ภาพเก่า .. แต่อัดแน่นด้วยความสุข (บ่ฮู้ล่ะ แดน สิเข้าคอก)


สถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อการเป็น “ลูกอีสาน” อย่างแท้จริง

ผมเพิ่งมีโอกาสได้เจอหน้าลูกชายทั้งสองคนในช่วงเย็นย่ำค่ำมืดของเมื่อวาน  .. 

น้องแดนส่งเสียงใสมาก่อนประตูถูกผลักให้เปิดว่า  แดนคิดฮอดพ่อ  ขณะที่น้องดินดูจะเขินอายอยู่ไม่น้อย   แต่ทั้งสองค่อย ๆ  โผเข้าสู่อ้อมกอดอันอิดโรยของผม  ขณะที่ผมกลับมีน้ำตารินหยาดอยู่อย่างลึกเร้น

    

 

น้องแดนไทไปอยู่กับคุณปู่และคุณย่าตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม  และวกกลับมาให้ผมได้ชื่นใจอีกครั้งในการฉลองวันเกิดย้อนหลัง    จากนั้นก็พ่วงเอาพี่ชายกลับบ้านไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย

    

 

การกลับไปอยู่ที่บ้านน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับลูก   เพราะช่วงนี้ผมไม่มีวันเวลาแห่งชีวิตให้กับพวกเขาเลยก็ว่าได้   ผมมีราชการยาวยืดต่อเนื่องกันอย่างไม่ว่างวัน   ทั้งไปอุดรก็ร่วมสัปดาห์  ตระเวนค่ายก็มีไม่น้อย  ซ้ำร้ายก็ลงใต้ล่วงเข้ามาเลเซียอีกคันรบใหญ่  

เรียกได้ว่าพักนี้ชีพจรลงเท้าอย่างน่าหนักหน่วง  ..  และเริ่มรู้แจ้งเห็นชัดแล้วว่า   ผมนำเอาวันเวลาของอนาคตมาใช้กับวันนี้เกินความจำเป็นเสียแล้ว  

     

 

วันนี้,  ผมให้สัญญากลับตัวเองว่าจะพักผ่อนให้มากที่สุด  ปิดมือถือ   นอนพัก (แต่ไม่หลับ)  หัวจิตหัวใจคิดโน่น คิดนี่ไปตามประสา คนไม่นิ่ง... 

  

ผมรื้อค้นกองหนังสือหลายเล่มมาอ่าน  แต่ทุกเล่มก็ดูไม่น่าอ่านเอาเสียเลย  จนท้ายที่สุดก็หันเหไปรื้อคนไฟล์ภาพเก่า ๆ  ในคอมพิวเตอร์ออกมาดู  จึงพลอยให้ชีวิตดูจะมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง

  

ไฟล์ภาพจำนวนมากถูกเปิดขึ้นมาอย่างมีชีวิต 

ครั้งหนึ่ง -  ผมไม่รู้จะจัดการกับชีวิตส่วนตัวและการงานอย่างไรดี   ผมตัดสินใจนำพาลูกชายทั้งสองติดรถลงพื้นที่ไปกับผม  ทิ้งให้เพื่อนชีวิตจัดการกับการงานในห้องหับอย่างเต็มที่  แต่ระยะทางแห่งการเดินทางครั้งนั้นไปกลับก็ร่วม 300  กิโลเมตรเลยทีเดียว

     

ผมอดสงสารลูกไม่ได้  ... 

ช่วงนั้นผมไม่ค่อยมีวันหยุดที่จะอยู่ร่วมกับเขาเลย   เราแทบไม่ได้ดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ  ร่วมกัน   ลูก ๆ นอนดึกเพราะมัวแต่วิ่งเล่นอยู่ในเวทีแห่งการงานของผม   เช่นเดียวกับครั้งนั้น  ทันทีที่พวกเขาขึ้นไปนั่งบนรถ  ไม่นานนักต่างคนต่างก็หลับฝันไปในชั่วพริบตา     

 

แต่พอถึงจุดหมาย   พวกเขาก็ตื่นขึ้นมาอย่างร่าเริง  - พวกเขาวิ่งเล่นอยู่ตามลานหญ้าอันเขียวงาม  และร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่จำนวนมาก

ผมพยายามบอกกับลูก ๆ  ว่าสถานที่แห่งนี้มีความหมายต่อการเป็น ลูกอีสาน  อย่างแท้จริง  

ผมชี้ให้เขาดูบ้านอีสานหลังใหญ่  (น้องแดนเรียกว่า เถียงนาหลังใหญ่)  ชี้ให้ดูรูปปั้นชาวนาที่กำลังทอดแห  ...ชี้ให้ดูเกวียนโบราณและเรืออันเก่าแก่ที่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง    

 

นอกจากนี้  ผมยังชี้เขาดูอุปกรณ์ทำนาต่าง ๆ ที่วางเกลื่อนอยู่ใต้ถุนสูงของบ้านหลังใหญ่  รวมถึงคอกควายที่จำลองขึ้นมาอย่างน่าจับต้อง

  

สิ่งเหล่านี้เป็นภาพชีวิตที่ไม่เคยแห้งหายไปจากตัวผม   ...

ผมเติบโต สัมผัสและพบเห็นสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก  ใต้ถุนบ้านของตนเองก็เคยอัดแน่นไปด้วยวัวและควายหลายสิบตัว  ครั้นหน้าฝนกลิ่นสาปแห่งวัวควายโชยคลุ้งขึ้นตัวบ้าน  คืนไหนฝนตกหนักใต้ถุนบ้านก็เฉิ่มแฉะไปด้วยมูลวัวและควาย 

ครั้นหน้าหนาวเราสุมไฟไล่ยุงให้กับพวกเขา   ควันไฟทั้งปวงก็โชยขึ้นตัวบ้าน  ทำเอาผมแสบตาไม่เป็นอันนอนมานักต่อนัก

   

สิ่งเหล่านี้ผมสาธยายให้ลูก ๆ  รับฟังโดยลืมไปว่าพวกเขาจะรู้รักและเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นหรือไม่  แต่ทั้งสองคนก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่เป็นระยะ ๆ อย่างน้อยก็บอกกับผมว่า  อยู่บ้านพ่อปู่กะมีคือกัน..

   

วันนั้น,  ผมจำได้ชัดเจนว่า  ทั้งน้องดินและน้องแดนมีความสุขกับการได้ท่องเล่นในบริบทของความเป็นอีสานนั้นอย่างมหาศาล   ทั้งสองถามโน่น ถามนี่ และรบเร้าให้ผมพาไปดูชมสิ่งต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

  

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าจุกของผมนั้นมักจะวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ กับคอกควายที่จำลองไว้อย่างไม่ลดละ  ทั้ง ๆ  ที่ผมและพี่ชายก็ย้ำนักย้ำหนาว่าเขาห้ามมิให้แตะต้องและเข้าไปสัมผัส ...

  

และนี่คือส่วนหนึ่งของการสนทนาที่ผมพอจะจำได้บ้าง

  

ดิน  ... แดนอยากขี่ ควายโตที่อยู่ในคอกนั่นโว้ย

 

ขี่บ่ได้  มันบ่แมนควายอีหลี  เพิ่น บ่ ให้เข้าไปเล่น ฮู้จัก บ่

 

ฮู้จักอยู่    เจ้าของเพิ่น บ่  เห็นดอก

 

ขี่ บ่ ได้ ..เพิ่นห้าม

 

บ่ฮู้ล่ะ  แดนสิเข้าคอก ..  ให้แดนเป็นควายกะได้

 

ซังน้องแดนเว้ย  เว้า บ่ ฮู้เรื่อง..

 

กะซาง  แดนอยากขี่ควาย   แดนอยากเข้าคอก

 

มันขี่ บ่ ได้  ...  แดนนี่เว้าบ่ฮู้เรื่องเลย 

   

นั่นคือ  การสนทนาอย่างไม่รู้จบของสองหนุ่ม   แต่สุดท้ายน้องแดนก็แอบหลบเข้าไปในคอกนั้นจริง ๆ  ทำเอาผมกับพี่ชายต้องตามเข้าไปจับกันจ้าละหวั่น  มิหนำซ้ำยังมาบังคับให้ผมเป็นควายให้ขี่อีกหลายตลบ ...

อีกไม่นานเขาสองคนจะกลับจากโรงเรียน   ถึงแม้จะยังเพลีย ๆ และปวดหลังอยู่อย่างหนักหน่วง  ผมก็พร้อมแล้วที่จะพาเขาทั้งสองวิ่งเล่นอีกครั้ง  และพร้อมที่จะเป็นช้างให้เจ้าจุกได้ขี่หลังอีกครั้ง  หลังจากที่ห่างหายมาแสนนาน    

 

 

หมายเลขบันทึก: 144608เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2007 16:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)
สวัสดีค่ะอาจารยื ครอบครัวที่มีสายใยรักอบอุ่น ติดดิน แม้อาจารย์จะมีภารกิจการงานแทบไม่มีเวลาให้น้องทั้งสอง แต่เมื่อใดที่ได้มีโอกาสใช้เวลาด้วยกัน ช่วงนั้นคือเวลาคุณภาพ ประทับใจในความรักที่อาจารย์มีต่อลูกจังค่ะ
  • มายิ้มๆๆ
  • มิน่าโทรหาแล้วไม่ติด
  • พักผ่อนมากๆๆนะครับ
  • ชอบภาพนี้ครับ
  • ชอบบันทึกนี้มากๆค่ะ.........บอกได้เต็มปากเต็มใจว่าน่ารักมากค่ะ....
  • ภาพข้างบนนี้ขายดีนะค่ะ

สวัสดีครับ  อ.แผ่นดิน

  • เป็นบันทึกที่คนเป็นพ่อควรอ่านอย่างยิ่ง
  • ถ้าพ่อทุกคนเป็นได้แค่ครึ่งของอาจารย์
  • ลูกๆคงมีความสุข
  • และปัญหาสังคมต่างๆคงไม่มากเหมือนทุกวันนี้
  • ขอบคุณมากครับ
  • สวัสดีค่ะ
  • มาดูหลาน ๆ น่ารักมากจริง ๆ
  • สำหรับภาพที่เห็นมีเรือนไทยและหลาย ๆ อย่าง 
  • คล้าย ๆ กับที่พระธาตุนาดูน คุณพนัสเคยไปหรือเปล่าคะ
  • สวัสดีครับอ.แผ่นดิน
  • เห็นภาพแล้วนึกถึงตอนเป็นเด็กครับ
  • ตอนเด็กจะเป็นคนไม่ค่อยกล้าครับ เวลาขึ้นบนหลังควายก็กลัวตกครับนั่งไม่ได้นาน
  • ฟังพี่น้องสองคนเขาคุยกันเพลินดีครับ
  • ขอบคุณอ.แผ่นดินครับ

สวัสดีครับ อ.แผ่นดิน

แม้ลูกจะรู้สึกเหงาเมื่อไม่ได้เจอพ่อ แต่พอได้กลับมาอยู่ร่วมกันชีวิตเขามีความหมายมาก ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกนะ เพราะเมื่อผมอายุ ๑๑ ขวบต้องขึ้นไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ พ่อไปส่งเสร็จแล้วพ่อกลับ เพียงแค่จากพ่อวันเดียวผมรู้สึกเหงามากๆ ทั้งๆที่มีที่กินที่เที่ยวเยอะแยะ แต่มันเหงา...

ผมก็ไม่เคยขี่ควาย ถ้าได้ลองคงน่าสนุกนะ..หรือควายมันจะไม่สนุกถ้าเจอน้ำหนักเกือบร้อยโลอย่างผม อิอิ

  • อ่านบันทึกนนี้แล้วสุขหัวใจดีแท้....
  • พลอยให้จิตฟุ้งซ่าน...อยากแต่งงานเสียที
  • แต่ก็อีกนั่นแหละ...เฮ้อ!!!

บ้านเรือนไทย  สวยและน่าอยู่มากครับ



ผ่านมาด้วยความบังเอิญ  เห็นภาพแล้วสุขใจในชีวิตครอบครัวที่คล้าย ๆ กัน จนผมต้องมองย้อนอดีตไปในช่วงปี 2534 - 2538  กับการใช้ชีวิตในตักศิลานคร  ที่มาศึกษาต่อมศว.มหาสารคาม จนจบมมส.รุ่น 1  ขอบคุณทุกภาพและทุกเรื่องราว ที่ทำให้ผมมีพลังใจเพิ่มในการทำงานต่อไปในยามที่รู้สึกว่างเปล่าในชีวิต

โน่  จามรี 5

สวัสดีครับ

มาอ่านแล้วก็ชอบจังเลย

ภาพน่ารักมาก แต่ละคนหัวกลมเหมือนลูกกระสุนหนังสติ๊ก

เอ หล่อเหมือนใครครับ ;)

ความสุข....ที่ถวิลหา

............................ 

เหมือนไม่ได้ดังใจ

..........................

แต่ใครบ้างเล่าจะรู้ว่าอยู่เคียงข้าง

........................

ความอ้างว้าง....ตามกาลเวลา

.......................

ผ่านมา.....ผ่านไป

........................

ซึมซับ..ทุกอณูของการรับรู้

.......................

วางงาน....ปิ๊กบ้าน....ผ่องเด้อ

.......................

อุ่นนั้นไซร้.....อยู่ข้าง "ใจ" เรา

สวัสดีค่ะ

มาเยี่ยมค่ะ หายไปนาน คิดถึงหลานๆด้วย ช่างพูดจัง น่ารักค่ะ...

เจ้าตัวเล็กดูไม่ค่อยเปลี่ยน แต่พี่ดินนี่เริ่มโตขึ้นเห็นได้ชัดเลยนะคะ น้องแดนแสบเอาเรื่องนะเนี่ย แก้มยุ้ยจังเลย น่าฟัด พี่พนัสคงคิดถึงลูกมาก เป็นหนูคงเศร้ามากเพราะติดหลานเหมือนกัน ฝากจุ๊บแก้มหนุ่มน้อยทั้งสองด้วย บอกว่าอาฝากมา ถ้ามีโอกาสจะพาพี่ทีมไปเล่นด้วยค่ะ

น่ารักจัง

ทั้งภาพ รูปลักษณ์ ของหนุ่มน้อยทั้งสอง

และวิธีพูดจา ดูแลเอาใจใส่กัน

คิดถึงโชเฟอร์ ที่ขับรถให้เมื่อไปประชุมที่เชียงใหม่  พอเขารู้ว่าพี่เป็นหมอ เด็ก

เขาถามว่า  หมอครับ

เราลี้ยงลูกอย่างไรดี ให้มันรักกัน ไม่ให้มันตีกัน

ของผมเริ่มเป็นหนุ่ม ลูกชายทั้ง สองคน 

มันยังชกกัน ทะเลาะกันอยู่เลย

ตอบยากนะคะ

อยากเอารูป เอาเรื่องราวของ ครอบครัว อ พนัสนี้เป็นคำตอบ

การเลี้ยงดูเด็กๆ เป็นการลงทุนระยะยาว

ดีใจแทนน้องทั้งสอง

มีคุณแม่ที่ดูแล ความสุขในบ้านและจัดระเบียบ ให้

มีคุณพ่อที่ยุ่งงานก็จริง

แต่ให้เวลาคุณภาพแก่ลูก

เอาใจใส่เรื่องความอบอุ่น และการให้เกียรติกัน

ขอชื่นชมค่ะ

  • แวะมาทักทายเจ้าค่ะ
  • ชอบบันทึกนี้มากเลยนะเจ้าค่ะ
  • ว่างๆทักทายกันได้เจ้าค่ะ
  • กดที่นี่

มีโอกาสได้อ่านบทความและเรื่องราวที่คุณเขียนอยู่หลายเรื่องเหมือนกันคะ   แต่เมื่อได้มาอ่านเรื่องนี้บอกได้เลยว่าชอบมากคะ เพราะแค่ชื่อเรื่องก็ดึงดูดแล้วคะ อ่านแล้วสบายใจ และยิ้มได้...ความไร้เดียงสาของเด็กช่างน่าเอ็นดู......ดีใจด้วยนะคะที่คุณมีครอบครัวที่อบอุ่น...และชอบลักษณะการเลี้ยงลูกแบบคุณมากคะ...เลี้ยงให้เค้าเป็นธรรมชาติ  ติดดิน  ได้รู้ได้เห็นและเข้าใจบ้านเกิดของเค้า...มันคือส่วนหนึ่งที่จะทำให้เค้ารักและผูกพันกับที่แห่งนั้น...อีกอย่างหลายเรื่องราวที่คุณถ่ายทอดให้ลูกคุณ ณ วันนี้เค้ายังเด็กและอาจไม่เข้าใจในหลาย ๆ อย่าง  แต่คุณเชื่อมั๊ยคะสักวันเมื่อเค้าโตเป็นผู้ใหญ่..หลากหลายเรื่องราวเหล่านั้นมันจะย้อนกลับมาเป็นวันวานที่แสนหวาน  และเค้าจะรู้เรื่องราวที่คุณเล่าอย่างน่าอัศจรรย์....ที่ฉันเชื่ออย่างนี้เพราะฉันมองจากตัวเองนะคะ....เพราะตั้งแต่ฉันยังเด็ก ยายของฉันจะเล่าเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในอดีตให้ฉันฟัง...แน่ละมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี...แต่นั่นก็ทำให้ฉันได้รู้อะไรมากมาย..รู้จักคนเยอะขึ้น  และรู้จักที่จะอดทนกับอะไรหลายๆ  อย่างเพราะที่ผ่านมาบรรพบุรุษได้ทำอะไรไว้ให้เรามากมาย....ยายเล่าถึงความลำบากในการทำนา  ทำสวน....ต้องบุกเบิกด้วยตนเองสองตายาย  พร้อมจอบเสียม  มีสัตว์ร้ายนานาชนิดแต่ต้องทำ....และอะไรอีกมากมาย...ที่ท่านเล่า  และแล้วเมื่อวันนี้ที่ท่านจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...เสียงและเรื่องราวเหล่านั้นยังคงอยู่กับฉัน...และอย่างน้อยที่สุดทำให้ฉันคิดว่าที่ดินผืนนั้นที่มีค่ายิ่ง...ไม่ได้มีค่าเพียงมรดกที่ฉันจะได้รับ...แต่มันคือสิ่งวิเศษสุดที่ทำให้ฉันได้คิดถึงมันอีก   และคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าไม่ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะรักษาที่ดินผืนนั้นไว้ด้วยชีวิต......

.......................เห็นมั๊ยคะเรื่องราวของคุณที่ถ่ายทอดให้น้องทั้งสองคนรับรู้มันจะไม่สูญเปล่าเมื่อเค้าโตขึ้น....

ป.ล. น้องสองคนชื่อน่ารักมาก ๆ คะ เก๋ดีไม่ซ้ำใคร

  • แวะมาเยี่ยมหลานๆด้วยความคิดถึงคะอาจารย์
  • หนุ่มน้อย 2 คนแสนจะน่ารัก
  • เด็กๆมีเหตุผลเป็นของตัวเอง
  • ยากที่ผู้ใหญ่จะเข้าใจได้ทั้งหมดนะคะ
  • ความเป็นเหตุเป็นผลของเด็กกับผู้ใหญ่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงคะ
  • บางทีที่โลกวุ่นวายตกลงกันไม่ได้..อาจจะเกิดจากผู้ใหญ่คิดอะไรมากมาย..หรือตั้งกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจะปฏิบัติได้หรือปล่าวคะ

สองหนุ่มน้อยของคุณแผ่นดินคุยกันน่ารักจังเลยค่ะ

ขอให้คุณแผ่นดินมีความสุขมากๆเป็นสิบเท่าในวันที่ได้อยู่กับลูกๆนะคะ  : )

สวัสดีจ้ะ

หายไปนานเลยนะค่ะ ... จำได้ถึงวันที่นั่งรถกลับจากพิษณุโลก ที่เราไปร่วมงานมหกรรม KM ในระหว่างนั่งรถกลับ น้องดิน แดน โทรถึงคุณแผ่นดิน...พี่ยังจำน้ำเสียงที่คุณแผ่นดินพูดกับลูก สัมผัสได้ถึงความรัก ความห่วงหาทั้งปวงที่คุณแผ่นดินและลูกๆมีให้กันได้...

อยากให้คุณแผ่นดินเขียน ...คุณคือใคร...เพื่อลงใน เฮฮาศาสตร์ เล่มที่ 1 ... น่าจะขอเพิ่มเป็นกรณีพิเศษได้บ้างนะ....

สวัสดีครับ...

P

ผมเองก็พยายามบอกกับตนเองเสมอว่า  วิถีแห่งการงานที่ปฏิบัติอยู่นี้  ครึ่งหนึ่ง หรืออาจจะเกินครึ่งล้วนเป็นการสร้างต้นทุนไว้ใก้กับลูก ...

วันข้างหน้ามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  แต่ก็พยายามเต็มที่ เพื่อให้เขาพร้อมที่จะเติบโต...

และวันเวลาคุณภาพที่ผมได้รับมา  ทั้งหมดก็จัดสรรให้กับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ

...

ขอบพระคุณนะครับที่แวะมาให้กำลังใจ

 

สวัสดีครับ อ.ขจิต

P

  • ขอบคุณมากครับ
  • และขอให้รักษาสุขภาพด้วยเช่นกัน
  • ลืมไปครับ... น้องดิน ฝากความคิดถึงมายัง อ.ขจิต ด้วย

 

สวัสดีครับ..

P

เจ้าตัวเล็กสองคนนี้  ช่วยให้ชีวิตผมเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสมอมา ..

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ...

P

  • ผมพยายามหลับตานึกถึงวันเด็กในสิ่งที่ตนเองสู้เผชิญ
  • และถอดบทเรียนนั้นมาใช้กับลูก ๆ ...
  • ชีวิตที่ขาดแคลนในบางเรื่องก็ไม่ได้หมายถึงความมี "ปมด้อย" ของชีวิต..
  • สิ่งนี้ คือสิ่งที่ผมอยากให้ลูกมีต้นทุนความคิดในทำนองนี้ ...บ้างเหมือนกัน

สวัสดีครับ..

P

  • เรือนไทยอีสานที่ผมนำภาพมาแสดงในบันทึกนี้
  • ตั้งอยู่ที่สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช (นาดูน)  อันเป็นพื้นที่ปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  • ผมพาลูกไปนาดูนบ่อยมาก  โดยเฉพาะที่องค์พระธาตุ
  • ระยะหลังพาแวะไปเรือนไทอีสาน   เพราะต้องการให้เขาสัมผัสถึงความเป็น "อีสาน" ..
  • อย่างน้อยก็คงช่วยให้เขารู้สึกได้กับความเป็นรากเหง้าของตนเองบ้างกระมังครับ

สวัสดีครับ

P

การขี่ควาย  เรียกได้ว่า  เป็นทักษะชั้นยอดของเด็กบ้านทุ่งเลยก็ว่าได้

คนที่ชำนาญในเรื่องเหล่านี้   ผมเห็นเผลอหลับอยู่บนหลังได้อย่างสบาย   พอตกเย็นได้เวลาควายจะเข้าคอก  มันก็จะเดินกลับมาเอง  โดยไม่ต้องต้อนเลยก็มี
...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ...

P

เรื่องน้ำหนักตัวของคนเรา    ... ควายทนได้ ...เหมือนที่สีทนได้นั่นแหละครับ (ฮา)

ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า  ทำไมเราเปรียบเปรยว่าควายเป็นสัตว์ที่ไม่ชาญฉลาด

ความซื่อ  ไม่น่าจะหมายถึงความโง่เขลานะครับ   ..นึกแล้วก็สงสารควายทุ่งจังเลย

  • อ.ย่ามแดง...

P

 ย่ามแดง

คู่ชีวิต  หาไม่ยากหรอกนะครับ

  • เว้นเสียแต่เรา "เลือก"  นานไปหน่อยเท่านั้นเอง
  • นั่นแหละเขาถึงเรียกว่า  แต่งงานเหมือนซื้อหวย... (ฮา)
  • อันที่จริง   รอให้พร้อมแล้วค่อยแต่ง  บางทีตลอดปีตลอดชาติเราอาจค้นไม่พบความพร้อมเลยก็ได้นะครับ....
  • ฉะนี้แล้ว...
  • แต่งได้ - แต่งเลยครับ....  (ผมเอาใจช่วย)

 

สวัสดีครับ...P

Ko

บ้านเรือนไทยในบันทึกนี้  ตั้งอยู่ในสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช  พื้นที่ปฏิติการนาดูน อ.นาดูน  จ.มหาสารคาม  อันเป็นโครงการหนึ่ง หรือหน่วยงานหนึ่งของหมาวิทยาลัยมหาสารคาม    ซึ่งมุ่งจำลองให้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการเป็นอยู่ของคนอีสาน...คล้ายกับพิพิธภัณฑ์ที่จัดเก็บ และแสดงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนินชีวิต  เช่น  การกินอยู่  ,  การรักษาโรค,  รวมถึงการศึกษาเรื่องพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ...

ที่นี่ยังเป็นที่จัดอบรมได้ด้วยเหมือนกัน   โดยมีบ้านเรือนไทยอีสานเป็นที่พักนอน ...

ได้บรรยากาศขรึมขลังไปอีกแบบครับ

และใกล้ ๆ กันนี้ก็เป็นที่ตั้งของพระธาตุนาดูน (พุทธมณฑลอีสาน)

 

สวัสดีครับ...P

ดีใจมากเลยที่เข้ามาทักทาย  พร้อมกับนำพาความทรงจำในอดีตมายืน...อย่างแจ่มชัด..

วันนี้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่างมากมาย    การได้รับรู้ข่าวคราวของมิ่งมิตร  ช่วยให้เรารู้สึกได้ว่า  ... อดีตอันงดงามยังอยู่กับเรา...

ขอบคุณครับ...

โชคดีกับชีวิต... และขอให้มีรความสุขมาก ๆ

จามรี 5 ... เช่นกัน !

Pอาจารย์ ป้าหมูอยากฮ้องไห้หลาย คึดฮอดสองหนุ่มขนาด อากาศหนาวแล้วหย้านสิเป็นหวัดเน๊าะ
  • สวัสดีครับ  คุณ  ธ วั ช ชั ย
  • เด็กสองคนนี้ซนเหมือนใคร .. ผมไม่รู้
  • แต่ความหล่อ   พอตอบให้ได้ครับ
  • อิอิ

พี่อึ่งอ๊อบ ครับP

12. Miss somporn สมพร poungpratoom พวงประทุม

วางงาน....ปิ๊กบ้าน....ผ่องเด้อ

เรื่องนี้  ยังเป็นเรื่องที่ต้องจัดการกับตัวเองขนานใหญ่

ขอบคุณมากครับ

อย่าลืมรักษาสุขภาพนะครับ

สวัสดีครับ พี่ศศินันท์P

  • พักหลังนี้เจ้าจุกดูจะซนมากขึ้น
  • ส่วนพี่ชายกลับดูโตขึ้นตามวัย
  • สนุกกับการรับมือพวกเขา
  • แม้บางห้วงจะเหนื่อย  ..แต่ก็มีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้
  • ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ  น้องซูซานP

สักวันจะให้น้องซูซานได้เจอตัวจริง  ส่วนจะได้จูจุ๊บแก้มหรือไม่นั้น  อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับทักษะเฉพาะคนนะครับ...

ทุกครั้งที่คุยกันเรื่องเด็ก ๆ  พี่จะเห็นความเปี่ยมปิติที่ฉายออกมาจากตัวของซูซานอย่างมีพลัง  นั่นเป็นเพราะความงดงามของตวัเองที่มีต่อหลาน  ซึ่งพี่ก็ชื่นชมมาก

เช่นกันครับ.... ฝากกอดหลานด้วยคนนะครับ

สวัสดีครับP

  • ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณคุณหมอมากนะครับ
  • ผมเองก็เลี้ยงเขาแบบที่ตนเองถนัด
  • เลี้ยงให้ติดดิน... และให้อิสระเพื่อให้เขามีจินตนาการ
  • แต่ก็ประสบปัญหาเรื่องเวลาอยู่มาก
  • หลายครั้งจึงหอบหิ้วเขาไปราชการด้วย
  • เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เขาซึมซับความเป็นเราในบทบาทและสถานะทางสังคม
  • และหวังลึก ๆ ว่า   สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นต้นทุนที่ดีให้เขาเติบใหญ่อย่างมีสติ
  • ....
  • ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ...P

  • ขอบคุณนะครับที่แวะมาทักทาย
  • และดีใจที่ชอบบันทึกนี้
  • เรื่องราวของเด็ก  ๆ  มีลักษณะอันเป็นสากลด้วยกัน
  • นั่นคือ  ความสดใส..ร่าเริงและบริสุทธิ์
  • ...
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ...ปัทม์

ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนที่ช่วยให้ผมเกิดแรงพลังอย่างมหาศาลในการใช้ชีวิต

ผมไม่เคยลังเลเกี่ยวกับชื่อที่ตั้งให้ลูก  ทั้ง ๆ ที่หลายคนพยายามทักท้วงมาหลายรอบ  โดยเพาะชื่อ "แผ่นดิน"  นั้น  ต้องใช้เวลายืนยันกันอยู่สองวันเลยทีเดียว  เพราะทางเทศบาลไม่ยอมให้ใช้ชื่อนี้   โดยอ้างว่าเป็นชื่อที่ไม่นิยมกัน

ส่วนเจ้าแดนไทนั้น   ผมอยากให้เขารับรู้ว่าเขาเป็นคนไท  ที่เกิดในประเทศไทย ....

..........

การเขียนบันทึกเรื่องราวของลูก ๆ  ไว้ใน G2K  นั้น   ส่วนหนึ่งผมคิดว่าในอนาคตเขาจะได้ติดตามเรื่องราวของเขาได้จากบันทึกต่าง ๆ  ได้เรียนรู้และเข้าใจเจตนารมณ์ของพ่อที่มีต่อเขา  ได้เขาใจเรื่องราวของพ่อที่ผูกพันกับแผ่นดินเกิด   และที่สำคัญก็คือ  เขาจะได้รู้ว่า   การเติบโตของเขาอยู่ภายใต้บริบทแห่งมิตรภาพของชาวบล็อกด้วยเช่นกัน   ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะกลายเป็นต้นทุนที่ดีให้กับเขาในการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ดีได้    และหากไม่สามารถที่จะเป็นพลังให้กับสังคม  อย่างน้อยก็ไม่เป็นภาระให้กับใครอื่น

ทุกวันนี้   ผมยังคงให้ลูก ๆ  ได้มีอิสระเสรีต่อการท่องเล่นในบรรยากาศของอีสาน   ทั้งการพูด   การฟังเพลง  และเมื่อถึงช่วงปิดเทอมก็จะนำพวกเขากลับไปฝากปู่และย่าให้ช่วยเลี้ยง   เพราะนั่นเป็นอีกวิธีหนึ่งของการนำพวกเขากลับไปสู่ดินแดนอันเป็นรากเหง้าของเขาเอง....

....

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ...P

ความเป็นเหตุเป็นผลของเด็กกับผู้ใหญ่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...   บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจเเหตุผลของเด็ก ๆ  ทั้งที่เราเองก็เคยเป็นเด็กมาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย   ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลพวงของสภาพสังคมที่แตกต่างกัน

ผมชอบมองเด็กที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทราย   เพราะนั่นคือการสะท้อนให้เห็นจินตนาการของเด็ก ๆ   อีกทั้งยังเห็นความเพียรพยายามของเด็ก ๆ  ที่จะก่อร่างสร้างเจดีย์ให้เป็นรูปร่างที่มั่นคง

จินตนาการของเด็ก ๆ  ไม่ซับซ้อน   เพราะโลกของเขารื่นรมย์และบริสุทธิ์

ผมเข้าใจเช่นนั้นนะครับ

สวัสดีครับ...P

ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจและความปรารถนาดี  ..  การมาของลูก ๆ  ช่วยให้ชีวิตของผมมีจุดหมายที่แจ่มชัดขึ้น  และช่วยย้ำเตือนให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีเหตุผล

และพวกเขาเองก็ทำให้เรารู้ว่า  ความหมายของการมีชีวิตอยู่นั้นมิใช่อยู่เพียงเพื่อตนเองเสมอไป  หากแต่หมายถึงการอยู่เพื่อคนที่เรารักด้วยเหมือนกัน

ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับ อ.แป๋ว  P

 paew

ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณมากเลยสำหรับความกรุณาที่อยากให้ผมได้เขียนเรื่องราวตนเองลงในเฮฮาศาสตร์ 1   แต่เชื่อว่าหลายคนก็ตกขบวนเหมือนกัน   ขืนปล่อยให้ผมได้รับสิทธิพิเศษ  ก็ดูประหนึ่งจะไม่น่ารักนัก   ....  แต่ก็ขอน้อมรับน้ำใจด้วยใจก่อนแล้วกัน

สมัยก่อนผมเป็นมนุษย์?ไปราชการได้ยาวนานอย่างไม่สะทกสะท้าน  แต่ทุกวันนี้ไปไหนได้ไม่นาน  เพราะหัวใจ "ฮำฮอน" ถึงลูก ๆ  ยิ่งถ้าได้ยินเสียงมาทางโทรศัพท์  ผมก้แทบอยากที่จะมุดแผ่นดินไปโผล่ที่บ้านเสียให้ทันใจ ....

ลูก ๆ  เป็นรอยยิ้มสำหรับผมเสมอมา - ครับ

พี่หมูครับ...P

เมื่อวานสองหนุ่มยังบอกอยู่เลยว่าคิดถึง "ป้าหมู" ...  และถามผมว่า  "อีกโดน บ่  จังสิได้เห็นป้าหมูอีก"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท