มหกรรม KM ภูมิภาค ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรอาจปิดฉากลงนานแล้ว แต่สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นก็ยังประทับใจไม่รู้ลืม เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นอกจากได้พบคนแซ่เฮที่ส่วนใหญ่จะได้พบกันเป็นครั้งแรก ( ยกเว้นครูบา เพราะคนชอบวิ่งบุกเดี่ยวไปคารวะท่านที่สตึกมาแล้ว ) ยังได้บทเรียนจากคำโดนๆ หลายคำจากกลุ่มคนแซ่เฮ
กลุ่มคนแซ่เฮ คือกลุ่มคนที่เป็น Blogger ใน G2K แต่มีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนกัน ( ไม่บอกว่าอะไร คอยสังเกตเอาเองก็แล้วกันครับ ) เวลาพบกันก็จะรู้สึกเหมือนสนิทสนมกันมานาน ทั้งๆที่ไม่เคยเจอตัวกันเลย แถมเวลาพูดคุยกัน ก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลย การพูดคุยกันก็ง่ายๆ ไม่มีรูปแบบ ไม่มีคุณอำนงอำนวย ไม่เคยกำหนดหัวปลา ( มีแต่ปลาป่น อิอิ ) บนรถก็คุยกัน นั่งกินข้าวก็คุยกัน เสียงหัวเราะดังอยู่ตลอดเวลา เหมือนไร้สาระ มีโอกาสได้คุยกับคนไร้กรอบ ( อ. วรภัทร์ ตัวเป็นๆ ) จนถึงเที่ยงคืน ปกติหาโอกาสยากมาก แต่คนแซ่เฮมีอภิสิทธิ์ อิอิ ที่เขียนอยู่นี่ไม่รู้ว่าเป็นคุณลิขิตจิตอาสารึเปล่า อิอิ
เจ้าเป็นไผ๋ หรือคุณเป็นใคร เป็นคำแรกที่ประทับใจ เล่าฮูแสวงนั่งกินข้าวติดกับหนุ่มเอกจากเมืองปายเป็นคนตั้งคำถามกับหนุ่มเอก เล่นเอาหนุ่มเอกกินข้าวไม่ลง แถมเล่าฮูยังตามไปเมืองปายเพื่อหาคำตอบจากหนุ่มเอกให้ได้ และเป็นที่มาของเฮฮาศาสตร์เล่มที่ 1 ด้วย คำถามๆนี้อาจฟังดูตลกๆ แต่ได้ให้ข้อคิดกับคนชอบวิ่งมากๆ เรียกว่าโดนเลยก็ได้ เพราะทำให้นึกถึงเวลาทำงาน บางคนยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าแท้จริงตัวเองเป็นใคร สวมหัวโขนเล่นบทบาทอะไรอยู่ ยังงี้ทำอะไรก็คงเจ๊งหมด ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งเจ๊งหนัก ( ถ้าเป็นกำนันก็คงเจ๊งน้อยหน่อย อิอิ ) ตอนนี้หนุ่มเอกศอกกลับแล้วนะครับ บอกว่าเล่าฮูแสวงไปเมืองปายมาแล้ว คงจะทราบแล้วนะครับว่าผมเป็นใคร ? 55555
จะรู้ไปทำไม เป็นวาทะของอาจารย์ Handy คนเกิดปีขาลเหมือนเล่าฮูแสวง เวลาใครถามอะไรมากๆท่านคงตอบไม่ได้ ท่านก็เลยตั้งปุจฉาว่า แล้วจะรู้ไปทำไม รู้แล้วได้อะไร มีประโยชน์อะไร เอาไปทำอะไรดีๆแล้วเกิดประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่นไหม นี่ก็โดนอีก เพราะคนชอบวิ่งเคยเขียนเรื่อง รู้ แต่ไม่ทำ เอาไว้
ไอ้ที่รู้ๆยังไม่ทำเลย ยังเสือ.. อยากจะรู้เพิ่มขึ้นอีก แล้วก็ยังคงไม่ทำเหมือนเดิม ไม่ได้ว่าใครนะ... อิอิ คิดไปคิดมาบางทีที่ผ่านมาเราคงทำผิด เอ๊ย ไม่ใช่ เราคงทำไม่ถูก หาเครื่องมือและวิธีการมาให้ก่อน ยัดเยียดให้ทีมงาน โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าชอบรึเปล่า อยากทำรึเปล่า บางทีอาจต้องเริ่มที่เปิดใจให้อยากทำก่อน ( คนไร้กรอบ ....อ. วรภัทร์ บอกว่า ฉันทะในอิทธิบาทสี่ ต้องมาก่อน ) แล้วค่อยหาเครื่องมือหรือวิธีการทีหลัง
คำต่อไปก็สืบเนื่ืองมาจากจะรู้ไปทำไม ก็คือคำว่า แค่ใบไม้ในกำมือ หรือ แค่กำมือเดียวอันนี้ของคนชอบวิ่งเอง อิอิ คนปีขาลเหมือนกัน คงคล้ายๆกับจะรู้ไปทำไม ถ้ายังไงๆก็ไม่ทำ ความรู้ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติก็ไม่มากนักหรอก แต่ก็ไม่ทำซักที มัวแต่ไปค้นหาใบไม้ทั้งป่า คงอีกสามสี่ชาติละมั๊งถึงจะหาได้เกือบครบเอาแต่อบรมสัมนาอยู่นั่นแหละ ไม่ทำซักที เลยพอดีกัน ไม่ต้องปฏิบัติ ไม่ได้ลงมือทำเอง แถมเอาไปโม้ต่อเป็นเสือกระดาษ นี่ก็ไม่ได้ว่าใครนะ...อิอิ
แถมคุยกันก็ได้เรื่องของบู๊ลิ้มหรือกำลังภายในเป็นของแถม จอมป่วนเล่าว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ก๊วยเจ๋งเก่งเพราะมีอาจารย์เป็นเจ็ดตัวประหลาดแห่งแคว้นกังหนำ ศิษย์สำนักมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียวลิ้มยี่ บู๊ตึ๊ง ฯ ต้องร่ำเรียนแต่วิชาของสำนักตัวเอง ( ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเลิศในแผ่นดิน ) ห้ามไปเรียนของสำนักอื่น อีกทั้งไม่สามารถถ่ายทอดให้บุคคลนอกสำนักได้ มิฉะนั้นจะถูกตราหน้าเป็นศิษย์ทรยศ แต่ก๊วยเจ๋งไร้กรอบ เรียนได้หลายวิชา อิอิ
ยังมีการพูดคุยถึง การเริ่มต้นทำอะไรก็ต้องอิงระบบ มีการเริ่มต้นที่พื้นฐาน เป็นทหารก็ต้อง แถวตรง ซ้ายหัน ขวาหัน วันทยาวุธ อิอิ แต่พอเก่งแล้ว ไปรบอยู่ในสนามรบจริง ขืนยังแถวตรง ซ้ายหัน ขวาหัน อยู่คงเรียบวุธแน่ๆเลย ต้องรบโดยสัญชาตญาณ ไร้รูปแบบ ไร้กระบวนท่า การทำ KM ก็เหมือนกัน อิอิ
มีการพูดถึง ไร้กระบวนท่า กระบี่อยู่ที่ใจ ชนะโดยไม่ต้องรบ และที่สุดยอดก็คือ เอาศัตรูมาเป็นมิตร นี่พูดเรื่องอะไรอยู่ ถึงได้หลงมาจนถึงที่นี่ได้ คนแซ่เฮ หรือเฮฮาศาสตร์ก็ยังงี้แหละครับ ไร้สาระยังงี้แหละครับ อิอิ
นั่นสิคะ ความรับผิดชอบ เพราะรู้ เข้าใจบทบาท จึงทำ พร้อม ด้วยจิตอาสา ภูมิใจ ดีใจ ได้พบ กลุ่มเฮฮาศาสตร์ จน ณ ปัจจุบัน โอ้โฮ.... กลุ่มเฮฮาศาสตร์ทุกคน ด้วยใจ ทำได้อย่างไร ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ นึกย้แน ได้ทบทวน ตัวเอง
โดนค่ะโดน เยี่ยมมาก สะกิดไปหลายสะเก็ดแผลเลย คัน ๆ เจ็บพิลึกเนาะ
ทำคลื่นสมอง ให้อยู่ ที่ระดับ เธต้า คือ ทำจิตว่างๆ มีสติกำกับ
สติ 100% ต่อเนื่อง แล้ว พรหมวิหาร 4 จะไหลออกมาเอง อิธิบาท๔ ก็จะเกิดมาเอง
แล้ว จะหยิบจับอะไร ก็เป็นสื่อ เป็นเครื่องมือได้ทั้งนั้น
สวัสดีครับ
มาช้าหน่อยคงไม่เป็นไรนะครับ เพราะ ...
ของดี ต้องรอหน่อย ... อิ อิ อิ
ทำไมถึงมาช้า ? ... ก็ จะรู้ไปทำไม
ด้วยความระลึกถึงครับ
เรียนคนชอบวิ่ง
เห็นด้วยกับคุณหมอเป็นอย่างยิ่ง ดูอย่างวันที่ 4ธ.ค50ที่อมรินทร์ลากูน ตนเองเหลียวแวบไป เอ....ใครดูคุ้นหน้า เคยเจอ ..ที่ใหนนา
อารามดีใจจำได้ว่าเป็นหมอ เลยรีบสวัสดี และทักว่า . หมอชอบวิ่ง....(เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เลย )
นี่แหละ สิ่งที่เกินความคาดหมาย ( ทำAAR)