใหม่พอดี ก็เลยได้คิวที่สองของแถวนั้น ก็เหมือนของเมืองไทยค่ะ คือไปยืนรอที่เส้น พอคนก่อนหน้าเราเสร็จ ถึงจะเดินไปที่เคาท์เตอร์ได้ พอไปถึงก็ทักทายสวัสดี (เราพูดก่อน) เสร็จแล้วก็ยื่นเอกสารให้เขา เอกสารเข้าเมืองของตัวเองนอกจาก passport, visa, I94, และ customs immigration แล้ว ก็จะมีใบDS2019 ซึ่งเป็นใบที่ทาง Fulbright ส่งมาให้ ในนั้นจะระบุว่าเราเป็น visitor ประเภทไหน มาทำงานเรื่องอะไร หน่วยงาน/มหาวิทยาลัยใดเป็นคนจ้างเราหรือให้เราเข้ามาทำงาน ระยะเวลาทุน ฯลฯ ใบ DS2019 นี้จะคล้ายๆ กับใบ I-20 ซึ่งก็คือเอกสารตอบรับของมหาวิทยาลัยที่รับเราเข้าเรียนต่อนั่นเอง ใบ DS2019 หรือ I-20 นี้จะต้องนำไปยื่นตอนขอวีซ่าที่สถานทูตอเมริกัน แล้วเขาจะเอาเอกสารนี้ใส่ซองปิดผนึกเรียบร้อยแล้วเย็บติดกับพาสปอร์ตเราไว้ เขียนหน้าซองว่า "ให้เปิดซองโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น" (To be opened by immigration officer)

พอดิฉันยื่นเอกสารพร้อมพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ ตม. เขาก็เปิดซองออกดูเอกสารแล้วก็ถามว่าดิฉันทำงานอะไร มีวัตถุประสงค์ใดในการเข้าประเทศของเขา ดิฉันก็บอกว่าเป็นอาจารย์มาทำงานวิจัย เขาก็แสตมป์และลงลายมือชื่อเขา ๓ ที่ด้วยกันคือที่หน้าที่มีวีซ่า ที่ใบ I94 ขาออก (ใบขาเข้าเขาฉีกออกไป) แล้วก็ที่ DS2019 เป็นอันเสร็จพิธี ประมาณนาทีกว่าๆ ลืมบอกไปว่าเขาคืนใบ customs immigration มาด้วย 

ดิฉันก็ดีใจมากเสร็จเร็ว รีบเดินออกมาตรงสายพานที่จะมารับกระเป๋าที่อยู่ใกล้ๆ กันคราวนี้แหละค่ะ รอนานเลย แถมเครื่องบินเครื่องเดียว ดันเปิดสายพานสองสายพานพร้อมกัน คราวนี้คนก็มายืนออตรงกลางระหว่างสายพานสองอัน คอยจ้องซ้ายจ้องขวา ตอนแรกก็ไปรอๆ กับเขาอยู่หรอก แต่ตอนหลังคิดว่าจะไม่แย่งเพราะเวลา transit ของเราเกือบสองชั่วโมง สบายๆ เพราะคงไม่โดนค้นกระเป๋ามากมาย ไม่ได้เอาอะไรผิดกฎหมายมาด้วย รอประมาณ ๒๐ นาที ได้กระเป๋า เอาขึ้นรถเข็น แล้วก็เข็นไปตรวจกระเป๋าต่อ คราวนี้แหละคิวยาวเป็นดีสนี่แลนด์ ๕-๖ แถวได้ ตอนไปเข้าคิวก็จะมีเจ้าหน้าที่มาถามว่าเราเอาผักผลไม้ เนื้อ ข้าว สารพัดใส่มาในกระเป๋าไหม เราก็บอกว่าไม่มี เขาก็กาตัว A บนใบ customs ของเรา ก็นึกว่าโชคดี เขา Rate เรา A เดี๋ยวคงไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะมองไปข้างหน้าแถว เห็นบางคนผ่านเคาท์เตอร์ก็ผ่านไปเลย บางคนก็โดนเรียบไปค้นกระเป๋าเพิ่ม บางคนก็ถูกเรียกไป x-ray กระเป๋าเพิ่ม บางคนดีแคล์รว่าเอาของบางอย่างเข้ามา เขาก็จะเรียกไปค้นเลย แต่สำหรับตัวเองคิดว่าตัวเองคงจะผ่านฉลุยแน่นอน

 

 

Detroit1

พอถึงเคาท์เตอร์ก็เข็นรถเข้าไป เขาก็ถามอย่างเดิมอีก เราก็บอกว่าเราได้ทุนฟูลไบร์ทมา ไม่มีของต้องห้าม เขาก็บอกยินดีด้วย เสร็จแล้วก็บอกให้เราเดินตามเส้นสีเขียวบนพื้น..อ้าวมองไป สีเขียวมันโดนตรวจกระเป๋าเพิ่มนี่น่า เข้าใช้คำว่า secondary examination (ถ้าจำไม่ผิด) อ้าว...เป็นงั้นไป!   ก็เดินตามเส้นเขียวไปให้เขาตรวจเพิ่ม ใจคิดว่าเดี๋ยวต้องเปิดกระเป๋าและต้องจัดกระเป๋าใหม่แน่ แล้วคราวนี้นึกออกแล้วว่าไอ้เจ้า A นั้นต้องหมายถึงเป็นคนเอเซี่ยนแน่เลย ^ ^

พอไปถึงจุดเขาก็ให้ x-ray กระเป๋า เจ้าหน้าที่จะถามว่าแพ็คของเองไหม ใช่กระเป๋าของเราไหม มีใครฝากอะไรมาหรือเปล่า กระเป๋าอยู่กับเราตลอดไหม ก็ตอบไป..  ของที่ติดตัวมาเช่นแลปท๊อป รองเท้าก็ต้องถอดให้ x-ray แล้วก็ให้เดินผ่านประตูตรวจอาวุธหรือโลหะแบบเท้าเปล่า(กับถุงเท้า)กับพาสปอร์ตเท่านั้น ตอนนี้เขาก็มาเก็บใบ customs จากเรา แล้วเราก็จัดการเก็บสมบัติทั้งหลาย ใส่รองเท้า ฯลฯ โชคดีไม่ต้องเปิดกระเป๋า (ขี้เกียจมาก ^ ^ แล้วก็ต้องไปโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องไป ดีซี ต่อด้วย เดี๋ยวไม่ทัน)

พอหลุดจากตรง customs มาก็รีบมาโหลดกระเป๋าต่อ เขาเรียกว่า recheck luggage ก็เดินตามป้าย recheck ไปเรื่อยๆ ไปถึงสายพานก็เอากระเป๋าขึ้นใส่สายพานไป ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่มาดูความเรียบร้อยของการโหลดด้วย เขาจะดูว่ากระเป๋ามี Tag บาร์โคดเรียบร้อยไหม ไม่งั้นเดี๋ยวคนงงโหลดผิดโหลดถูก หรือ Tag หายก็จะตามหาเจ้าของไม่เจอด้วย แล้วก็ไม่รู้จะส่งกระเป๋าไปที่ไหน

กระบวนการข้างต้นกินเวลาสักชั่วโมงนึงหลังจากออกจากเครื่อง พอ recheck กระเป๋าเสร็จก็รีบเดินออกมาเพื่อไปต่อ flight เดินไปตามทางที่เขียนว่า To all  connecting flights พอเดินจะถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่มีตรวจ boarding pass เพราะเขากลัวว่าจะมีคนที่จะเข้าเมืองดีทรอยท์หลงไปบริเวณที่ต่อเครื่อง พอเห็น boarding pass เราก็บอกว่า You are all set. เราก็แต้งกิ้วไปตามเรื่องแล้วก็รีบเดินออกไป

พอมาถึงตรงจุดนี้ก็จะเจอป้ายบอก flight กับ gate อันใหญ่มาก แต่มีข้อมูลเป็นร้อยบรรทัดได้ (หลายกระดาน) ก็ยืนหา flight ตัวเองอยู่ตั้งนาน ปรากฎว่ามันไม่ได้เรียงตามเวลาออก (แปลกว่าที่อื่นที่เขาเรียงข้อมูลเที่ยวบินตามลำดับที่จะออกก่อนหรือหลัง) ที่นี่เรียงตามชื่อเมืองที่เป็นจุดหมาย พอรู้แกวก็พบว่า flight ตัวเองอยู่ A75 เดินออกไป แล้วก็หาป้ายที่ชี้ไป A 75 ก็เจอให้ขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบน ขึ้นไปถึงก็เจอ indoor tram เขาเรืยกว่า express tram ตามรูป ที่ขึ้นไปนั้นเป็น platform (ท่าเทียบรถไฟ) มีสองด้าน ด้านหนึ่งไป A เบอร์ไกลๆ ประมาณ A 56 ถึง A 78 ได้ อีกด้านหนึ่งก็ไป B ไกลๆ (รถไฟมีสองเลน สองขบวนวิ่งสวนทางกันมาเจอกันตรงกลาง) ก็เลยขึ้นรถไฟ แล้วก็ถ่ายรูปมาให้ดูกันเนี่ยแหละค่ะ

Detroit2

Detroit3

Detroit4 

หลังจากนั้นไปถึงสุดทาง (น่าจะประมาณ 200-300 เมตร) ก็ลงจากรถ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็ลงบันไดเลื่อน แล้วเดินไปที่เกท เสร็จแล้วก็นั่งรอ แล้วก็เขียนบันทึกได้หน่อยนึง แป็บเดียวก็เรียกขึ้นเครื่องแล้วล่ะค่ะ

แล้วจะมาเล่าให้ฟังตอนต่อไปนะคะว่าจากดีทรอยท์ไป ดีซี แล้วไปบ้านพัก เป็นยังไงบ้าง ^ ^

หมายเลขบันทึก: 166886เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2008 11:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีครับอาจารย์

อาจารย์เขียนเล่าสนุก

  • ต้องขออภัยด้วย ผมเขียนไม่ทันจบแล้วมันเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย
  • กำลังจะบอกว่าอาจารย์เขียนเล่าเหตุการณ์การเดินทางได้สนุก น่าติดตาม แทรกความรู้มากมายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ผมจะคอยติดตามตอนต่อไป
  • และเข้าใจว่าหลายคนในเมืองไทยก็คอยติดตามด้วยเหมือนกัน
  • รักษาสุขภาพด้วย และขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับ

สวัสดีค่ะ

ดีใจด้วยที่ไม่มีปัญหานักค่ะ บางคนโดนตรวจแล้ว ตรวจอีก เบื่อเลย อิๆๆๆ

พี่เองไปไหน ไม่ชอบขนอะไรไปมาก มันหนักและวุ่นวายค่ะ

ดีจังอาจารย์ไม่เจอเครื่องdelayเลย

มีอยู่ทีหนึ่ง จากดีทรอยท์ไปดีซี เครื่องdelay  พี่คอยซะ 3 ช.ม. กัปตัน ออกมาอธิบายว่า อุปกรณ์ที่ใบพัดชำรุด ต้องเปลี่ยนค่ะ

ขอให้เที่ยวให้สนุกด้วยนะคะ

 

อาจารย์มีความสุขที่ได้เขียนบันทึกนะครับ ผมรู้สึกอย่างนั้น :)

ขอบคุณครับอาจารย์ :)

สวัสดีค่ะคุณปู่หลง

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ก็พยายามเล่าไปเรื่อยๆ เป็นการทบทวนความจำ(ระยะสั้น) ^ ^ ด้วยค่ะ เพราะเดี๋ยวถ้าไม่เขียนทันทีก็ลืมแล้ว แต่เล่าไม่เป็นระบบเท่าไหร่ ตอนเขียนง่วงมาก พอ post เสร็จก็ปิดเครื่องไปนอนเลยค่ะ ^ ^ นี่เพิ่งตื่นขึ้นมาทำการบ้าน อีกประมาณ 5 ชั่วโมงจะต้องมีไปเข้า class ตอนเช้าค่ะ

ตอนนี้ก็มีความสุขมากกับการทำงานในบรรยากาศใหม่ๆ ได้ออกจากบรรยากาศเดิมๆ ที่ทำงาน มาปรับปรุงความรู้ใหม่ แล้วก็มีคนให้โอกาสเรามากทีเดียว ก็จะำทำเต็มที่ค่ะ แล้วก็พยายามเจริญสติอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ให้หลงไปกับเรื่องต่างๆ นัก โมหะเกิดง่ายมากค่ะ  แต่พอมีอะไรทำมากๆ ก็มักจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำค่ะ ไว้จะแวะไปอ่านของคุณปู่หลงนะคะ ^ ^

 

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์

เห็นครอบครัวที่มาจากเมืองจีนโดนตรวจเยอะเหมือนกัน เพราะกระเป๋าเขาเยอะด้วยแหละค่ะ ของตัวเองก็มีสองกระเป๋า ใบใหญ่ใบนึง เล็กใบนึง แล้วก็ที่สะพายติดตัวอยู่ เที่ยวนี้เอาของมาน้อย ไม่ชอบแบบเหมือนกันค่ะ อากาศเย็นจะใส่ซ้ำได้บ้าง แล้วก็ซักผ้าสะดวก ทำเมื่อเราว่างได้เลย ^ ^

นับว่าโชคดีไม่เจอเครื่องดีเลย์เลยจริงๆ อย่างที่คุณพี่ว่าค่ะ มีแต่มาถึงก่อนกำหนด และออกตรงเวลา ลำที่ช้าที่สุดที่ไม่เป็นตามกำหนดการก็สายอย่างมาก ๑๕ นาทีก็คือลำสุดท้ายที่ไป ดีซี ที่ยังไม่ได้เล่าถึงนี้แหละค่ะ พวกเครื่องอินเตอร์ทำเวลาดีหมด ถ้า late คงยุ่งเลย เพราะเครื่องที่ไป ดีซี นั้นคนเต็มจนล้น แล้วก็คนที่จะมารับเราอีก ต้องแจ้งเขา ไม่งั้นยุ่ง สรุปแล้วโชคดีและราบรื่นดีค่ะ ^ ^

 

สวัสดีค่ะอ.วสวัตดีมาร

อยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี เพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับน้องๆ ที่อยู่ที่นี่ กับเพื่อนร่วมงานชาติต่างๆ กับอาจารย์ แล้วก็ยังมีประสบการณ์การเดินทาง เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยอีกมาก  ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าไปพิพิธภัณฑ์ (สมิธโซเนี่ยน) คงเขียนอะไรไม่ออกแน่ เพราะข้อมูลเยอะมากๆ  แต่ก็จะลองดูค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่ติดตามนะคะ ^ ^

สวัสดีครับ..

^_^...มาเยี่ยมครับผม..

ได้เที่ยวด้วยครับ  ...

ดูแลสุขภาพด้วยนะครับผม...

สวัสดีค่ะ อาจารย์

มาติดตาม ค่ะ

สวัสดีค่ะน้องหมอสุพัฒน์ คุณหนิง และ ป้าแดง

ขอบคุณทุกท่านที่มาติดตามนะคะ จะพยายามรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีค่ะ กลับมาอเมริกาเที่ยวนี้รู้เลยค่ะว่าแก่ไปเยอะ ^ ^ หนาวเก่งขึ้น แต่ก็ห่อตัวเองเป็นข้าวต้มมัดอย่างดีค่ะ ไม่อยากป่วย อิอิ

ตอนนี้ง่วงแล้วขอไปนอนก่อนนะคะ เพิ่งกลับมาจากปาร์ตี้บ้านน้องๆ คนไทยเขาทำกับข้าวทานกันและพบปะสังสรรค์ อบอุ่นดีค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ เดี๋ยวตื่นมาจะมาเขียนตอนต่อค่ะ

  • ว๊าวๆๆๆ ถึงดีทรอยแล้ว
  • ดีจังเลยครับ
  • ไม่แน่ใจว่าจะไปทันเดือนมิถุนายนไหม
  • ทันก็ดีนะซิครับ
  • จะได้ไปเที่ยวที่พี่ตุ๋ย
  • อิอิอิ

สวัสดีค่ะอ.ตุ๋ย

ดีใจด้วยค่ะที่ไม่ต้องโดนตรวจ สงสัยกระเป๋าไม่ใหญ่เยอะด้วยค่ะ อยากให้ไปเที่ยวสมิธโซเนี่ยนเร็วๆ จะได้ตามมาอ่าน เล่าได้ละเอียดเหมือนได้ไปเอง ดูแลรักษาสุขภาพนะคะ ดื่มน้ำเยอะ ๆ

ตั้งแต่โดนระเบิด เขาก็เข้มงวดมากเลยนะครับ ยิบเลย ก็ดีเราเองก็สบายใจขึ้นว่าระบบการตรวจสอบสร้างความมั่นใจได้

ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ

สวัสดีค่ะอ.ขจิต

จริงๆ ตอนนี้ถึงคอลเลจพาร์คแล้วล่ะค่ะ อิอิ แ่ต่เพิ่งเขียนได้ถึงดีทรอยท์เอง ถ้ามาได้เร็วๆ จะได้พาไปเที่ยวไง ดีไหม ^ ^

 

สวัสดีค่ะพี่อุ๊

วันนี้ไปชิมลางสมิธโซเนี่ยนมาแล้วค่ะ ไปที่แอร์โร่วเสปซอันเดียว แต่ต้องรีบกลับเพราะออกจากบ้านก็เที่ยงแล้ว กลัวรถเมล์แถวบ้านมันหมดน่ะค่ะ ^ ^ แล้วจะเล่าให้ฟังนะคะ

 

สวัสดีค่ะพี่บางทราย

เขาตรวจเยอะเราก็สบายใจอย่างที่ว่าจริงๆ แหละค่ะ แต่กลัวตอนที่จะต้องต่อเครื่องมากที่สุดค่ะ เพราะถ้าพลาดแล้วก็แย่เหมือนกัน แต่ถ้าเราเตรียมตัวดี ไม่ได้พกอะไรมาก แล้วก็ไม่มีของต้องห้ามก็สบายค่ะ ใช้เวลาหน่อยเท่านั้นเอง

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ ^ ^

เห็นพี่เล่าเรื่องนี้แล้วนึกถึงเมื่อคืน พอดีได้ดูทีวีรายการพาเที่ยวของ panorama เขาจัดขบวนขับรถท่องเที่ยวตะลุยจากไทยขึ้นไปทางลาว ผ่าน จีนทะลุไปคาซัคสถาน ดูถึงตอนที่เขาผ่านด่านชายแดนจีนจะเข้าคาซัคแล้วกลุ้มใจแทน ด่านเล็กๆ ร้อยวันพันปีไม่มีคนมาพร้อมกันมากขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ปวดหัวเลย ในสารคดีบรรยายว่าบรรยากาศโกลาหลเหมือนกำลังจะเกิดสงครามแล้วคนจะหนีผ่านแดน อะไรทำนองนั้น

พวกเขามากันเป็นคาราวาน รถ 22 คันพร้อมคน 50 กว่าชีวิต พิธีการผ่านแดนเลยเยอะจัด กว่าจะตรวจเอกสารรถ คนขับ คนนั่ง โอ้ย...ซัดไปรวมสองฝั่ง 10 ชั่วโมงพอดี (จีน 7 ฝั่งคาซัค 3) เป็นน้องนะนั่งร้องไห้อยู่ตรงด่านแล้วล่ะ สิบชั่วโมง ...สุดยอด กว่าจะผ่านพิธีการณ์ออกมาได้ก็มืดพอดี แต่ก็ได้เวลาคืนจากฝั่งจีนมาอีกสองชั่วโมง ฝั้งโน้นสามทุ่มครึ่ง ฝั่งนี้ทุ่มครึ่ง เพราะเวลาฝั่งนี้เขาช้ากว่า ตลกดีเนอะ แค่เหยียบข้ามชายแดนประเทศหนึ่งเวลาก็ถอยหลังไปสองชั่วโมง แล้วถ้ายืนอยู่ระหว่างกลางเส้นจะนับเป็นกี่โมงดีเนี่ย???

สวัสดีจ๊ะน้องซูซาน

เจอตรวจคนเข้าเมืองเป็น ๑๐ ชั่วโมงอย่างนี้ เหนื่อยน่าดู สงสัยจะไปขอนอนรอไปก่อน อิอิ

เดินทางแบบคาราวานแบบนี้พี่ไม่ค่อยชอบ (สงสัยจะติดสบาย อิอิ) ชอบดูเอาในทีวีมากกว่า แต่บางคนเขาก็ชอบไปแบบนี้นะ เป็นเส้นทางที่คนไปน้อย เป็นไพโอเนียร์ ประมาณนั้น

ส่วนเรื่องเหยียบเส้นจะนับเวลาว่าเป็นกี่โมงนั้นต้องดูว่ายืนล้ำเส้นไปทางไหนมากกว่า แล้วมาคำนวณบวกลบกันอีกที 55555

อ่านแล้วก็คิดว่าดีแล้วที่เราไม่อยากไปเที่ยวอเมริกา เบื่อขั้นตอน แต่ก็ยอมรับว่าเขาจำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของเขาและทุกคนนะคะ

ยังหนุ่มยังสาวอย่างอาจารย์คงจะพอไหวค่ะกับระเบียบขั้นตอนมากๆ พออายุมากขึ้นทั้งเบื่อและเหนื่อย อิ อิ อยู่บ้านก็ดีแล้ว

พี่นุช ถ้าจะมาเที่ยว ก็ไม่ค่อยสนุกค่ะที่นี่ ตอนเดินทางจากบ้านเรามันนานเกินไป แล้วก็ขั้นตอนเยอะอย่างที่ว่าแหละค่ะ แต่ที่เที่ยวเขามีเยอะ เพราะประเทศมันใหญ่ แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงด้วยค่ะ เป็นธรรมดา เรื่องหนุ่มสาว ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่แล้วล่ะค่ะ ว่าจะหาโอกาสไปยิมของที่นี่ แต่จะรออากาศดีกว่านี้สักหน่อยค่ะ ตอนนี้อาศัยเดินขึ้นลงเนินเขาทุกวันพร้อมกับแบกของทุกวันไปพลางๆ ก่อน อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท